คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทิน เกษคุปต์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 332 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้เช่าที่ดินในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของผู้อาศัยที่ไม่ปฏิบิติตามข้อตกลง
ในกรณีที่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้เช่าที่ดิน ต่อมาจำเลยได้ขออาศัยปลูกโรงไม้ขึ้นและต่อเติมขยายกิจการก่อสร้าง เมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมรื้อ ดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้ ถึงแม้โจทก์กับเจ้าของที่ดินไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าที่ดินต่อกันไว้ เพราะเป็นการฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างของจำเลยออกไปจากที่ดินที่โจทก์เช่ามาจากเจ้าของที่ดินเท่านั้น หาได้ฟ้องบังคับคดีเกี่ยวกับการเช่าที่ดินพิพาทแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกบนที่ดินเช่า แม้ไม่มีสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดิน
ในกรณีที่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้เช่าที่ดิน ต่อมาจำเลยได้ขออาศัยปลูกโรงไม้ขึ้นและต่อเติมขยายกิจการก่อสร้าง เมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมรื้อ ดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้ ถึงแม้โจทก์กับเจ้าของที่ดินไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าที่ดินต่อกันไว้ เพราะเป็นการฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างของจำเลยออกไปจากที่ดินที่โจทก์เช่ามาจากเจ้าของที่ดินเท่านั้น หาได้ฟ้องบังคับคดีเกี่ยวกับการเช่าที่ดินพิพาทแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งการครอบครองที่ดินและผลของการฟ้องคดีล่าช้าเกิน 1 ปีตามมาตรา 1375
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำขอการรับรองการทำประโยชน์ต่ออำเภอ จำเลยได้ยื่นคำคัดค้านโดยอ้างว่าโจทก์รังวัดทับที่ของจำเลย ซึ่งโจทก์ได้รับทราบคำคัดค้านของจำเลยแล้ว ดังนี้ การคัดค้านของจำเลยซึ่งให้โจทก์ได้ทราบแล้วนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้บอกกล่าวไปยังโจทก์โดยตรงว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนโจทก์ หากแต่จะยึดถือเพื่อตนเองต่อไปตามมาตรา 1381 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยได้ถือสิทธิครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองตั้งแต่นั้นแล้วซึ่งเป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์อยู่ในตัว การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองของโจทก์ต้องฟ้องภายใน 1 ปี ตาม มาตรา 1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากโจทก์ฟ้องเมื่อเกิน 1 ปีแล้วศาลก็ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งการครอบครองที่ดิน การบอกกล่าวเจตนาไม่เช่า และผลของการฟ้องเกิน 1 ปีตามมาตรา 1375
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำขอการรับรองการทำประโยชน์ต่ออำเภอ จำเลยได้ยื่นคำคัดค้านโดยอ้างว่าโจทก์รังวัดทับที่ของจำเลย ซึ่งโจทก์ได้รับทราบคำคัดค้านของจำเลยแล้ว ดังนี้ การคัดค้านของจำเลยซึ่งให้โจทก์ได้ทราบแล้วนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้บอกกล่าวไปยังโจทก์โดยตรงว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนโจทก์ หากแต่จะยึดถือเพื่อตนเองต่อไปตามมาตรา 1381 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยได้ถือสิทธิครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองตั้งแต่นั้นแล้ว ซึ่งเป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์อยู่ในตัว การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองของโจทก์ต้องฟ้องภายใน 1 ปี ตามมาตรา 1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากโจทก์ฟ้องเมื่อเกิน 1 ปีแล้วศาลก็ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1300/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมแบ่งที่ดินมีผลผูกพัน แม้ยังมิได้จดทะเบียน แบ่งตามที่ตกลงไว้เดิม
โจทก์และสามีจำเลยถือกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมกันและได้ตกลงแบ่งแยกที่ดินกันเป็นส่วนสัด เจ้าพนักงานได้บันทึกข้อตกลงไว้ แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนแบ่งแยก สามีจำเลยได้ตายลง ข้อตกลงของโจทก์และสามีจำเลยที่เจ้าพนักงานได้บันทึกไว้นี้ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมแบ่งที่ดินกัน โจทก์จะปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1300/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมแบ่งที่ดินมีผลผูกพัน แม้ยังมิได้จดทะเบียน หากคู่สัญญาอีกฝ่ายเสียชีวิตก่อน
โจทก์และสามีจำเลยถือกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมกัน และได้ตกลงแบ่งแยกที่ดินกันเป็นส่วนสัดเจ้าพนักงานได้บันทึกข้อตกลงไว้ แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนแบ่งแยก สามีจำเลยได้ตายลง ข้อตกลงของโจทก์และสามีจำเลยที่เจ้าพนักงานได้บันทึกไว้นี้ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมแบ่งที่ดินกันโจทก์จะปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องเงินกู้ vs. เงินค่าทำไม้ ศาลแก้ไขคำพิพากษาเรื่องจำนวนเงินที่จำเลยต้องคืนโจทก์ และค่าธรรมเนียมศาล
คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 5,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 3,128 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ไป แต่จำเลยได้รับเงินล่วงหน้าค่าทำไม้ไผ่จากโจทก์ 3,128 บาท แล้วทำไม้ไผ่ส่งโจทก์เพียง 2,000 ลำ คิดเป็นเงิน 2,000 บาทจำเลยต้องคืนให้โจทก์ 1,128 บาท ดังนี้ เป็นการแก้ไขมาก
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้ไปจากโจทก์จำเลยฟ้องแย้ง โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นเรียกค่าธรรมเนียมปิดมาท้ายฟ้องฎีกาเป็น 2 คดี รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 542.50 บาท จึงไม่ถูกต้อง เมื่อศาลชั้นต้นให้โจทก์ชนะ 3,535.90 บาทศาลอุทธรณ์แก้ไขให้โจทก์ชนะ 1,128 บาท โจทก์ฎีกา จึงเป็นทุนทรัพย์ชั้นฎีกา 2,407.90 บาท คงเสียค่าขึ้นศาลเพียง 60 บาท ส่วนเรื่องฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องแย้งแล้ว โจทก์ไม่มีอะไรที่จะต้องฎีกาอีกโจทก์คงต้องเสียค่าธรรมเนียมเพียงคดีเดียวเท่านั้น เรียกเกินมา 342.50 บาทให้คืนแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องเงินกู้ vs. ค่าทำไม้ไผ่ ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์กลับสู่คำพิพากษาศาลชั้นต้น และคืนค่าธรรมเนียมเกิน
คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 5,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 3,128 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ไป แต่จำเลยได้รับเงินล่วงหน้าค่าทำไม้ไผ่จากโจทก์ 3,128 บาท แล้วทำไม้ไผ่ส่งโจทก์เพียง 2,000 ลำ คิดเป็นเงิน 2,000 บาท จำเลยต้องคืนให้โจทก์ 1,128 บาท ดังนี้ เป็นการแก้ไขมาก
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้ไปจากโจทก์ จำเลยฟ้องแย้ง โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นเรียกค่าธรรมเนียมปิดมาท้ายฟ้องฎีกาเป็น 2 คดี รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 542.50 บาท จึงไม่ถูกต้อง เมื่อศาลชั้นต้นให้โจทก์ชนะ 3,535.90 บาท ศาลอุทธรณ์แก้ไขให้โจทก์ชนะ 1,128 บาท โจทก์ฎีกา จึงเป็นทุนทรัพย์ชั้นฎีกา 2,407.90 บาท คงเสียค่าขึ้นศาลเพียง 60 บาท ส่วนเรื่องฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องแย้งแล้ว โจทก์ไม่มีอะไรที่จะต้องฎีกาอีก โจทก์คงต้องเสียค่าธรรมเนียมเพียงคดีเดียวเท่านั้น เรียกเกินมา 342.50 บาท ให้คืนแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย่งทรัพย์มรดก: การครอบครองทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวและการยินยอมของทายาทอื่น
แม้การที่มารดาโจทก์ตกลงยอมรับส่วนแบ่งมรดกเป็นเงินแทนโจทก์ และยอมให้ทรัพย์อื่นเป็นของทายาทอื่น ๆ โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 ทำให้ข้อตกลงไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่จำเลยได้ครอบครองทรัพย์พิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกมาแต่ผู้เดียว โจทก์โดยมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมจะต้องฟ้องเสียภายในอายุความ 1 ปี โจทก์มาฟ้องเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึง 2 ปีเศษแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088-1089/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมแบ่งมรดก: ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงเรื่องทรัพย์สินและการครอบครองเพื่อวินิจฉัยความรับผิดของจำเลย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมกับโจทก์ จะแบ่งทรัพย์ให้โจทก์ ไม่ได้ฟ้องนางทรัพย์จำเลยให้การต่อสู้ว่า ทรัพย์มรดกที่พิพาท จำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่ในความครอบครองของนางทรัพย์และ ส. ซึ่งเป็นโจทก์คนหนึ่งได้รับส่วนแบ่งไปจากนางทรัพย์แล้ว ซึ่งถ้าสมข้อต่อสู้ของจำเลย จำเลยก็ไม่ต้องรับผิด ดังนี้ เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องฟังจากพยานหลักฐานต่อไป
คดีก่อนเป็นเรื่องฟ้องแบ่งมรดก คดีหลังเป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์ตามสัญญาแบ่งมรดก ดังนี้ หาใช่เรื่องเดียวกันไม่ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
of 34