พบผลลัพธ์ทั้งหมด 332 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1777/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งทำลายสัญญาเช่าที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย และเรียกค่าเสียหายโดยอ้างสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับบุคคลภายนอกมาประกอบการเรียกค่าเสียหาย จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับบุคคลภายนอกทำขึ้นโดยไม่สุจริตและฟ้องแย้งขอให้ทำลายสัญญาเช่า ศาลสั่งรับเฉพาะคำให้การ ส่วนฟ้องแย้งนั้นถือว่าสัญญาเช่านั้นเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับบุคคลภายนอก จำเลยไม่มีส่วนได้เสียถึงกับจะขอให้ศาลสั่งทำลายสัญญานั้นได้ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมจำเลยจะฟ้องแย้งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1763/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ การใช้ปืนขู่เข็ญเพื่อหลบหนี ทำให้ความผิดเป็นชิงทรัพย์
จำเลยที่ 2 มีปืนเป็นอาวุธยืนคอยอยู่ที่ถนน จำเลยที่ 1 เข้าไปทำทีซื้อข้าวโพดคั่วจากผู้เสียหายแล้วกระชากสร้อยคอผู้เสียหายพาวิ่งไป ตำรวจเดินมาพบเหตุการณ์เข้าพอดี ได้วิ่งไล่ตามในระยะใกล้ชิด จำเลยที่ 2 ได้ยิงปืนขึ้น 3 นัด แล้วจำเลยทั้งสองวิ่งไปด้วยกัน การที่จำเลยที่ 2 ยิงปืนเพื่อขู่เข็ญมิให้ตำรวจไล่ติดตามไปเพื่อความสะดวกแก่การพาทรัพย์ไปนั้น จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1763/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชิงทรัพย์โดยใช้กำลังขู่เข็ญด้วยอาวุธปืน เพื่อความสะดวกในการหลบหนี
จำเลยที่ 2 มีปืนเป็นอาวุธยืนคอยอยู่ที่ถนน จำเลยที่ 1 เข้าไปทำทีซื้อข้าวโพดคั่วจากผู้เสียหาย แล้วกระชากสร้อยคอผู้เสียหายพาวิ่งไป ตำรวจเดินมาพบเหตุการณ์เข้าพอดี ได้วิ่งไล่ตามในระยะใกล้ชิดจำเลยที่ 2 ได้ยิงปืนขึ้น 3 นัด แล้วจำเลยทั้งสองวิ่งไปด้วยกัน การที่จำเลยที่ 2. ยิงปืนเพื่อขู่เข็ญมิให้ตำรวจไล่ติดตามไปเพื่อความสะดวกแก่การพาทรัพย์ไปนั้น จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1691/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสปะปนกับทรัพย์สินอื่น: สิทธิเรียกร้องในทรัพย์พิพาท
โจทก์และจำเลยต่างเป็นภรรยาของผู้ตายตามลักษณะผัวเมียโดยผู้ตายได้กับโจทก์ก่อน เมื่อผู้ตายแต่งงานกับจำเลยได้นำเงิน 6 ชั่งไปกองทุนกับจำเลย และต่อมาได้ทำมาหากินกับจำเลยจนเกิดทรัพย์พิพาทขึ้น เงิน 6 ชั่งย่อมเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตาย เมื่อนำไปใช้ทำทุนจนเกิดทรัพย์พิพาทขึ้น ถือได้ว่าสินสมรสที่โจทก์มีส่วนได้คละปะปนกับสินสมรสของจำเลย โจทก์จึงมีส่วนแบ่งในทรัพย์พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1691/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรสกรณีมีภรรยาหลายคน และทรัพย์สินคละปะปน
โจทก์และจำเลยต่างเป็นภรรยาของผู้ตายตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย โดยผู้ตายได้กับโจทก์ก่อน เมื่อผู้ตายแต่งงานกับจำเลยได้นำเงิน 6 ชั่งไปกองทุนกับจำเลย และต่อมาได้ทำมาหากินกับจำเลยจนเกิดทรัพย์พิพาทขึ้น เงิน 6 ชั่งย่อมเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตาย เมื่อนำไปใช้ทำทุนจนเกิดทรัพย์พิพาทขึ้น ถือได้ว่าสินสมรสที่โจทก์มีส่วน ได้คละปะปนกับสินสมรสของจำเลย โจทก์จึงมีส่วนแบ่งในทรัพย์พิพาท
ให้แบ่งสินสมรสเป็น 3 ส่วน ผู้ตายได้ 2 ส่วน โจทก์และจำเลยได้ 1 ส่วน
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2509)
ให้แบ่งสินสมรสเป็น 3 ส่วน ผู้ตายได้ 2 ส่วน โจทก์และจำเลยได้ 1 ส่วน
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงพลาดจากเหตุถูกข่มเหง: บันทึกโทษสถานเบาตามมาตรา 72
จำเลยถูกข่มเหงแล้วจำเลยได้ยิงคนที่ข่มเหงในขณะนั้นแต่เนื่องจากคนที่ข่มเหงต่างวิ่งหนีไป กระสุนปืนพลาดไปถูกผู้เสียหายเข้า จำเลยก็ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 60 แต่การกระทำของจำเลยนั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยถูกข่มเหงโดยไม่เป็นธรรม และกระทำลงไปโดยบันดาลโทสะ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 ประกอบด้วยมาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงพลาดจากเหตุถูกข่มเหง: ผลกระทบต่อความผิดทางอาญาและการลดโทษจากบันดาลโทสะ
จำเลยถูกข่มเหงแล้วจำเลยได้ยิงคนที่ข่มเหงในขณะนั้น แต่เนื่องจากคนที่ข่มเหงต่างวิ่งหนีไป กระสุนปืนพลาดไปถูกผู้เสียหายเข้า จำเลยก็ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 60 แต่การกระทำของจำเลยนั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยถูกข่มเหงโดยไม่เป็นธรรม และกระทำลงไปโดยบันดาลโทสะ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,80 ประกอบด้วยมาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่ตำรวจดับเพลิงในการสืบสวนคดีอาญาและการเรียกรับเงินเพื่อละเว้นการจับกุม
จำเลยเป็นตำรวจประจำกองบังคับการตำรวจดับเพลิง ได้สมคบกับจำเลยอื่นแสดงตัวกับผู้เสียหายว่าเป็นตำรวจ จะจับตัวผู้เสียหายฐานขายยาผิดประเภท แต่จำเลยกลับเรียกเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีดังกล่าว จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยจะอ้างว่าเป็นตำรวจดับเพลิง มีหน้าที่ดับเพลิงเท่านั้น ไม่มีอำนาจสอบสวนสืบสวนเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดอาญาหาได้ไม่ เพราะหน้าที่การดับเพลิงนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะตามที่ทางราชการแต่งตั้งให้ปฏิบัติ แต่โดยทั่วไปแล้ว จำเลยย่อมมีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อจำเลยได้เรียกและรับเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีอาญาฐานขายยาผิดประเภท จำเลยย่อมมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตำรวจดับเพลิงมีอำนาจสืบสวนคดีอาญาได้ การเรียกรับเงินเพื่อไม่ดำเนินคดีเป็นทุจริตต่อหน้าที่
จำเลยเป็นตำรวจประจำกองบังคับการตำรวจดับเพลิง ได้สมคบกับจำเลยอื่นแสดงตัวกับผู้เสียหายว่าเป็นตำรวจ จะจับตัวผู้เสียหายฐานขายยาผิดประเภท แต่จำเลยกลับเรียกเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีดังกล่าว จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยจะอ้างว่าเป็นตำรวจดับเพลิง มีหน้าที่ดับเพลิงเท่านั้นไม่มีอำนาจสอบสวนสืบสวนเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดอาญาหาได้ไม่เพราะหน้าที่การดับเพลิงนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะตามที่ทางราชการแต่งตั้งให้ปฏิบัติ แต่โดยทั่วไปแล้ว จำเลยย่อมมีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อจำเลยได้เรียกและรับเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีอาญาฐานขายยาผิดประเภท จำเลยย่อมมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1665/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าและไม่เกินสมควรแก่เหตุ
ผู้เสียหายมีรูปร่างใหญ่กว่าจำเลย เป็นฝ่ายรุกรานเข้ามาทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยแย่งมีดจากผู้เสียหายก็แย่งไม่ได้ จึงคว้ามีดที่โต๊ะทำอิฐแทงผู้เสียหายไปหลายทีเพื่อป้องกันตัวให้พ้นอันตราย และการกระทำของจำเลยก็เกิดขึ้นโดยกระทันหันติดพันกันในขณะนั้นเองจำเลยย่อมไม่มีโอกาสที่จะคิดเป็นอย่างอื่นนอกจากจะคิดป้องกันตัวให้พ้นอันตรายที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ทั้งขณะที่จำเลยแทงผู้เสียหายภัยที่จำเลยอาจจะได้รับจากผู้เสียหายก็ยังไม่หมดไป ในขณะนั้นจำเลยก็ไม่รู้ว่าบาดแผลของผู้เสียหายนั้นจะถึงบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถจะทำร้ายจำเลยได้อีกหรือไม่ การกระทำของจำเลยไม่เกินสมควรแก่เหตุ
การที่ผู้เสียหายเข้ามาจะทำร้ายจำเลยโดยละเมิดต่อกฎหมาย จำเลยย่อมมีอำนาจที่จะทำการป้องกันตัวได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนี
การที่ผู้เสียหายเข้ามาจะทำร้ายจำเลยโดยละเมิดต่อกฎหมาย จำเลยย่อมมีอำนาจที่จะทำการป้องกันตัวได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนี