พบผลลัพธ์ทั้งหมด 332 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเช็ค: การปฏิเสธการจ่ายเงินคือจุดเริ่มต้นความผิด การระบุวันเขียนเช็คไม่จำเป็น
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฯ เกิดขึ้นต่อเมื่อธนาคารซึ่งมีชื่อเป็นผู้ใช้เงินตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น และแม้เป็นการออกเช็คล่วงหน้า ก็ถือไม่ได้ว่าวันที่จำเลยเขียนเช็คนั้นเป็นเวลาเกิดเหตุการกระทำผิด ฉะนั้น การที่โจทก์ไม่ระบุวันจำเลยเขียนเช็คมาในฟ้อง จึงหาขาดสารสำคัญไม่ และที่โจทก์ไม่ระบุเลขที่ของเช็ค ไม่มีสำเนาเช็ค สำเนาใบคืนเช็ค ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินมาท้ายฟ้อง ก็หาทำให้ฟ้องของโจทก์ขาดสารสำคัญไม่ ฟ้องไม่เคลือบคลุม อนึ่งโจทก์ได้บรรยายฟ้องมาโดยชัดแจ้งว่า จำเลยออกเช็คธนาคารนครหลวงไทย จำกัด เบตง จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่า ธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินนั้น คือธนาคารดังกล่าวนั่นเอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินเดิมของผู้ร้องคุ้มครองจากการยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้จากการกระทำละเมิดของสามี
เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเป็นสินเดิมของผู้ร้องและโจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้านทั้งผู้ร้องแม้จะอุทธรณ์ แต่ก็มิได้คัดค้านในข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงเป็นอันยุติแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าที่พิพาทมิใช่ของผู้ร้องจึงเป็นการไม่ชอบ
หนี้อันเกิดจากการที่สามีทำละเมิดมิใช่หนี้ร่วมอันภริยาจะต้องรับผิดด้วย เจ้าหนี้ของสามีจึงไม่มีสิทธิยึดทรัพย์ที่เป็นสินเดิมของภริยา(อ้างฎีกาที่ 1250/2493 และที่ 1059/2495)
หนี้อันเกิดจากการที่สามีทำละเมิดมิใช่หนี้ร่วมอันภริยาจะต้องรับผิดด้วย เจ้าหนี้ของสามีจึงไม่มีสิทธิยึดทรัพย์ที่เป็นสินเดิมของภริยา(อ้างฎีกาที่ 1250/2493 และที่ 1059/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินเดิมภริยาได้รับการคุ้มครองจากการยึดทรัพย์เพื่อชดใช้หนี้จากการกระทำละเมิดของสามี
เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเป็นสินเดิมของผู้ร้อง และโจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้านทั้งผู้ร้องแม้จะอุทธรณ์ แต่ก็มิได้คัดค้านในข้อนี้ข้อเท็จจริงจึงเป็นอันยุติแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าที่พิพาทมิใช่ของผู้ร้องจึงเป็นการไม่ชอบ
หนี้อันเกิดจากการที่สามีทำละเมิด มิใช่หนี้ร่วมอันภริยาจะต้องรับผิดด้วย เจ้าหนี้ของสามีจึงไม่มีสิทธิยึดทรัพย์ที่เป็นสินเดิมของภริยา(อ้างฎีกาที่ 1250/2493 และที่ 1059/2495).
หนี้อันเกิดจากการที่สามีทำละเมิด มิใช่หนี้ร่วมอันภริยาจะต้องรับผิดด้วย เจ้าหนี้ของสามีจึงไม่มีสิทธิยึดทรัพย์ที่เป็นสินเดิมของภริยา(อ้างฎีกาที่ 1250/2493 และที่ 1059/2495).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ยึดถือครอบครอง: แม้ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ ก็มีสิทธิฟ้องหากถูกรบกวน
โจทก์เป็นผู้ยึดถือครอบครองที่ดิน ได้ใช้น้ำและทางสัญจรไปมาทางคลองหนึ่งจนได้ภารจำยอมแล้ว เมื่อจำเลยได้ปิดขวางคลองนั้นแม้ที่ดินที่โจทก์ครอบครองจะอยู่ในเขตพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามอันเป็นเหตุให้โจทก์ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่แปลงนี้ก็ดีแต่เมื่อโจทก์ถูกรบกวนสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ยึดถือครอบครองจนได้รับความเสียหายโจทก์ก็ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้ซึ่งรบกวนสิทธิของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ยึดถือครอบครอง: แม้ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ ก็มีสิทธิฟ้องเมื่อถูกรบกวน
โจทก์เป็นผู้ยึดถือครอบครองที่ดิน ได้ใช้น้ำและทางสัญจรไปมาทางคลอง ๆ หนึ่งจนได้ภารจำยอมแล้ว เมื่อจำเลยได้ปิดขวางคลองนั้น แม้ที่ดินที่โจทก์ครอบครองจะอยู่ในเขตพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามอันเป็นเหตุให้โจทก์ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่แปลงนี้ก็ดี แต่เมื่อโจทก์ถูกรบกวนสิทธิของโจกท์ในฐานะผู้ยึดถือครอบครองจนได้รับความเสียหาย โจทก์ก็ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้ซึ่งรบกวนสิทธิของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจำคุกโดยศาลอุทธรณ์และสิทธิฎีกาของโจทก์
ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลย 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย 1 ปี และรอการลงโทษด้วย เป็นการแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจำคุกโดยศาลอุทธรณ์และสิทธิในการฎีกาของโจทก์
ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลย 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย 1 ปี และรอการลงโทษด้วย เป็นการแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสระหว่างคู่สมรสที่เลิกร้างกัน ทรัพย์ที่ได้มาระหว่างร้างไม่เป็นสินสมรส
โจทก์ฟ้องขอแบ่งสินสมรสของสามีโจทก์จากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก และจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมของสามีโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งทรัพย์ให้ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 จะไม่อุทธรณ์ จำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียว็้มีสิทธิอุทธรณ์ได้ เพราะเป็นผู้จะได้รับมรดกตามพินัยกรรม เป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์พิพาทโดยตรง ทั้งถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย
เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ทรัพย์ที่สามีได้มาระหว่างร้างกันไม่เป็นสินสมรส (อ้างฎีกาที่ 84/2497 และฎีกาที่ 991/2501)
เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ทรัพย์ที่สามีได้มาระหว่างร้างกันไม่เป็นสินสมรส (อ้างฎีกาที่ 84/2497 และฎีกาที่ 991/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสระหว่างคู่สมรสที่เลิกร้างกัน: ทรัพย์ที่ได้มาระหว่างร้างไม่เป็นสินสมรส
โจทก์ฟ้องขอแบ่งสินสมรสของสามีโจทก์ จากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก และจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมของสามีโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งทรัพย์ให้ ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 จะไม่อุทธรณ์จำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวก็มีสิทธิอุทธรณ์ได้ เพราะเป็นผู้จะได้รับมรดกตามพินัยกรรม เป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์พิพาทโดยตรง ทั้งถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย
เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ทรัพย์ที่สามีได้มาระหว่างร้างกันไม่เป็นสินสมรส(อ้างฎีกาที่ 84/2497 และฎีกาที่ 991/2501)
เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ทรัพย์ที่สามีได้มาระหว่างร้างกันไม่เป็นสินสมรส(อ้างฎีกาที่ 84/2497 และฎีกาที่ 991/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1542/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินในคดีพนัน: ตะเกียงไม่ใช่เครื่องมือในการเล่นพนัน
พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 10 บัญญัติให้ริบทรัพย์สินไว้ 2 ประเภทคือ ทรัพย์สินพนันกันที่จับได้ในวงเล่น และเครื่องมือที่ใช้ในการเล่นพนัน
แม้จะฟังว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมเล่นการพนันไพ่ผสมสิบพนันเอาทรัพย์สินกันที่ทุ่งนาในเวลากลางคืน โดยใช้ตะเกียงของกลางจุดให้แสงสว่างในการเล่นการพนันดังที่โจทก์ฟ้องก็ตาม ตะเกียงของกลางก็เพียงให้แสงสว่างเพื่อให้จำเลยกับพวกเล่นการพนันได้ถนัด หรือสะดวกขึ้นเท่านั้นหาใช่เครื่องมือที่ใช้ในการเล่นพนันไม่ ดังนี้ จึงไม่เป็นของที่จะริบได้ตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478
แม้จะฟังว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมเล่นการพนันไพ่ผสมสิบพนันเอาทรัพย์สินกันที่ทุ่งนาในเวลากลางคืน โดยใช้ตะเกียงของกลางจุดให้แสงสว่างในการเล่นการพนันดังที่โจทก์ฟ้องก็ตาม ตะเกียงของกลางก็เพียงให้แสงสว่างเพื่อให้จำเลยกับพวกเล่นการพนันได้ถนัด หรือสะดวกขึ้นเท่านั้นหาใช่เครื่องมือที่ใช้ในการเล่นพนันไม่ ดังนี้ จึงไม่เป็นของที่จะริบได้ตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478