คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วงษ์ วีระพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 586 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงต้องแสดงการหลอกลวงผู้เสียหายโดยตรง การหลอกลวงเจ้าหน้าที่ไม่ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
ตามคำบรรยายฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งอย่างไรเพียงแต่บรรยายฟ้องว่า จำเลยร่วมกันหลอกลวงพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าห้องเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 นั้นไม่แสดงว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อโกงต้องมีการหลอกลวงผู้เสียหายโดยตรง การหลอกลวงเจ้าหน้าที่เพียงอย่างเดียวไม่ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
ตามคำบรรยายฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งอย่างไร เพียงแต่บรรยายฟ้องว่าจำเลยร่วมกันหลอกลวงพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าห้องเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 นั้น ไม่แสดงว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเบียดบังเงิน: หน้าที่รับเงินต้องระบุชัดในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินและพัสดุทั่วไป การเบิกเงินทุกประเภท โดยมีหน้าที่ตรวจฎีกา หลักฐานใบสำคัญจ่าย ทำทะเบียนบัญชีงบเดือน รักษาเอกสารการรับจ่ายเงิน จำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เบียดบังเอาเงินที่รับไว้ไปเป็นประโยชน์ของตนเสีย เมื่อโจทก์ไม่ระบุว่าจำเลยมีหน้าที่รับเงินด้วย ต้องถือว่าการที่จำเลยรับเงินเป็นการนอกเหนือหน้าที่ จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่เจ้าพนักงาน – การรับเงิน – ความผิดมาตรา 157 ต้องระบุหน้าที่รับเงินชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินและพัสดุทั่วไป การเบิกเงินทุกประเภท โดยมีหน้าที่ตรวจฎีกาหลักฐานใบสำคัญเบิกจ่าย ทำทะเบียนบัญชีงบเดือน รักษาเอกสารการรับจ่ายเงินจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเบียดบังเอาเงินที่รับไว้ไปเป็นประโยชน์ของตนเสีย เมื่อโจทก์ไม่ระบุว่าจำเลยมีหน้าที่รับเงินด้วยต้องถือว่าการที่จำเลยรับเงินเป็นการนอกเหนือหน้าที่ จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเบียดบังเงิน แม้ไม่มีหน้าที่รับเงินโดยตรง ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินและพัสดุทั่วไป การเบิกเงินทุกประเภท โดยมีหน้าที่ตรวจฎีกา หลักฐานใบสำคัญเบิกจ่าย ทำทะเบียนบัญชีงบเดือน รักษาเอกสารการรับจ่ายเงิน จำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เบียดบังเอาเงินที่รับไว้ไปเป็นประโยชน์ของตนเสีย เมื่อโจทก์ไม่ระบุว่าจำเลยมีหน้าที่รับเงินด้วย ต้องถือว่าการที่จำเลยรับเงินเป็นการนอกเหนือหน้าที่ จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขึงลวดไฟฟ้าอันตรายและการป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย การกระทำดังกล่าวไม่ถือเป็นการป้องกันสิทธิ
ผู้ตายเรียนหนังสืออยู่ที่วัดละหารซึ่งจำเลยเป็นครูอยู่ทั้งเป็นเด็กหญิงและเป็นหลานของจำเลย มีบ้านอยู่ติดกับบ้านของจำเลย เมื่อจำเลยขึงลวดเส้นเดียวและเล็กไว้ในบริเวณบ้านและปล่อยกระแสไฟฟ้าให้แล่นไปตามลวดนั้นเมื่อเวลาจวนสว่างผู้ตายเข้าไปในเขตรั้วบ้านจำเลยและมาถูกสายไฟฟ้าของจำเลยเข้าถึงแก่ความตาย ดังนี้ จึงถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยจึงมีความผิดฐานทำให้คนตายโดยไม่มีเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขึงลวดไฟฟ้าในบ้านและการป้องกันสิทธิ: ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ตายเรียนหนังสืออยู่ที่วัดละหารซึ่งจำเลยเป็นครูอยู่ ทั้งเป็นเด็กหญิงและเป็นหลานของจำเลย มีบ้านอยู่ติดกับบ้านของจำเลย เมื่อจำเลยขึงลวดเส้ยเดียวและเล็กไว้ในบริเวณบ้านและปล่อยกระแสไฟฟ้าให้แล่นไปตามลวดนั้น เมื่อเวลาจวนสว่างผู้ตายเข้าไปในเขตรั้วบ้านจำเลย และมาถูกสายไฟฟ้าของจำเลยเข้าถึงแก่ความตาย ดังนี้ จึงถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงมีความผิดฐานทำให้คนตายโดยไม่มีเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในรถยนต์และเอกสารซื้อขาย การฉ้อโกงจากการยอมมอบเอกสารและรถยนต์โดยความเกรงใจ
เอกสารการซื้อรถและรถรายพิพาทเป็นของจำเลยทั้งสิ้น จำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่ธนาคาร ผู้เสียหายเป็นผู้ค้ำประกัน ระหว่างนั้นจำเลยกำลังผ่อนชำระเงินให้แก่ธนาคารตามสัญญาอยู่ การที่จำเลยยอมทิ้งรถและเอกสารการซื้อรถให้ผู้เสียหายก็ด้วยความเกรงใจ ผู้เสียหายไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะยึดเอกสารและรถไว้ เมื่อจำเลยกลับใจ จำเลยย่อมมีสิทธิมาเอารถของจำเลยไป และมีสิทธิไปขอเอกสารของจำเลยจากผู้รักษาไว้ได้ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทรัพย์สินของจำเลย แม้มีผู้ค้ำประกันและผ่อนชำระอยู่ การส่งมอบเอกสารและรถด้วยความเกรงใจ ไม่ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
เอกสารการซื้อรถและรถรายพิพาทเป็นของจำเลยทั้งสิ้นจำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่ธนาคารผู้เสียหายเป็นผู้ค้ำประกัน ระหว่างนั้นจำเลยกำลังผ่อนชำระเงินให้แก่ธนาคารตามสัญญาอยู่การที่จำเลยยอมทิ้งรถและเอกสารการซื้อรถให้ผู้เสียหายก็ด้วย ความเกรงใจผู้เสียหายไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะยึดเอกสารและรถไว้เมื่อจำเลยกลับใจจำเลยย่อมมีสิทธิมาเอารถของจำเลยไปและมีสิทธิไปขอเอกสารของจำเลยจากผู้รักษาไว้ได้การกระทำของจำเลย ยังไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษซ้ำความผิด: ต้องพิจารณาโทษจำคุกในความผิดเดิมที่ศาลพิพากษาลงโทษจริงเท่านั้น
คดีก่อน แม้ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานแต่งกายโดยใช้เครื่องแต่งกายคล้ายเครื่องแบบทหารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 146 ด้วย แต่มิได้พิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มิได้กำหนดโทษตามมาตรา 146 ไว้ หากไปลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหารซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 1 ปี 6 เดือน ทั้งก็รู้ไม่ได้ว่าถ้าศาลจำกำหนดโทษจำคุกตามมาตรา 146 (ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี) ศาลจะกำหนดต่ำกว่า 6 เดือนหรือไม่ เหตุนี้ จึงว่าจำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 146 มีโทษจำคุกกว่า 6 เดือนมาแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 ยังไม่ได้
of 59