พบผลลัพธ์ทั้งหมด 332 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล: สิทธิของผู้ซื้อโดยสุจริตแม้กรรมสิทธิ์เดิมไม่ถูกต้อง
จำเลยซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล และชำระเงินต่อศาลครบถ้วนแล้ว ศาลได้แจ้งให้อำเภอจัดการทำนิติกรรมโอนที่พิพาทให้จำเลย โจทก์ไปคัดค้านและมาฟ้องคดีนี้ อ้างว่าที่ดินเป็นของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยซื้อแต่มิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลไม่สุจริตหรือเป็นไปไม่ชอบอย่างไรและมิได้ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดรายนี้จำเลยสู้ว่าได้ซื้อที่พิพาทไว้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยชอบคดีโจทก์จึงไม่มีประเด็นที่จะสืบว่าจำเลยซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดดังกล่าวโดยสุจริตหรือไม่ข้อต่อสู้ของจำเลยต้องด้วยบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 สิทธิของจำเลยในฐานะผู้ซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลจึงยังคงมีอยู่แม้โจทก์จะสืบพยานในประเด็นตามที่โจทก์ฟ้องและฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ก็ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้ (อ้างฎีกาที่ 63,64/2506) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ใช้บังคับถึงการขายทอดตลาดทรัพย์สินทั่วไปและรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741-745/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดคำสั่งเจ้าพนักงานกับการพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน: ศาลอาญาไม่รับวินิจฉัยสิทธิในที่ดิน ให้ไปฟ้องทางแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 5 บังอาจยึดถือครอบครองที่ดินบริเวณหน้าฝายทุ่งหมูบุ้นอันเป็นที่สาธารณะสำหรับประชาชนใช้ร่วมกัน นายอำเภอได้ออกคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายให้จำเลยออกไป จำเลยบังอาจขัดขืนไม่กระทำตามคำสั่ง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยไม่รู้ และไม่เข้าใจมาก่อนว่าเป็นที่สาธารณะ การขัดคำสั่งทำด้วยใจสุจริต ขาดเจตนาร้าย ยกฟ้อง จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาต่อมาว่าที่พิพาทมิใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน แต่จำเลยมีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ขอให้พิพากษากลับ ศาลล่างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยทั้งหมด ดังนี้ คดีอาญาจึงยุติเพียงศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยกล่าวอ้างโต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นที่ดินที่จำเลยมีสิทธิครอบครองมา มิใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยชอบที่จะไปว่ากล่าวในทางแพ่งต่อไป ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ให้ยกฎีกาจำเลย (อ้างนัยฎีกาที่ 1223/2495).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741-745/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจศาลอาญาจำกัดเฉพาะความผิดทางอาญา กรณีพิพาทสิทธิในที่ดินเป็นเรื่องแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 5 บังอาจยึดถือครอบครองที่ดินบริเวณหน้าฝายทุ่งหมูบุ้นอันเป็นที่สาธารณะสำหรับประชาชนใช้ร่วมกันนายอำเภอได้ออกคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายให้จำเลยออกไปจำเลยบังอาจขัดขืนไม่กระทำตามคำสั่ง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจำเลยไม่รู้และไม่เข้าใจมาก่อนว่าเป็นที่สาธารณะการขัดคำสั่งทำด้วยใจสุจริต ขาดเจตนาร้าย ยกฟ้องจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกาต่อมาว่าที่พิพาทมิใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน แต่จำเลยมีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ขอให้พิพากษากลับศาลล่างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยทั้งหมดดังนี้ คดีอาญาจึงยุติเพียงศาลชั้นต้นเมื่อจำเลยกล่าวอ้างโต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นที่ดินที่จำเลยมีสิทธิครอบครองมา มิใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยชอบที่จะไปว่ากล่าวในทางแพ่งต่อไป ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ให้ยกฎีกาจำเลย(อ้างนัยฎีกาที่ 1223/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งมีเงื่อนไขไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม จึงรวมพิจารณาไม่ได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาท จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ให้จำเลยเช่าต่ออีก 3 ปี โจทก์ฟ้องขับไล่มิได้และฟ้องแย้งว่าถ้าจำเลยต้องออกจากตึกเช่า ก็ให้โจทก์คืนเงินกินเปล่าและใช้ค่าขนย้ายกับเงินกินเปล่าที่จะไปอยู่ใหม่ดังนี้ ถือว่าฟ้องแย้งของจำเลยมีเงื่อนไข คือขอให้บังคับตามฟ้องแย้งต่อเมื่อจำเลยถูกศาลพิพากษาขับไล่จึงไม่ถือว่าเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคสุดท้าย(อ้างฎีกาที่ 956/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งมีเงื่อนไข ไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม จึงไม่รวมพิจารณา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาท จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ให้จำเลยเช่าต่ออีก 3 ปี โจทก์ฟ้องขับไล่มิได้ และฟ้องแย้งว่าถ้าจำเลยต้องออกจากตึกเช่า ก็ให้โจทก์คืนเงินกินเปล่าและใช้ค่าขนย้ายกับเงินกินเปล่าที่จะไปอยู่ใหม่ ดังนี้ ถือว่าฟ้องแย้งของจำเลยมีเงื่อนไข คือ ขอให้บับคับตามฟ้องแย้งต่อเมื่อจำเลยถูกศาลพิพากษาขับไล่ จึงไม่ถือว่าเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณา และชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 3 และมาตรา 179 วรรคสุดท้าย.
(อ้างฎีกาที่ 956/2502)
(อ้างฎีกาที่ 956/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดฐานทำให้ทรัพย์สินเสียหาย (ธงชาติ) โดยไม่มีเจตนาเหยียดหยาม
ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืน ฯลฯ ไม่มีใบอนุญาตและเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน ฯลฯโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นปืนของบุคคลอื่นมีใบอนุญาตและเลขเครื่องหมายของเจ้าพนักงานโดยถูกต้องดังนี้ ข้อแตกต่างมิใช่ข้อสารสำคัญและทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้เพราะองค์ความผิดนี้อยู่ที่ว่าจำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่หรือไม่ซึ่งจำเลยรับแล้วว่ามีโดยมิได้รับอนุญาตจริง
ศาลจึงลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้
ธงชาติไทยซึ่งทางโรงเรียนวัดหนองลุมพุกได้ชักไว้ที่เสาธงของโรงเรียนหาใช่เป็นทรัพย์ที่โรงเรียนใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ไม่จำเลยใช้ปืนยิงธงนั้นเสียหายจึงเป็นความผิดตามมาตรา 358 ไม่ผิดตามมาตรา 360
จำเลยเมาสุราใช้อาวุธปืนยิงธงชาติไทยเนื่องด้วยฤทธิ์สุรามิได้เจตนาจะเหยียดหยามประเทศชาติ ไม่มีความผิดตามมาตรา 118
ศาลจึงลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้
ธงชาติไทยซึ่งทางโรงเรียนวัดหนองลุมพุกได้ชักไว้ที่เสาธงของโรงเรียนหาใช่เป็นทรัพย์ที่โรงเรียนใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ไม่จำเลยใช้ปืนยิงธงนั้นเสียหายจึงเป็นความผิดตามมาตรา 358 ไม่ผิดตามมาตรา 360
จำเลยเมาสุราใช้อาวุธปืนยิงธงชาติไทยเนื่องด้วยฤทธิ์สุรามิได้เจตนาจะเหยียดหยามประเทศชาติ ไม่มีความผิดตามมาตรา 118
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดฐานทำให้ทรัพย์สินเสียหาย (ธงชาติ)
ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืน ฯลฯ ไม่มีใบอนุญาตและเครื่องหมายของเจ้าพนักงานฯลฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ทางพิจารณาได้ความว่า เป็นปืนของบุคคลอื่น มีใบอนุญาตและเลขเครื่องหมายของเจ้าพนักงานโดยถูกต้อง ดังนี้ ข้อแตกต่างมิใช่ข้อสารสำคัญ และทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้เพราะองค์ความผิดนี้อยู่ที่ว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่หรือไม่ ซึ่งจำเลยรับแล้วว่ามีโดยมิได้รับอนุญาตจริง ศาลจึงลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้
ธงชาติไทยซึ่งทางโรงเรียนวัดหนองลุมพุกได้ชักไว้ที่เสาธงของโรงเรียน หาใช่เป็นทรัพย์ที่โรงเรียนใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ไม่ จำเลยใช้ปืนยิงธงนั้นเสียหาย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 358 ไม่ผิดตามมาตรา 360
จำเลยเมาสุราใช้อาวุธปืนยิงธงชาติไทยเนื่องด้วยฤทธิ์สุรา มิได้เจตนาจะเหยียดหยามประเทศชาติ ไม่มีความผิดตามมาตรา 118.
ธงชาติไทยซึ่งทางโรงเรียนวัดหนองลุมพุกได้ชักไว้ที่เสาธงของโรงเรียน หาใช่เป็นทรัพย์ที่โรงเรียนใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ไม่ จำเลยใช้ปืนยิงธงนั้นเสียหาย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 358 ไม่ผิดตามมาตรา 360
จำเลยเมาสุราใช้อาวุธปืนยิงธงชาติไทยเนื่องด้วยฤทธิ์สุรา มิได้เจตนาจะเหยียดหยามประเทศชาติ ไม่มีความผิดตามมาตรา 118.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 518/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การกระทำโดยมีเหตุโกรธเคืองและเตรียมอาวุธ
ก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 อาทิตย์ ผู้ตายซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านจับจำเลยที่ 1 ไปตักเตือนในข้อหาว่ายิงปืนในหมู่บ้าน ต่อมาในวันเกิดเหตุจำเลยมาถามหาผู้ตายแต่ไม่พบ จำเลยก็พากันไป ต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้นั่งดื่มสุรากันที่บ้านจำเลยที่ 1 ก่อน แล้วจำเลยที่ 1,2 กับพวกได้พากันไปโดยมีอาวุธปืนลูกซองไปทุกคน พอจำเลยที่ 1,2 กับพวก เห็นแสงไฟรถจักรยานของผู้ตายโดยผู้ตายขี่มา ได้พากันวิ่งเข้าไปแล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ถือว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 518/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การกระทำร่วมกัน การเตรียมอาวุธ และเจตนาฆ่า
ก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 อาทิตย์ ผู้ตายซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านจับจำเลยที่ 1 ไปตักเตือนในข้อหาว่ายิงปืนในหมู่บ้าน ต่อมาในวันเกิดเหตุจำเลยมาถามหาผู้ตายแต่ไม่พบจำเลยก็พากันไปต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้นั่งดื่มสุรากันที่บ้านจำเลยที่ 1 ก่อน แล้วจำเลยที่ 1,2 กับพวกได้พากันไปโดยมีอาวุธปืนลูกซองไปทุกคนพอจำเลยที่ 1,2 กับพวกเห็นแสงไฟรถจักรยานของผู้ตายโดยผู้ตายขี่มา ได้พากันวิ่งเข้าไปแล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ถือว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินอย่างชัดเจน
คำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่นั้น ต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัด และข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลนั้นด้วย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 ฉะนั้น คำร้องขอที่แสดงเพียงเหตุที่จำเลยมาศาลตามกำหนดนัดมิได้แต่อย่างเดียว ศาลย่อมยกคำร้องขอนั้นเสีย