พบผลลัพธ์ทั้งหมด 566 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมให้เชิดตัวเป็นตัวแทนออกตั๋วแลกเงิน ทำให้จำเลยที่ 1 มีหน้าที่รับผิดชอบในตั๋วแลกเงิน
การที่นายจ้างยอมให้ลูกจ้างเชิดตัวลูกจ้างออกแสดงเป็นตัวแทนของนายจ้างในการออกตั๋วแลกเงินเพื่อขายให้บุคคลภายนอกนั้น กรณีเช่นนี้ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือดังเช่นการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนโดยตรง และเมื่อหาตัวผู้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินนั้นไม่ได้ ผู้ทรงย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยจากนายจ้างได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1481/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดแก้คดีเนื่องจากข้อบกพร่องในการส่งหมายเรียก จำเลยต้องแสดงเหตุผลการขาดนัดและข้อคัดค้านคำพิพากษาอย่างชัดเจน
คำร้องของจำเลยมีความว่า เหตุที่จำเลยมิได้ยื่นคำให้การแก้คดี เนื่องจากจำเลยไม่เคยทราบหมายเรียกและคำฟ้องของโจทก์ เพราะโจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ตรงตามภูมิลำเนาอันแท้จริงของจำเลย และชื่อจำเลยตามฟ้องก็ไม่ถูกต้อง ขอให้ศาลสั่งโจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องเพื่อให้จำเลยแก้คดีเสียให้ถูกต้องนั้น ไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล คำร้องของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลจะสั่งให้มีการพิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1481/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและข้ออ้างเรื่องการส่งหมายเรียกไม่ถูกต้อง ศาลไม่รับพิจารณาคดีใหม่
คำร้องของจำเลยมีความว่า เหตุที่จำเลยมิได้ยื่นคำให้การแก้คดีเนื่องจากจำเลยไม่เคยทราบหมายเรียกและคำฟ้องของโจทก์ เพราะโจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ตรงตามภูมิลำเนาอันแท้จริงของจำเลยและชื่อจำเลยตามฟ้องก็ไม่ถูกต้อง ขอให้ศาลสั่งโจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องเพื่อให้จำเลยแก้คดีเสียให้ถูกต้องนั้น ไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล คำร้องของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลจะสั่งให้มีการพิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนการพิจารณาคดีขัดทรัพย์: เหตุจำเป็นและความสมเหตุสมผลในการสืบพยาน
คดีร้องขัดทรัพย์ ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องนัดแรก ผู้ร้องขอเลื่อนการพิจารณาโดยอ้างว่าตัวผู้ร้องซึ่งเป็นพยานด้วยไปราชการต่างจังหวัดกับทนายความคิดว่าความอีกศาลหนึ่งเมื่อได้ความว่าการกำหนดวันนัด ผู้ร้องและทนายความมิได้มาศาลตกลงกำหนดวันนัดด้วย ดังนี้นับได้ว่ามีความจำเป็นพอสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนการพิจารณาคดีขัดทรัพย์: เหตุผลความจำเป็นและประโยชน์แห่งความยุติธรรม
คดีร้องขัดทรัพย์ ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องนัดแรก ผู้ร้องขอเลื่อนการพิจารณาโดยอ้างว่าตัวผู้ร้องซึ่งเป็นพยานด้วย ไปราชการต่างจังหวัดกับทนายความติดว่าความอีกศาลหนึ่ง เมื่อได้ความว่าการกำหนดวันนัด ผู้ร้องและทนายความมิได้มาศาลตกลงกำหนดวันนัดด้วย ดังนี้นับได้ว่ามีความจำเป็นพอสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471-1472/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฐานะผู้ว่าฯ-นายอำเภอในการรักษาที่สาธารณสมบัติ และผลผูกพันคำพิพากษาเดิม
ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอเป็นผู้มีหน้าที่รักษาที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน มีสิทธิและหน้าที่อย่างเดียวกัน ตามกฎหมายในเรื่องที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ผู้ว่าราชการจังหวัดกับนายอำเภอไม่มีฐานะต่างกัน
เดิม ศาลพิพากษาในคดีแดงที่ 15/2495 ซึ่งนายอำเภอวารินชำราบเป็นโจทก์ ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ให้ยกฟ้องในคดีนั้น ที่พิพาทในคดีนี้เป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่พิพาทในคดีแดงที่ 15/2495 ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้โจทก์ในคดีนี้จะเป็นจำเลยในคดีแดงที่ 15/2495 และศาลมิได้ชี้ขาดในคดีแดงที่ 15/2495 โดยตรงว่า ที่พิพาทในคดีนั้นเป็นของจำเลยในคดีนั้น ( คือ โจทก์ในคดีนี้ ) แต่ผลของคำพิพากษาที่วินิจฉัยว่าโจทก์ในคดีนั้นไม่มีพยานหลักฐานพอฟังว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ก็ผูกพันโจทก์คดีนี้และผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี จำเลยคดีนี้ มิได้รื้อฟ้องพิพาทกันในคดีนี้อีกว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
เดิม ศาลพิพากษาในคดีแดงที่ 15/2495 ซึ่งนายอำเภอวารินชำราบเป็นโจทก์ ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ให้ยกฟ้องในคดีนั้น ที่พิพาทในคดีนี้เป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่พิพาทในคดีแดงที่ 15/2495 ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้โจทก์ในคดีนี้จะเป็นจำเลยในคดีแดงที่ 15/2495 และศาลมิได้ชี้ขาดในคดีแดงที่ 15/2495 โดยตรงว่า ที่พิพาทในคดีนั้นเป็นของจำเลยในคดีนั้น ( คือ โจทก์ในคดีนี้ ) แต่ผลของคำพิพากษาที่วินิจฉัยว่าโจทก์ในคดีนั้นไม่มีพยานหลักฐานพอฟังว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ก็ผูกพันโจทก์คดีนี้และผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี จำเลยคดีนี้ มิได้รื้อฟ้องพิพาทกันในคดีนี้อีกว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471-1472/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาเดิมกับคดีใหม่เกี่ยวกับที่สาธารณสมบัติ แม้คู่ความเปลี่ยนฐานะ
ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอเป็นผู้มีหน้าที่รักษาที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน มีสิทธิและหน้าที่อย่างเดียวกันตามกฎหมายในเรื่องที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ผู้ว่าราชการจังหวัดกับนายอำเภอไม่มีฐานะต่างกัน
เดิมศาลพิพากษาในคดีแดงที่ 15/2495 ซึ่งนายอำเภอวารินชำราบเป็นโจทก์ ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ให้ยกฟ้องโจทก์ในคดีนั้น ที่พิพาทในคดีนี้เป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่พิพาทในคดีแดงที่ 15/2495 ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้โจทก์ในคดีนี้จะเป็นจำเลยในคดีแดงที่ 15/2495 และศาลมิได้ชี้ขาดในคดีแดงที่ 15/2495 โดยตรงว่า ที่พิพาทในคดีนั้นเป็นของจำเลยในคดีนั้น (คือ โจทก์ในคดีนี้) แต่ผลของคำพิพากษาที่วินิจฉัยว่าโจทก์ในคดีนั้นไม่มีพยานหลักฐานพอฟังว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ก็ผูกพันโจทก์คดีนี้และผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีจำเลยคดีนี้ มิให้รื้อร้องฟ้องพิพาทกันในคดีนี้อีกว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
เดิมศาลพิพากษาในคดีแดงที่ 15/2495 ซึ่งนายอำเภอวารินชำราบเป็นโจทก์ ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ให้ยกฟ้องโจทก์ในคดีนั้น ที่พิพาทในคดีนี้เป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่พิพาทในคดีแดงที่ 15/2495 ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้โจทก์ในคดีนี้จะเป็นจำเลยในคดีแดงที่ 15/2495 และศาลมิได้ชี้ขาดในคดีแดงที่ 15/2495 โดยตรงว่า ที่พิพาทในคดีนั้นเป็นของจำเลยในคดีนั้น (คือ โจทก์ในคดีนี้) แต่ผลของคำพิพากษาที่วินิจฉัยว่าโจทก์ในคดีนั้นไม่มีพยานหลักฐานพอฟังว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ก็ผูกพันโจทก์คดีนี้และผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีจำเลยคดีนี้ มิให้รื้อร้องฟ้องพิพาทกันในคดีนี้อีกว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1437/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและการมีอำนาจฟ้องของเจ้าของร่วม สัญญาเช่าไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนหากระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี
การรับเงินกินเปล่าเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าตามสัญญาธรรมดา ไม่เป็นเหตุที่จะบังคับให้โจทก์ต้องยอมให้จำเลยเช่าเกิน 3 ปี โดยไม่ต้องจดทะเบียน โจทก์บอกเลิกการเช่าได้ ( อ้างฎีกาที่ 1325/2506 )
โจทก์นำหนังสือบอกกล่าวเลิกการเช่าไปส่งให้จำเลย ไม่พบจำเลย จึงอ่านข้อความในหนังสือนั้นให้คนในร้านฟัง แล้วให้เซ็นรับ แต่ไม่มีคนยอมรับ จึงได้ทิ้งหนังสือไว้ที่ในร้านชองจำเลย ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาเช่าไปถึงจำเลยโดยชอบแล้ว
โจทก์นำหนังสือบอกกล่าวเลิกการเช่าไปส่งให้จำเลย ไม่พบจำเลย จึงอ่านข้อความในหนังสือนั้นให้คนในร้านฟัง แล้วให้เซ็นรับ แต่ไม่มีคนยอมรับ จึงได้ทิ้งหนังสือไว้ที่ในร้านชองจำเลย ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาเช่าไปถึงจำเลยโดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1437/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเกิน 3 ปี การบอกเลิกสัญญา และการแสดงเจตนาโดยชอบ
การรับเงินกินเปล่าเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าตามสัญญาธรรมดาไม่เป็นเหตุที่จะบังคับให้โจทก์ต้องยอมให้จำเลยเช่าเกิน 3 ปี โดยไม่ต้องจดทะเบียน โจทก์บอกเลิกการเช่าได้ (อ้างฎีกาที่ 1325/2506)
โจทก์นำหนังสือบอกกล่าวเลิกการเช่าไปส่งให้จำเลย ไม่พบจำเลยจึงอ่านข้อความในหนังสือนั้นให้คนในร้านฟัง แล้วให้เซ็นรับ แต่ไม่มีคนยอมรับ จึงได้ทิ้งหนังสือไว้ที่ในร้านของจำเลย ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาเช่าไปถึงจำเลยโดยชอบแล้ว
โจทก์นำหนังสือบอกกล่าวเลิกการเช่าไปส่งให้จำเลย ไม่พบจำเลยจึงอ่านข้อความในหนังสือนั้นให้คนในร้านฟัง แล้วให้เซ็นรับ แต่ไม่มีคนยอมรับ จึงได้ทิ้งหนังสือไว้ที่ในร้านของจำเลย ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาเช่าไปถึงจำเลยโดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1433/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอยู่โดยอาศัยสิทธิเช่าที่หมดอายุแล้วถือเป็นการละเมิด หากยังขัดขืนอยู่ แม้จะมีการอ้างสิทธิอื่น
แม้โจทก์จะตั้งประเด็นในคำฟ้องว่าจำเลยปลูกเรือนในที่ดินของโจทก์ โดยไม่มีนิติสัมพันธ์อย่างใดกับโจทก์หรือเจ้าของเดิม เป็นการละเมิด และจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยอยู่โดยอาศัยสิทธิแห่งการเช่าก็ดี กรณีก็ยังมีปัญหาว่าจำเลยจะอยู่โดยอาศัยสิทธิแห่งการเช่านั้นต่อไปได้หรือไม่ เพราะถ้าการเช่าหมดอายุสัญญาเช่า จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่โดยอาศัยสิทธิแห่งการเช่านั้นต่อไป การที่ยังขัดขืนอยู่ ย่อมเป็นการละเมิด