พบผลลัพธ์ทั้งหมด 586 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ สิทธิในการอ้างเงื่อนเวลาทำไม่ได้ คดีขับไล่ผู้ละเมิดอุทธรณ์ฎีกาได้
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือผู้ให้เช่า. ผู้เช่าจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีหาได้ไม่.
คดีฟ้องขับไล่ผู้ละเมิดออกจากอสังหาริมทรัพย์. ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะมิใช่คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าหรือผู้อาศัย.
คดีฟ้องขับไล่เป็นคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้มิใช่คดีมีทุนทรัพย์. จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2511).
คดีฟ้องขับไล่ผู้ละเมิดออกจากอสังหาริมทรัพย์. ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะมิใช่คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าหรือผู้อาศัย.
คดีฟ้องขับไล่เป็นคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้มิใช่คดีมีทุนทรัพย์. จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2511).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ & สิทธิอุทธรณ์ฎีกาในคดีขับไล่ผู้ละเมิด
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือผู้ให้เช่าผู้เช่าจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีหาได้ไม่
คดีฟ้องขับไล่ผู้ละเมิดออกจากอสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะมิใช่คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าหรือผู้อาศัย
คดีฟ้องขับไล่เป็นคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้มิใช่คดีมีทุนทรัพย์จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2511)
คดีฟ้องขับไล่ผู้ละเมิดออกจากอสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะมิใช่คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าหรือผู้อาศัย
คดีฟ้องขับไล่เป็นคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้มิใช่คดีมีทุนทรัพย์จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการจดทะเบียนสิทธิในทรัพย์สิน: สิทธิของผู้รับโอนตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยยอมชำระเงินให้ผู้ร้องจำนวนหนึ่ง โดยจะโอนเรือนพิพาทให้ผู้ร้องแทนการชำระหนี้ ถ้าจำเลยขัดขืนไม่ไปโอน ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน และศาลได้พิพากษาให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นแล้ว ผู้ร้องย่อมมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อนผู้อื่น แม้โจทก์จะเป็นเจ้าหนี้จำเลย ก็หามีสิทธิยึดเรือนพิพาทไม่
(มติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511)
(มติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการจดทะเบียนเรือนพิพาทหลังสัญญาประนีประนอมยอมความ: ลำดับสิทธิเหนือเจ้าหนี้
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยยอมชำระเงินให้ผู้ร้องจำนวนหนึ่ง. โดยจะโอนเรือนพิพาทให้ผู้ร้องแทนการชำระหนี้. ถ้าจำเลยขัดขืนไม่ไปโอน. ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน. และศาลได้พิพากษาให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นแล้ว. ผู้ร้องย่อมมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อนผู้อื่น. แม้โจทก์จะเป็นเจ้าหนี้จำเลย ก็หามีสิทธิยึดเรือนพิพาทไม่. (มติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการจดทะเบียนเรือนพิพาทหลังสัญญาประนีประนอมยอมความ: ผู้รับโอนมีสิทธิก่อนเจ้าหนี้
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยยอมชำระเงินให้ผู้ร้องจำนวนหนึ่งโดยจะโอนเรือนพิพาทให้ผู้ร้องแทนการชำระหนี้ถ้าจำเลยขัดขืนไม่ไปโอนให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน และศาลได้พิพากษาให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นแล้วผู้ร้องย่อมมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อนผู้อื่นแม้โจทก์จะเป็นเจ้าหนี้จำเลย ก็หามีสิทธิยึดเรือนพิพาทไม่
(มติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511)
(มติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีพรากผู้เยาว์ใหม่เมื่อมีข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลง และผลของการแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพว่าจำเลยได้พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร แต่เมื่อผู้เยาว์ได้ยื่นคำร้องขึ้นมาว่าเหตุเกิดเนื่องจากถูกบิดาเลี้ยงดุด่าและตีไล่ให้ออกจากบ้าน จึงไปอาศัยจำเลยซึ่งเป็นคนรู้จักชอบพอกันมาก่อน จำเลยทั้งสองก็ได้ให้ความอุปการะตลอดมาเช่นนี้ ย่อมทำให้เกิดข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ เมื่อโจทก์จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยานศาลย่อมฟังตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นใหม่นี้ได้
เมื่อโจทก์ฟ้องแล้ว และจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลย่อมทำคำพิพากษาได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 20 และขณะที่คดีอยู่ในอำนาจของศาลแล้วได้ปรากฏข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ โจทก์เองก็มิได้ขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นอย่างอื่น กลับแถลงไม่ติดใจสืบพยาน เพื่อหักล้างข้อเท็จจริงนั้น ศาลย่อมทำคำพิพากษาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่นั้นได้ โจทก์จะกลับมาขอให้ศาลสั่งให้โจทก์รับตัวผู้ต้องหาคืนเพื่อดำเนินการต่อไปไม่ได้
เมื่อโจทก์ฟ้องแล้ว และจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลย่อมทำคำพิพากษาได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 20 และขณะที่คดีอยู่ในอำนาจของศาลแล้วได้ปรากฏข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ โจทก์เองก็มิได้ขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นอย่างอื่น กลับแถลงไม่ติดใจสืบพยาน เพื่อหักล้างข้อเท็จจริงนั้น ศาลย่อมทำคำพิพากษาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่นั้นได้ โจทก์จะกลับมาขอให้ศาลสั่งให้โจทก์รับตัวผู้ต้องหาคืนเพื่อดำเนินการต่อไปไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพและการปรากฏข้อเท็จจริงใหม่ ศาลยึดตามข้อเท็จจริงใหม่ได้หากโจทก์ไม่ติดใจสืบพยาน
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพว่าจำเลยได้พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร. แต่เมื่อผู้เยาว์ได้ยื่นคำร้องขึ้นมาว่าเหตุเกิดเนื่องจากถูกบิดาเลี้ยงดุด่าและตีไล่ให้ออกจากบ้าน. จึงไปอาศัยจำเลยซึ่งเป็นคนรู้จักชอบพอกันมาก่อน. จำเลยทั้งสองก็ได้ให้ความอุปการะตลอดมาเช่นนี้ ย่อมทำให้เกิดข้อเท็จจริงขึ้นใหม่. เมื่อโจทก์จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน.ศาลย่อมฟังตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นใหม่นี้ได้.
เมื่อโจทก์ฟ้องแล้ว และจำเลยให้การรับสารภาพ. ศาลย่อมทำคำพิพากษาได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 20. และขณะที่คดีอยู่ในอำนาจของศาลแล้วได้ปรากฏข้อเท็จจริงขึ้นใหม่. โจทก์เองก็มิได้ขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นอย่างอื่น. กลับแถลงไม่ติดใจสืบพยาน. เพื่อหักล้างข้อเท็จจริงนั้น ศาลย่อมทำคำพิพากษาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่นั้นได้. โจทก์จะกลับมาขอให้ศาลสั่งให้โจทก์รับตัวผู้ต้องหาคืนเพื่อดำเนินการต่อไปไม่ได้.
เมื่อโจทก์ฟ้องแล้ว และจำเลยให้การรับสารภาพ. ศาลย่อมทำคำพิพากษาได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 20. และขณะที่คดีอยู่ในอำนาจของศาลแล้วได้ปรากฏข้อเท็จจริงขึ้นใหม่. โจทก์เองก็มิได้ขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นอย่างอื่น. กลับแถลงไม่ติดใจสืบพยาน. เพื่อหักล้างข้อเท็จจริงนั้น ศาลย่อมทำคำพิพากษาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่นั้นได้. โจทก์จะกลับมาขอให้ศาลสั่งให้โจทก์รับตัวผู้ต้องหาคืนเพื่อดำเนินการต่อไปไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพและการปรากฏข้อเท็จจริงใหม่ ศาลยึดตามข้อเท็จจริงใหม่ได้หากโจทก์ไม่โต้แย้ง
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพว่าจำเลยได้พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร แต่เมื่อผู้เยาว์ได้ยื่นคำร้องขึ้นมาว่าเหตุเกิดเนื่องจากถูกบิดาเลี้ยงดุด่าและตีไล่ให้ออกจากบ้าน จึงไปอาศัยจำเลยซึ่งเป็นคนรู้จักชอบพอกันมาก่อน จำเลยทั้งสองก็ได้ให้ความอุปการะตลอดมาเช่นนี้ ย่อมทำให้เกิดข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ เมื่อโจทก์จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยานศาลย่อมฟังตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นใหม่นี้ได้
เมื่อโจทก์ฟ้องแล้ว และจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลย่อมทำคำพิพากษาได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 20 และขณะที่คดีอยู่ในอำนาจของศาลแล้วได้ปรากฏข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ โจทก์เองก็มิได้ขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นอย่างอื่นกลับแถลงไม่ติดใจสืบพยานเพื่อหักล้างข้อเท็จจริงนั้น ศาลย่อมทำคำพิพากษาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่นั้นได้ โจทก์จะกลับมาขอให้ศาลสั่งให้โจทก์รับตัวผู้ต้องหาคืนเพื่อดำเนินการต่อไปไม่ได้
เมื่อโจทก์ฟ้องแล้ว และจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลย่อมทำคำพิพากษาได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 20 และขณะที่คดีอยู่ในอำนาจของศาลแล้วได้ปรากฏข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ โจทก์เองก็มิได้ขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นอย่างอื่นกลับแถลงไม่ติดใจสืบพยานเพื่อหักล้างข้อเท็จจริงนั้น ศาลย่อมทำคำพิพากษาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่นั้นได้ โจทก์จะกลับมาขอให้ศาลสั่งให้โจทก์รับตัวผู้ต้องหาคืนเพื่อดำเนินการต่อไปไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดร่วม การกระทำเกินเลยขอบเขตที่ตกลงร่วมกัน และความรับผิดทางอาญา
จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 1 คนสมคบกันไปลักทรัพย์.จำเลยทั้งสองรออยู่ที่ประตูรั้วอีกคนหนึ่งเข้าไปเอาทรัพย์ข้างใน. และได้ใช้ปืนยิงต่อสู้เจ้าทรัพย์อันเป็นการกระทำของคนร้ายคนนี้เอง. ซึ่งอยู่นอกความมุ่งหมายหรือเจตนาของจำเลย. และข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้รู้เห็นว่าพรรคพวกคนที่ใช้ปืนยิงเจ้าทรัพย์นั้นได้พกปืนไปด้วย. จำเลยทั้งสองจึงไม่ผิดฐานเป็นตัวการในข้อหาพยายามปล้นทรัพย์และฆ่าเจ้าทรัพย์. คงผิดฐานพยายามลักทรัพย์เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาในความผิดพยายามปล้นทรัพย์และการกระทำเกินเลยของพรรคพวก
จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 1 คนสมคบกันไปลักทรัพย์จำเลยทั้งสองรออยู่ที่ประตูรั้วอีกคนหนึ่งเข้าไปเอาทรัพย์ข้างใน และได้ใช้ปืนยิงต่อสู้เจ้าทรัพย์อันเป็นการกระทำของคนร้ายคนนี้เอง ซึ่งอยู่นอกความมุ่งหมายหรือเจตนาของจำเลย และข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้รู้เห็นว่าพรรคพวกคนที่ใช้ปืนยิงเจ้าทรัพย์นั้นได้พกปืนไปด้วย จำเลยทั้งสองจึงไม่ผิดฐานเป็นตัวการในข้อหาพยายามปล้นทรัพย์และฆ่าเจ้าทรัพย์ คงผิดฐานพยายามลักทรัพย์เท่านั้น