คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทิน เกษคุปต์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 332 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088-1089/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมแบ่งมรดก: ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเกี่ยวข้องกับมรดกหรือไม่ และฟ้องเรียกทรัพย์ตามสัญญาไม่ใช่ฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมกับโจทก์ จะแบ่งทรัพย์ให้โจทก์ ไม่ได้ฟ้องนางทรัพย์ จำเลยให้การต่อสู้ว่า ทรัพย์มรดกที่พิพาท จำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่ในความครอบครองของนางทรัพย์และ ส. ซึ่งเป็นโจทก์คนหนึ่งได้รับส่วนแบ่งไปจากนางทรัพย์แล้ว ซึ่งถ้าสมข้อต่อสู้ของจำเลย จำเลยก็ไม่ต้องรับผิด ดังนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องฟังจากพยานหลักฐานต่อไป
คดีก่อนเป็นเรื่องฟ้องแบ่งมรดก คดีหลังเป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์ตามสัญญาแบ่งมรดก ดังนี้ หาใช่เรื่องเดียวกันไม่ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีเกี่ยวกับสินบริคณห์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามี: ศาลอนุญาตฟ้องได้หากมีเหตุผลความจำเป็น
ภรรยาฟ้องคดีเรียกที่ดินอันเป็นสินบริคณห์จากบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามีเพราะคดีจะขาดอายุความ ถ้าปรากฏว่าสามีไม่ยอมอนุญาตโดยปราศจากเหตุอันสมควร ภรรยาย่อมขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ฟ้องคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตให้ภรรยาฟ้องคดีเกี่ยวกับสินบริคณห์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากสามี: เหตุผลการไม่งดสืบพยาน
ภรรยาฟ้องคดีเรียกที่ดินอันเป็นสินบริคณห์จากบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามีเพราะคดีจะขาดอายุความ ถ้าปรากฏว่าสามีไม่ยอมอนุญาตโดยปราศจากเหตุอันสมควร ภรรยาย่อมขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ฟ้องคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ปลาในบ่อสาธารณะ: การจับปลาจากบ่อที่ติดต่อคลองไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
บ่ออยู่ในลำรางสาธารณะซึ่งอยู่ติดต่อกับคลองระหว่างบ่อกับคลองมีร่องน้ำ ซึ่งร่องน้ำได้เป็นทางให้ปลาในบ่อกับในลำคลองเข้าออกถึงกันได้โดยอิสระ ปลาที่อยู่ในบ่อยังไม่ได้อยู่ในความยึดถือหรือยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใด แม้จำเลยจะได้จับเอาปลาไปจากบ่อ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ (อ้างฎีกาที่ 1006/2475 และ 432/2476)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในปลา: ปลาในแหล่งน้ำสาธารณะยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์จนกว่าจะถูกจับได้ การจับปลาจากบ่อในลำรางสาธารณะไม่ถึงแก่ความผิดฐานลักทรัพย์
บ่ออยู่ในลำรางสาธารณะซึ่งอยู่ติดต่อกับคลอง ระหว่างบ่อกับคลองมีร่องน้ำ ซึ่งร่องน้ำได้เป็นทางให้ปลาในบ่อกับในลำคลองเข้าออกถึงกันได้โดยอิสระ ปลาที่อยู่ในบ่อยังไม่ได้อยู่ในความยึดถือหรือยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใด แม้จำเลยจะได้จับเอาปลาไปจากบ่อ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ (อ้างฎีกาที่ 1006/2475 และ 432/2476)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวจากเหตุประทุษร้าย การกระทำพอสมควรแก่เหตุไม่มีความผิด
ผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุใช้ไม้ตะบองยาวประมาณ 1 แขน ตีจำเลยถูกคิ้วซ้ายจนจำเลยเซไปติดฝา แล้วผู้ตายตามไปจะตีจำเลยอีก จำเลยจึงต่อยผู้ตาย ผู้ตายจะตีอีกจำเลยจึงเตะผู้ตาย ผู้ตายเซถลาตกเรือนไป และถึงแก่ความตายเช่นนี้ จำเลยหามีเจตนาฆ่าผู้ตายไม่ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: การกระทำเพื่อป้องกันภัยจากการประทุษร้ายด้วยอาวุธ
ผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุใช้ไม้ตะบองยาวประมาณ 1 แขนตีจำเลยถูกคิ้วซ้าย จนจำเลยเซไปติดฝา แล้วผู้ตายตามไปจะตีจำเลยอีก จำเลยจึงต่อยผู้ตาย ผู้ตายจะตีอีก จำเลยจึงเตะผู้ตาย ผู้ตายเซถลาตกเรือนไป และถึงแก่ความตาย เช่นนี้ จำเลยหามีเจตนาฆ่าผู้ตายไม่ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาต้องระบุองค์ประกอบความผิดให้ชัดเจน การพิพากษาคดีต้องยึดข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย หากโจทก์ไม่โต้แย้ง
ความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต กับความผิดฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับไปกับสุราที่ขน องค์ความผิดต่างกัน เป็นความผิดคนละฐานกัน โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยขนสุราของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนถูกต้องแล้ว จะลงโทษจำเลยฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับการขนสุราของกลางอันเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งซึ่งโจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในคำฟ้อง ขอให้ลงโทษด้วยนั้น ย่อมไม่ได้
เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนสุราของกลางโดยชอบด้วยกฎหมายและโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงว่า จำเลยไม่มีใบอนุญาตขนสุรา หรือว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างนั้นไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลาง ความผิดฐานขนสุราของกลางโดยไม่มีใบอนุญาตจึงยุติ โจทก์จะมาฎีกาโต้เถียงว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลางหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249
(ประชุมใหญ่ ครั้ง 10/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาต้องระบุองค์ประกอบความผิดให้ชัดเจน หากศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีใบอนุญาตถูกต้อง โจทก์ไม่อาจฎีกาเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้
ความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต กับความผิดฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับไปกับสุราที่ขน องค์ความผิดต่างกันเป็นความผิดคนละฐานกัน โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยขนสุราของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนถูกต้องแล้ว จะลงโทษจำเลยฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับการขนสุราของกลางอันเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งซึ่งโจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในคำฟ้องขอให้ลงโทษด้วยนั้น ย่อมไม่ได้
เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนสุราของกลางโดยชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงว่าจำเลยไม่มีใบอนุญาตขนสุรา หรือว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างนั้นไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลาง ความผิดฐานขนสุราของกลางโดยไม่มีใบอนุญาตจึงยุติ โจทก์จะมาฎีกาโต้เถียงว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลางหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่น การซื้อขาย และการโอนกรรมสิทธิ์โดยไม่ต้องจดทะเบียน
ผู้ร้องปลูกตึกพิพาทอยู่ในที่ดินของจำเลย และไม่ปรากฏว่าผู้ร้องปลูกตึกพิพาทเป็นการชั่วคราว ตึกพิพาทจึงเป็นส่วนควบของที่ดินของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 ต่อมาผู้ร้องได้ขายตึกพิพาทให้จำเลยจำเลยชำระค่าตึกบางส่วนแล้วก็ไม่ชำระอีก ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระ ดังนี้ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าผู้ร้องได้ขายตึกพิพาทให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเสร็จเด็ดขาดแล้ว ตึกพิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยไม่จำเป็นต้องไปทำการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อีก (อ้างฎีกาที่ 561/2488,1124/2502)
of 34