คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บุศย์ ขันธวิทย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 357 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากอุบัติเหตุทางน้ำ: การชดใช้ค่าเสียหายเมื่อเกิดการบาดเจ็บและการสูญเสียความสามารถในการทำงาน
จำเลยขับเรือยนต์โดยประมาทชนเรือที่โจทก์โดยสารมาล่มลง โจทก์ถูกเรือจำเลยชนกระดูกซี่โครงซี่ต้นหัก และกระดูกยังไม่งอกติดกัน แขนซ้ายก็ยังยกสิ่งของและทำงานไม่ได้ตามปกติที่เคยทำ เพราะเวลายกสิ่งของก็มีอาการเสียวและเจ็บปวดที่หน้าอกและทำงานหนักไม่ได้ แพทย์ผู้รักษาว่าไม่แน่ว่าจะหาย ถือได้ว่าโจทก์เสียความสามารถประกอบการงานตามปกติไป โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยผู้กระทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 และ 446 ได้
การพิจารณาให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเท่าใด เพียงไรนั้น เป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดให้ เมื่อศาลเห็นว่าโจทก์ชนะคดีเกือบเต็มฟ้อง จึงพิจารณาให้จำเลยใช้ค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เต็มตามฟ้องย่อมเป็นการสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการขับเรือประมาท ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียความสามารถในการทำงาน
จำเลยขับเรือยนต์โดยประมาทชนเรือที่โจทก์โดยสารมาล่มลง
โจทก์ถูกเรือจำเลยชนกระดูกซี่โครงซีกต้นหัก และกระดูกยังไม่งอกติดกันแขนซ้ายก็ยังยกสิ่งของและทำงานไม่ได้ตามปกติที่เคยทำเพราะเวลายกสิ่งของก็มีอาการเสียวและเจ็บปวดที่หน้าอกและทำงานหนักไม่ได้แพทย์ผู้รักษาว่าไม่แน่ว่าจะหาย ถือได้ว่าโจทก์เสียความสามารถประกอบการงานตามปกติไปโจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยผู้กระทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา444 และ 446 ได้
การพิจารณาให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเท่าใด เพียงไร นั้น เป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดให้เมื่อศาลเห็นว่าโจทก์ชนะคดีเกือบเต็มฟ้องจึงพิจารณาให้จำเลยใช้ค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เต็มตามฟ้องย่อมเป็นการสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ครอบครองเช็คโดยชอบ ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดชอบ แม้ไม่ได้ระบุแหล่งที่มาของเช็ค
เช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือนั้น ผู้ใดครอบครองเช็คนั้นเบื้องต้นก็ต้องถือว่าเป็นผู้ทรงเช็คนั้นโดยชอบ จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้เช็คจากใคร ในฐานะอย่างไร เมื่อใด แต่อย่างไร และฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็คพิพาทจึงถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินยังธนาคารไม่ได้ จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่าย ก็ต้องมีหน้าที่รับผิดต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ถือเช็คโดยชอบ ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดชอบหนี้ตามเช็ค แม้ไม่ได้ระบุที่มาของเช็ค
เช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือนั้น ผู้ใดครอบครองเช็คนั้นเบื้องต้นก็ต้องถือว่าเป็นผู้ทรงเช็คนั้นโดยชอบจึงไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้เช็คจากใคร ในฐานะอย่างไรเมื่อใด แต่อย่างไรและฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็คพิพาทจึงถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินยังธนาคารไม่ได้จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่าย ก็ต้องมีหน้าที่รับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกคืนเงินสินสอด แม้มีการฉุดคร่าก่อน แต่ตกลงสมรสได้ และการสมรสไม่เกิดขึ้น
แม้ในตอนแรกชายจะฉุดคร่าหญิงไปก็ตาม ภายหลังชายหญิงนั้นก็ตกลงจะทำการสมรสกันได้
การที่ชายได้พาหญิงไปในทางชู้สาวยังไม่เป็นการสมรสตามกฎหมาย ชายหญิงนั้นย้อนกลับมาทำการสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ และชายยอมให้สินสอดแก่บิดาหญิงได้
เงินสินสอดที่บิดาโจทก์มอบให้แก่จำเลยที่ 1 บิดาของหญิงนั้น เมื่อไม่มีการสมรส โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกคืนได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกคืนเงินสินสอดหลังการฉุดคร่าและการตกลงสมรส แม้จะมีการฉุดคร่าเกิดขึ้นก่อน
แม้ในตอนแรกชายจะฉุดคร่าหญิงไปก็ตาม ภายหลังชายหญิงนั้นก็ตกลงจะทำการสมรสกันได้
การที่ชายได้พาหญิงไปในทางชู้สาวยังไม่เป็นการสมรสตามกฎหมายชายหญิงนั้นย้อนกลับมาทำการสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ และชายยอมให้สินสอดแก่บิดาหญิงได้
เงินสินสอดที่บิดาโจทก์มอบให้แก่จำเลยที่ 1 บิดาของหญิงนั้นเมื่อไม่มีการสมรส โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกคืนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารสัญญากู้ยืมเงินหลังทำสัญญาแล้ว ไม่ทำให้สัญญาเป็นโมฆะ หากจำเลยได้รับเงินกู้จริง
เดิมจำเลยทำสัญญากู้เงินไว้ให้โจทก์จำนวนหนึ่ง ต่อมาโจทก์ลอบเติมเลข 1 ลงหน้าจำนวนเงินในเอกสารนั้น ทำให้จำนวนเงินกู้มากขึ้นแล้วเอาเอกสารนั้นมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลย ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวนเดิม คือจำนวนที่จำเลยยืมไปได้ การเติมเลข 1 ลงเพื่อเพิ่มจำนวนเงินกู้เดิมไม่ทำให้หลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือเดิมเสียไป.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขจำนวนเงินในหลักฐานกู้ยืม ไม่ทำให้สัญญาเป็นโมฆะ แม้จะเพิ่มจำนวนเงินภายหลัง
เดิมจำเลยทำสัญญากู้เงินไว้ให้โจทก์จำนวนหนึ่งต่อมาโจทก์ลอบเติมเลข 1 ลงหน้าจำนวนเงินในเอกสารนั้นทำให้จำนวนเงินกู้มากขึ้นแล้วเอาเอกสารนั้นมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวนเดิมคือ จำนวนที่จำเลยยืมไปได้ การเติมเลข 1 ลงเพื่อเพิ่มจำนวนเงินกู้เดิมไม่ทำให้หลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือเดิมเสียไป(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มเติมฟ้องหลังศาลนัดสืบพยาน: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่ขัดต่อกฎหมาย หากยังไม่ถือว่าเป็นการชี้สองสถานและมีการเลื่อนการสืบพยาน
ในวันนัดพร้อม ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า 'ประเด็นตกโจทก์นำสืบก่อนให้นัดสืบพยานโจทก์ 12 ก.พ. 06 เวลา 8.30 น. ' ดังนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นการชี้สองสถานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183
ศาลนัดสืบพยานโจทก์ไว้ แต่เพราะโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องในวันนั้นศาลจึงสั่งนัดพิจารณาคำร้องและคู่ความขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อนดังนี้ไม่ถือว่าวันนั้นเป็นวันสืบพยานโจทก์คำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องที่ยื่นในวันนั้นจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องหลังศาลยังไม่ได้ชี้สองสถาน ไม่ขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ในวันนัดพร้อม ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า "ประเด็นตกโจทก์นำสืบก่อน ให้นัดสืบพยานโจทก์ 12 ก.พ. 06 เวลา 8.30 น." ดังนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นการชี้สองสถานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183
ศาลนัดสืบพยานโจทก์ไว้ แต่เพราะโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องในวันนั้น ศาลจึงสั่งนัดพิจารณาคำร้อง และคู่ความขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อน ดังนี้ ไม่ถือว่าวันนั้นเป็นวันสืบพยานโจทก์ คำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องที่ยื่นในวันนั้น จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180.
of 36