คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วงษ์ วีระพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 586 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ถอนฟ้องคดีอาญา: สิทธิก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด และผลกระทบต่อคำพิพากษาศาลล่าง
คดีความผิดส่วนตัว ก่อนคดีถึงที่สุด ผู้เสียหายย่อมถอนคำร้องทุกข์ได้ และสิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) คำพิพากษาศาลล่างก็ย่อมระงับไปในตัวไม่มีผลบังคับต่อไป ไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างที่ลงโทษจำเลยไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำร้องทุกข์คดีความผิดต่อส่วนตัวก่อนคดีถึงที่สุด ทำให้สิทธิฟ้องระงับ และคำพิพากษาศาลล่างสิ้นผล
คดีความผิดต่อส่วนตัว ก่อนคดีถึงที่สุด ผู้เสียหายย่อมถอนคำร้องทุกข์ได้ และสิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) คำพิพากษาศาลล่างก็ย่อมระงับไปในตัวไม่มีผลบังคับต่อไป ไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างที่ลงโทษจำเลยไว้(อ้างนัยคำสั่งศาลฎีกาที่ 438/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานรับของโจร: การเรียกค่าไถ่กระบือที่ถูกลักไป แม้รายละเอียดวันเวลาในฟ้องไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้
ในคดีลักทรัพย์หรือรับของโจรที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า ข้อ 1 วันที่ 17 เมษายน 2507 มีคนร้ายลักกระบือไป ข้อ 2 วันที่ 19 เมษายน 2507 จำเลยได้รับเงินเป็นค่าไถ่กระบือแล้วนำกระบือมาคืน ทั้งนี้ตามวันเวลาดังกล่าวในข้อ 1 จำเลยเป็นคนร้ายลักเอากระบือไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นตามวันเวลาดังกล่าวใน ข้อ 1 ถึงวันที่ 19 เมษายน 2507 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยรับเอากระบือรายนี้ไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายได้มาโดยการกระทำผิดต่อกฎหมายอันเข้าลักษณะลักทรัพย์ จำเลยให้การปฏิเสธและนำสืบต่อสู้ว่าไถ่มาจากบุคคลอื่น เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยได้นำกระบือของผู้เสียหายไปซ่อนแล้วเรียกค่าไถ่จริง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 (ฐานรับของโจร) เช่นนี้ การที่โจทก์กล่าวในฟ้องข้อ 2 ว่าจำเลยรับเงินค่าไถ่และคืนกระบือให้แก่ผู้เสียหายในวันที่ 19 เมษายน 2507 แต่ทางพิจารณาได้ความเป็นวันที่ 18 เมษายน 2507 นั้น ถือว่าเป็นการบรรยายรายละเอียดมิใช่ข้อสารสำคัญ และทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ คดีลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: การเรียกค่าไถ่กระบือที่ถูกลักย้อมทรัพย์ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357
ในคดีลักทรัพย์หรือรับของโจรที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อ 1. วันที่ 17 เมษายน 2507 มีคนร้ายลักกระบือไป ข้อ 2. วันที่ 19 เมษายน 2507 จำเลยได้รับเงินเป็นค่าไถ่กระบือแล้วนำกระบือมาคืน ทั้งนี้ตามวันเวลาดังกล่าวในข้อ 1. จำเลยเป็นคนร้ายลักเอากระบือไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นตามวันเวลาดังกล่าวในข้อ 1.ถึงวันที่ 19 เมษายน 2507 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยรับเอากระบือรายนี้ไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายได้มาโดยการกระทำผิดต่อกฎหมายอันเข้าลักษณะลักทรัพย์จำเลยให้การปฏิเสธและนำสืบต่อสู้ว่าไถ่มาจากบุคคลอื่นเมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยได้นำกระบือของผู้เสียหายไปซ่อนแล้วเรียกค่าไถ่จริงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 (ฐานรับของโจร) เช่นนี้ การที่โจทก์กล่าวในฟ้องข้อ 2.ว่าจำเลยรับเงินค่าไถ่และคืนกระบือให้แก่ผู้เสียหายในวันที่ 19 เมษายน 2507 แต่ทางพิจารณาได้ความเป็นวันที่ 18 เมษายน 2507 นั้น ถือว่าเป็นการบรรยายรายละเอียดมิใช่ข้อสารสำคัญ และทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้คดีลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกเงินค่าไม้สัก: ไม่ใช่เงินทดรอง แต่เป็นเงินราคาค่าของ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินราคาค่าไม้สักที่จำเลยได้รับล่วงหน้าไปคืน ไม่ใช่ฟ้องเรียกเอาค่าที่โจทก์ส่งมอบของ ทำของและค่าดูแลกิจการของผู้อื่น รวมทั้งค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป จึงนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) มาบังคับไม่ได้ ต้องใช้อายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกเงินค่าไม้สัก: ไม่ใช่เงินทดรอง แต่เป็นเงินราคาค่าของ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินราคาค่าไม้สักที่จำเลยได้รับล่วงหน้าไปคืน ไม่ใช่ฟ้องเรียกเอาค่าที่โจทก์ส่งมอบของ ทำของและค่าดูแลกิจการของผู้อื่น รวมทั้งค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป จึงนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) มาบังคับไม่ได้ ต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าไม่มีกำหนดเวลา สิทธิการบอกเลิกสัญญา และการคุ้มครองผู้เช่าที่อยู่อาศัย
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือนที่เช่าโดยโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยต่อสู้ใจความว่า จำเลยเช่าอยู่อาศัย โจทก์ให้คำมั่นว่าจะให้จำเลยเช่า 6 ปี และโจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญาเช่า ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาเช่าต่อกันโดยไม่มีกำหนดเวลาเช่า โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญา พิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้ จึงเป็นการสมประโยชน์ของจำเลยที่ขอให้ยกฟ้องโจทก์แล้ว ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น ๆ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าไม่มีกำหนดเวลา การบอกเลิกสัญญา และสิทธิในการฟ้องขับไล่
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือนที่เช่าโดยโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยต่อสู้ใจความว่า จำเลยเช่าอยู่อาศัย โจทก์ให้คำมั่นว่าจะให้จำเลยเช่า 6 ปี และโจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญาเช่า ขอให้ยกฟ้องโจทก์ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาเช่าต่อกันโดยไม่มีกำหนดเวลาเช่า โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาพิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้ จึงเป็นการสมประโยชน์ของจำเลยที่ขอให้ยกฟ้องโจทก์แล้ว ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นๆ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาในคดีอาญาที่ยังไม่ได้ประทับฟ้อง: จำเลยยังไม่มีฐานะคู่ความ จึงไม่มีสิทธิฎีกา
ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จเป็นเหตุให้โจทก์ถูกจับและควบคุมตัว และเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า ฟ้องไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 จำเลยไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์เฉพาะข้อหาคดีอาญาว่าคดีมีมูลศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาว่าคดีมีมูลหรือไม่แล้วสั่งใหม่ตามรูปคดี เช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 165 จำเลยยังมิเข้ามาสู่ฐานะคู่ความ ย่อมไม่มีสิทธิฎีกา (อ้างนัยฎีกาที่ 1229/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาในคดีราษฎรฟ้อง: จำเลยยังไม่เป็นคู่ความจนกว่าจะมีการประทับฟ้อง
ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จเป็นเหตุให้โจทก์ถูกจับและควบคุมตัว และเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า ฟ้องไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 จำเลยไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์เฉพาะข้อหาคดีอาญาว่าคดีมีมูล ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาว่าคดีมีมูลหรือไม่แล้วสั่งใหม่ตามรูปคดี เช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 จำเลยยังมิเข้ามาสู่ฐานะคู่ความ ย่อมไม่มีสิทธิฎีกา(อ้างนัยฎีกาที่ 1229/2502)
of 59