คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บุศย์ ขันธวิทย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 357 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232-1233/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมพิจารณาคดีแพ่งและอาญา การฟังข้อเท็จจริงสอดคล้องกันในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย ปัญหาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยนั้นเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นโดยตรงในคดีอาญา เมื่อคดีส่วนอาญาศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ในการพิจารณาคดีส่วนแพ่ง ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษจำคุกในคดีฆ่าผู้อื่น: ศาลฎีกาพิจารณาการขอเพิ่มโทษตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์ฎีกาขอให้วางโทษจำเลยให้หนักขึ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 212 ประกอบกับมาตรา 225 แล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษจำคุกในคดีฆ่าผู้อื่น โดยพิจารณาจากเจตนาและพฤติการณ์แห่งการกระทำ
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 เช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์ฎีกาขอให้วางโทษจำเลยให้หนักขึ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบกับมาตรา 225 แล้ว ที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 92 นั้น ศาลได้วางโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตแล้ว จึงเพิ่มโทษอีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์/ฎีกาไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย, ทรัพย์สินระหว่างทิ้งร้าง, สิทธิในมรดก
โจทก์อุทธรณ์ยืดยาวและวกวน และได้ใช้ถ้อยคำในอุทธรณ์ว่า ในประเด็นอื่น ๆ ที่ศาลชั้นต้นยังมิได้นำมาพิจารณาขอได้โปรดนำมาพิจารณาให้เป็นคุณแก่โจทก์ด้วยถือว่าโจทก์ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาแล้ว แต่เมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในอุทธรณ์นั้น โจทก์มิได้กล่าวไว้แจ้งชัดในอุทธรณ์ อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้ศาลจะฟังได้ตามข้ออุทธรณ์ของโจทก์ ศาลก็ไม่อาจพิพากษาให้เป็นไปตามอุทธรณ์ของโจทก์ได้ เพราะเป็นการเกินคำขอ
จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยแยกกันและได้หย่าร้างขาดจากสามีภริยากัน ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยได้ทิ้งร้างกัน เป็นการวินิจฉัยตามประเด็น ไม่เป็นการนอกประเด็น
โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ความสัมพันธ์ในครอบครัวจึงตกอยู่ภายใต้กฎหมายลักษณะผัวเมีย ทรัพย์สินที่ทั้งสองฝ่ายได้มาในระหว่างทิ้งร้างกัน ไม่เป็นสินสมรสระหว่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้ศาลฟังได้ตามข้ออุทธรณ์ก็ไม่อาจพิพากษาให้เป็นไปตามอุทธรณ์ได้ ทรัพย์สินระหว่างทิ้งร้างไม่เป็นสินสมรส
โจทก์อุทธรณ์ยืดยาวและวกวน และได้ใช้ถ้อยคำในอุทธรณ์ว่า ในประเด็นอื่นๆที่ศาลชั้นต้นยังมิได้นำมาพิจารณาขอได้โปรดนำมาพิจารณาให้เป็นคุณแก่โจทก์ด้วย ถือว่าโจทก์ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาแล้ว แต่เมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในอุทธรณ์นั้น โจทก์มิได้กล่าวไว้แจ้งชัดในอุทธรณ์ อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้ศาลจะฟังได้ตามข้ออุทธรณ์ของโจทก์ ศาลก็ไม่อาจพิพากษาให้เป็นไปตามอุทธรณ์ของโจทก์ได้ เพราะเป็นการเกินคำขอ
จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยแยกกันและได้หย่าร้างขาดจากสามีภริยากัน ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยได้ทิ้งร้างกันเป็นการวินิจฉัยตามประเด็น ไม่เป็นการนอกประเด็น
โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 ความสัมพันธ์ในครอบครัวจึงตกอยู่ภายใต้กฎหมายลักษณะผัวเมีย ทรัพย์สินที่ทั้งสองฝ่ายได้มาในระหว่างทิ้งร้าง ไม่เป็นสินสมรสระหว่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลไทยเหนือจำเลยต่างชาติในคดีหนี้เหนือบุคคล
ในกรณีเกี่ยวกับหนี้เหนือบุคคล ถ้าจำเลยเป็นชาวต่างประเทศและอยู่ในต่างประเทศ ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย แม้มูลกรณีจะเกิดในเขตศาลไทยหรือจำเลยมีทรัพย์อยู่ในเขตศาลนั้น โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลไทย จนกว่าจำเลยจะได้เข้ามาในประเทศไทย และศาลจะดำเนินคดีต่อไปได้ก็ต่อเมื่อไดส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยแล้ว
การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในเมืองต่างประเทศตามมาตรา 34 นั้น ใช้ในกรณีที่ศาลรับฟ้องของโจทก์ไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาในต่างประเทศซึ่งศาลอาจขอร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดการให้ตามความสัมพันธ์ทางการต่างประเทศได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลจำกัดในคดีหนี้เหนือบุคคล จำเลยต่างชาติ – ต้องส่งหมายเรียกก่อน
ในกรณีเกี่ยวกับหนี้เหนือบุคคล ถ้าจำเลยเป็นชาวต่างประเทศและอยู่ในต่างประเทศ ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยแม้มูลกรณีจะเกิดในเขตศาลไทยหรือจำเลยมีทรัพย์อยู่ในเขตศาลนั้น โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลไทย จนกว่าจำเลยจะได้เข้ามาในประเทศไทย และศาลจะดำเนินคดีต่อไปได้ก็ต่อเมื่อได้ส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยแล้ว
การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในเมืองต่างประเทศตามมาตรา 34 นั้น ใช้ในกรณีที่ศาลรับฟ้องของโจทก์ไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาในต่างประเทศซึ่งศาลอาจขอร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดการให้ตามความสัมพันธ์ทางการต่างประเทศได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมอุทิศศพ: ศพเป็นวัตถุแห่งเจตนาที่สามารถกำหนดในพินัยกรรมได้ แม้ไม่ใช่ทรัพย์สิน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1646 นอกจากผู้ตายจะแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินแล้วยังแสดงเจตนาในการต่างๆ อันจะให้เกิดเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อตนตายก็ได้ คำว่าการต่างๆตามที่กฎหมายบัญญัตินั้น ก็สุดแต่ผู้ตายจะได้แสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในการต่างๆ ไว้ หากชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้จะไม่เกี่ยวกับทรัพย์สิน ก็มีผลบังคับได้ตามพินัยกรรมเมื่อตนตายแล้ว และการต่างๆนั้นมิใช่จะต้องมีกฎหมายระบุไว้ว่าเป็นการใดบ้าง
ผู้ตายได้แสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายเกี่ยวกับศพของผู้ตายโดยอุทิศศพของผู้ตายให้แก่กรมมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์โดยทำถูกต้องตามแบบพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1656 พินัยกรรมของผู้ตายนั้นย่อมสมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทิศศพตามพินัยกรรม: ศพไม่ใช่ทรัพย์สิน แต่พินัยกรรมสมบูรณ์หากแสดงเจตนาชัดเจน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1646 นอกจากผู้ตายจะแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินแล้ว ยังแสดงเจตนาในการต่าง ๆ อันจะให้เกิดเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อตนตายก็ได้ คำว่าการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัตินั้น ก็สุดแต่ผู้ตายจะได้แสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในการต่าง ๆ ไว้ หากชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้จะไม่เกี่ยวกับทรัพย์สิน ก็มีผลบังคับได้ตามพินัยกรรมเมื่อตนตายแล้ว และการต่าง ๆ นั้นมิใช่จะต้องมีกฎหมายระบุไว้ว่าเป็นการใดบ้าง
ผู้ตายได้แสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายเกี่ยวกับศพของผู้ตายโดยอุทิศศพของผู้ตายให้แก่กรมมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ โดยทำถูกต้องตามแบบพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1656 พินัยกรรมของผู้ตายนั้นย่อมสมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากผู้ร้องถึงแก่กรรมและไม่มีผู้ดำเนินการแทน
ในกรณีที่ผู้ร้องยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่สั่งว่าเรือนพิพาทที่โจทก์ยึดฟังไม่ได้ว่าเป็นของผู้ร้อง ต่อมาปรากฏว่าผู้ร้องได้ถึงแก่มรณะและตั้งแต่นั้นมาจนบัดนี้เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้ร้อง ดังนี้ ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์ออกเสียจากสารบบความศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(3)
of 36