คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วิเชียร เศวตรุนทร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 566 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในคดีอาญา: ผู้เสียหายต้องเสียหายโดยตรงจากเหตุอาญา
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้รู้เห็นในการที่สิบตำรวจเอกสุชินฆ่านายปิงแต่จำเลยไม่จับกุม.สิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดีตามคำกล่าวหาของภรรยานายปิง. ได้ชื่อว่าจำเลยกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่. ฟ้องโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย. หากจำเลยจะได้จับกุมหรือไม่จับกุมสิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดี. เพราะไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์. และความผิดตามข้ออ้าง เป็นความผิดต่อบ้านเมืองในการดำเนินการปกครองของรัฐโดยเฉพาะ. โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)ไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากความผิดต่อบ้านเมือง
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้รู้เห็นในการที่สิบตำรวจเอกสุชินฆ่านายปิงแต่จำเลยไม่จับกุมสิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดีตามคำกล่าวหาของภรรยานายปิง ได้ชื่อว่าจำเลยกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ ฟ้องโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย หากจำเลยจะได้จับกุมหรือไม่จับกุมสิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดี เพราะไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ และความผิดตามข้ออ้าง เป็นความผิดต่อบ้านเมืองในการดำเนินการปกครองของรัฐโดยเฉพาะ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการกระทำความผิด
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้รู้เห็นในการที่สิบตำรวจเอกสุชินฆ่านายปิงแต่จำเลยไม่จับกุม.สิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดีตามคำกล่าวหาของภรรยานายปิง ได้ชื่อว่าจำเลยกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ ฟ้องโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย หากจำเลยจะได้จับกุมหรือไม่จับกุมสิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดี เพราะไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ และความผิดตามข้ออ้าง เป็นความผิดต่อบ้านเมืองในการดำเนินการปกครองของรัฐโดยเฉพาะ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1858/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำสัญญาจะขายที่ดิน แม้จะหลงเชื่อคำกล่าวอ้าง สัญญาจึงสมบูรณ์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำกลฉ้อฉลว่า สัญญาที่จะให้โจทก์เซ็นชื่อเป็นสัญญากู้ยืมเงิน 3,000 บาท แต่ความจริงเป็นสัญญาที่โจทก์จะขายที่ดินให้จำเลย โจทก์หลงเชื่อจึงลงลายพิมพ์นิ้วมือให้ ขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาฉบับนี้เป็นโมฆะ ศาลรับฟ้องไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1858/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำสัญญาจะขายที่ดิน แม้มีการหลอกลวงเบื้องต้น สัญญาไม่เป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำกลฉ้อฉลว่า สัญญาที่จะให้โจทก์เซ็นชื่อเป็นสัญญากู้ยืมเงิน 3,000 บาท. แต่ความจริงเป็นสัญญาที่โจทก์จะขายที่ดินให้จำเลย โจทก์หลงเชื่อจึงลงลายพิมพ์นิ้วมือให้. ขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาฉบับนี้เป็นโมฆะ ศาลรับฟ้องไว้พิจารณา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1858/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำสัญญาจะขายที่ดิน แม้จะหลงเชื่อคำกล่าวอ้าง สัญญาจึงสมบูรณ์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำกลฉ้อฉลว่า สัญญาที่จะให้โจทก์เซ็นชื่อเป็นสัญญากู้ยืมเงิน 3,000 บาท แต่ความจริงเป็นสัญญาที่โจทก์จะขายที่ดินให้จำเลย โจทก์หลงเชื่อจึงลงลายพิมพ์นิ้วมือให้ ขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาฉบับนี้เป็นโมฆะ ศาลรับฟ้องไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1813/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการเรียกเอกสารพยานหลักฐาน และหน้าที่ของผู้ครอบครองเอกสารในการส่งตามคำสั่งศาล
สำนวนการสอบสวนคดีอาญาซึ่งอยู่ในความครอบครองของพนักงานอัยการ. เมื่อศาลมีคำสั่งเรียกมาเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีแพ่ง. พนักงานอัยการจะไม่ยอมส่ง.โดยอ้างว่าผู้ต้องหาหลบหนียังอยู่ในระหว่างหมายจับ ถ้าจับได้มา.จะไม่มีสำนวนดำเนินคดีนั้น.ไม่เป็นเหตุตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำสั่งของศาลได้.ทั้งทางแก้ก็มีอยู่แล้วโดยการคัดสำเนาส่งศาลแทน.
พนักงานอัยการเคยนำส่งสำนวนการสอบสวนมาศาลครั้งหนึ่งแล้วในวันพิจารณาและขอรับคืนไปเมื่อเสร็จการพิจารณาเฉพาะวัน. ครั้นภายหลังศาลมีคำสั่งเรียกให้ส่งมาเพื่อใช้พิจารณาประกอบการพิพากษา. พนักงานอัยการจะปฏิเสธไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าเป็นความลับในราชการ. ย่อมฟังไม่ขึ้น.
การอนุญาตให้คู่ความอ้างเอกสารใดเป็นพยาน และจะมีคำสั่งเรียกมาหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ตามกฎหมาย.ผู้ครอบครองเอกสารจะโต้แย้งว่า.ศาลไม่ควรอนุญาตหรือ.ไม่ควรเรียกมาหาได้ไม่.
คำสั่งของศาลที่เรียกเอกสารจากผู้ครอบครอง.กฎหมายมิได้กำหนดแบบไว้. ศาลจะมีคำสั่งในรูปหนังสือราชการก็อาจทำได้.
การหมายเรียกบุคคลที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งเอกสารมาศาลเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลนั้น.เมื่อศาลมีคำสั่งยืนยันให้ส่งเอกสารก็แสดงอยู่ในตัวว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลฟังได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1813/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการเรียกเอกสารพยาน และหน้าที่ของผู้ครอบครองเอกสารตามกฎหมาย
สำนวนการสอบสวนคดีอาญาซึ่งอยู่ในความครอบครองของพนักงานอัยการ เมื่อศาลมีคำสั่งเรียกมาเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีแพ่ง พนักงานอัยการจะไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าผู้ต้องหาหลบหนียังอยู่ในระหว่างหมายจับ ถ้าจับได้มาจะไม่มีสำนวนดำเนินคดีนั้นไม่เป็นเหตุตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำสั่งของศาลได้ทั้งทางแก้ก็มีอยู่แล้วโดยการคัดสำเนาส่งศาลแทน
พนักงานอัยการเคยนำส่งสำนวนการสอบสวนมาศาลครั้งหนึ่งแล้วในวันพิจารณาและขอรับคืนไปเมื่อเสร็จการพิจารณาเฉพาะวัน ครั้นภายหลังศาลมีคำสั่งเรียกให้ส่งมาเพื่อใช้พิจารณาประกอบการพิพากษา พนักงานอัยการจะปฏิเสธไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าเป็นความลับในราชการ ย่อมฟังไม่ขึ้น
การอนุญาตให้คู่ความอ้างเอกสารใดเป็นพยาน และจะมีคำสั่งเรียกมาหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ตามกฎหมายผู้ครอบครองเอกสารจะโต้แย้งว่าศาลไม่ควรอนุญาตหรือไม่ควรเรียกมาหาได้ไม่
คำสั่งของศาลที่เรียกเอกสารจากผู้ครอบครองกฎหมายมิได้กำหนดแบบไว้ ศาลจะมีคำสั่งในรูปหนังสือราชการก็อาจทำได้
การหมายเรียกบุคคลที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งเอกสารมาศาลเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลนั้นเมื่อศาลมีคำสั่งยืนยันให้ส่งเอกสารก็แสดงอยู่ในตัวว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1813/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการเรียกเอกสารพยานหลักฐาน และหน้าที่ของผู้ครอบครองเอกสารในการส่งมอบตามคำสั่งศาล แม้มีข้ออ้างเรื่องความลับ
สำนวนการสอบสวนคดีอาญาซึ่งอยู่ในความครอบครองของพนักงานอัยการ เมื่อศาลมีคำสั่งเรียกมาเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีแพ่ง พนักงานอัยการจะไม่ยอมส่ง โดยอ้างว่าผู้ต้องหาหลบหนียังอยู่ในระหว่างหมายจับ ถ้าจับได้มา จะไม่มีสำนวนดำเนินคดีนั้น ไม่เป็นเหตุตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำสั่งของศาลได้ทั้งทางแก้ก็มีอยู่แล้วโดยการคัดสำเนาส่งศาลแทน
พนักงานอัยการเคยนำส่งสำนวนการสอบสวนมาศาลครั้งหนึ่งแล้วในวันพิจารณาและขอรับคืนไปเมื่อเสร็จการพิจารณาเฉพาะวัน ครั้นภายหลังศาลมีคำสั่งเรียกให้ส่งมาเพื่อใช้พิจารณาประกอบการพิพากษา พนักงานอัยการจะปฏิเสธไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าเป็นความลับในราชการ ย่อมฟังไม่ขึ้น
การอนุญาตให้คู่ความอ้างเอกสารใดเป็นพยาน และจะมีคำสั่งเรียกมาหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ตามกฎหมายผู้ครอบครองเอกสารจะโต้แย้งว่า ศาลไม่ควรอนุญาตหรือ ไม่ควรเรียกมาหาได้ไม่
คำสั่งของศาลที่เรียกเอกสารจากผู้ครอบครอง กฎหมายมิได้กำหนดแบบไว้ ศาลจะมีคำสั่งในรูปหนังสือราชการก็อาจทำได้
การหมายเรียกบุคคลที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งเอกสารมาศาลเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลนั้น เมื่อศาลมีคำสั่งยืนยันให้ส่งเอกสารก็แสดงอยู่ในตัวว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้ต้องไม่มีข้อต่อสู้: แม้จำเลยอ้างหนี้ค่าเช่า แต่เมื่อโจทก์ยังโต้แย้งสิทธิเรียกร้องนั้น ยังไม่สามารถหักกลบลบหนี้ได้
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย จำเลยให้การต่อสู้ว่า หากจำเลยจะต้องรับผิดบ้างก็ขอหักกลบลบหนี้กับค่าเช่าซึ่งโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยอยู่ แม้โจทก์จะมิได้แถลงโต้แย้งเกี่ยวกับข้อที่จำเลยขอหักกลบลบหนี้ แต่ในชั้นพิจารณาโจทก์เบิกความเป็นพยานว่า การชำระค่าเช่าโจทก์ชำระล่วงหน้า 6 เดือน ต่อจากนั้นโจทก์ก็ชำระบ้างไม่ชำระบ้าง ส่วนใบรับเงินโจทก์ได้รับบ้างไม่ได้รับบ้าง แสดงว่าโจทก์ยังมีข้อต่อสู้ในเรื่องหนี้ค่าเช่าที่จำเลยขอหักกลบลบหนี้นั้นอยู่ จำเลยจึงจะนำหนี้ค่าเช่ามาขอหักกลบลบหนี้กับค่าเสียหายที่ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระแก่โจทก์ในคดีนี้หาได้ไม่ ศาลไม่จำต้องพิจารณาต่อไปว่าโจทก์เป็นหนี้ค่าเช่าจำเลยอยู่จริงดังจำเลยกล่าวอ้างหรือไม่
of 57