พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่อาจเข้าข่ายพยายามฆ่า แต่ศาลเห็นว่าเป็นการทำร้ายร่างกายจนเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บ
จำเลยขับรถแซงรถผู้เสียหายขึ้นไปด้วยความเร็ว แล้วหักพวกมาลัยให้ท้ายรถจำเลยปัดหน้ารถผู้เสียหายจนรถยนต์ผู้เสียหายแฉลมไปจนเกือบตกถนนนั้นหากถนนตรงนั้นเป็นที่สูงหรืออยู่หน้าผาสูงชันย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า ถ้ารถคว่ำลงไปแล้วทั้งรถและคนย่อมถึงซึ่งความพินาศ เห็นผลได้ชัดเจนว่าผู้เสียหายย่อมได้รับอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น แม้รถยนต์ผู้เสียหายจะไม่ตกถนนลงไป จำเลยก็มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น และไม่ต้องคำนึงถึงว่าคนนั่งภายในรถจะมีตัวรถป้องกันหรือไม่ แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าถนนตรงที่เกิดเหตุสูงจากพื้นนาประมาณ 1 แขน หรือ 1 เมตร ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายขับรถอยู่ในอัตราความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อถูกจำเลยเอาท้ายรถปาดหน้ารถผู้เสียหาย ๆ ก็แตะเบรครถหยุดทันที และเครื่องดับเอง ล้อรถด้านซ้ายยังห่างขอบถนอีกราว 1 ศอก ผู้เสียหายไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด จึงถือว่าจำเลยมีเจตนาพยายามฆ่าผู้เสียหายให้ถึงตายยังไม่ได้ เพราะถึงหากรถยนต์ผู้เสียหายจะตกลงไปโดยผู้เสียหายนั่งภายในตัวรถก็ไม่แน่ว่าจะถึงตาย แต่ก็พอคาดหมายได้ว่าอย่างน้อยผู้เสียหายย่อมได้รับการกระทบกระแทกเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บ ซึ่งจำเลยก็น่าจะเล็งเห็นผลอันจะเกิดแก่ผู้เสียหายได้ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายผู้เสียหายเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 80
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 358 การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ตามมาตรา 90 ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ใช้บทมาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดลงโทษมาแล้วและฎีกาของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นอีก จึงแก้โทษจำเลยไม่ได้
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 358 การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ตามมาตรา 90 ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ใช้บทมาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดลงโทษมาแล้วและฎีกาของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นอีก จึงแก้โทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิดหลายกรรมต่างกัน: ฆ่าและพยายามฆ่า ศาลลงโทษเฉพาะกระทงหนักสุดได้ตามมาตรา 91
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เป็นเรื่องกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลจะลงโทษผู้กระทำผิดทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป หรือจะลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้
จำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามฆ่าผู้เสียหาย ถือว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรม
จำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามฆ่าผู้เสียหาย ถือว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานฆ่าและพยายามฆ่า: ศาลพิจารณาความผิดหลายกรรมต่างกันตามมาตรา 91
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เป็นเรื่องกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลจะลงโทษผู้กระทำผิดทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป หรือจะลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้
จำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามฆ่าผู้เสียหายถือว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรม
จำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามฆ่าผู้เสียหายถือว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานฆ่าและพยายามฆ่า: การพิจารณาความผิดหลายกรรมและการเลือกโทษ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เป็นเรื่องกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน. ศาลจะลงโทษผู้กระทำผิดทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป. หรือจะลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้.
จำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน. และพยายามฆ่าผู้เสียหาย. ถือว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรม.
จำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน. และพยายามฆ่าผู้เสียหาย. ถือว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายจากความมึนเมาและมีเหตุให้โกรธเคือง ศาลลดโทษได้ตามเหตุผล
จำเลยรับสารภาพต่อศาลก่อนลงมือสืบพยานโจทก์เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี นับว่ามีเหตุบรรเทาโทษได้. ขณะจำเลยทำร้ายผู้ตายเป็นเวลาใกล้ค่ำมืด. พยานโจทก์บางคนได้ไปจากที่เกิดเหตุไกลสัก5วาได้ยินเสียงโครมคราม จึงหวนกลับวิ่งเข้ามาดู. และไม่มีผู้ใดจับจำเลยและมีดของกลางได้ในคืนนั้น. จึงยากที่จะว่าจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานโจทก์. ที่ศาลลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น จึงเป็นการชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยในคดีฆ่าโดยเจตนา เนื่องจากรับสารภาพก่อนสืบพยาน และเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดการทำร้าย
จำเลยรับสารภาพต่อศาลก่อนลงมือสืบพยานโจทก์เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี นับว่ามีเหตุบรรเทาโทษได้ ขณะจำเลยทำร้ายผู้ตายเป็นเวลาใกล้ค่ำมืด พยานโจทก์บางคนได้ไปจากที่เกิดเหตุไกลสัก5วาได้ยินเสียงโครมคราม จึงหวนกลับวิ่งเข้ามาดู และไม่มีผู้ใดจับจำเลยและมีดของกลางได้ในคืนนั้น จึงยากที่จะว่าจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานโจทก์ ที่ศาลลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น จึงเป็นการชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยในคดีฆ่าโดยเจตนา เนื่องจากรับสารภาพก่อนสืบพยาน และเหตุการณ์เกิดจากฤทธิสุรา
จำเลยรับสารภาพต่อศาลก่อนลงมือสืบพยานโจทก์เป็นประโยช์แก่การพิจารณาคดี นับว่ามีเหตุบรรเทาโทษได้ ขณะจำเลยทำร้ายผู้ตายเป็นเวลาใกล้ค่ำมืด พยานโจทก์บางคนได้ไปจากที่เกิดเหตุไกลสัก 5 วา ได้ยินเสียงโครมคราม จึงหวนกลับไปวิ่งเข้ามาดู และไม่มีผู้ใดจับจำเลยและมีดของกลางได้ในคืนนั้น จึงยากที่จะว่าจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานโจทก์ ที่ศาลลดโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น จึงเป็นการชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะจากคำดูถูกเหยียดหยามและการปฏิเสธความรับผิดชอบต่อบุตร
จำเลยเป็นหญิงมีภาระต้องเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงน้องให้ได้รับการศึกษาชั้นมหาวิทยาลัย และส่งเงินเลี้ยงบิดามารดาจำเลยรักใคร่ได้เสียกับผู้ตายจนจำเลยตั้งครรภ์ ผู้ตายก็ตีตนออกห่าง ไม่ยอมพบจำเลยโทรศัพท์ไปหลายครั้งก็ไม่ยอมพูดด้วยวันเกิดเหตุจำเลยได้ไปคอยพบผู้ตายและพูดเรื่องที่จำเลยมีครรภ์ผู้ตายว่าจำเลยว่า บอกให้เอาออกก็ไม่เอาออกผู้ตายไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อเด็กทั้งยังว่าจำเลยว่า อยากหน้าด้านไปหาผู้ตายเองและว่าพ่อแม่จำเลยไม่สั่งสอนให้ดีอันเป็นการดูถูกเหยียดหยามกดขี่ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะจากการถูกดูถูกเหยียดหยามและปฏิเสธความรับผิดชอบต่อบุตร
จำเลยเป็นหญิงมีภาระต้องเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงน้องให้ได้รับการศึกษาขั้นมหาวิทยาลัย และส่งเงินเลี้ยงบิดามารดา จำเลยรักใคร่ได้เสียกับผู้ตายจนจำเลยตั้งครรภ์ผู้ตายก็ตีตนออกห่าง ไม่ยอมพบ จำเลยโทรศัพท์ไปหลายครั้งก็ไม่ยอมพูด้วย วันเกิดเหตุจำเลยได้ไปคอยพบผู้ตายและพูดเรื่องที่จำเลยมีครรภ์ ผู้ตายว่าจำเลยว่า บอกให้เอาออกก็ไม่เอาออก ผู้ตายไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อเด็ก ทั้งยังว่าจำเลยว่า อยากหน้าด้านไปหาผู้ตายเองและว่าพ่อแม่จำเลยไม่สั่งสอนให้ดี อันเป็นการดูถูกเหยียดหยามกดขี่ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยบันดาลโทสะจากคำพูดดูถูกเหยียดหยาม ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยเป็นหญิงมีภาระต้องเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงน้องให้ได้รับการศึกษาชั้นมหาวิทยาลัย และส่งเงินเลี้ยงบิดามารดา.จำเลยรักใคร่ได้เสียกับผู้ตายจนจำเลยตั้งครรภ์ ผู้ตายก็ตีตนออกห่าง ไม่ยอมพบ. จำเลยโทรศัพท์ไปหลายครั้งก็ไม่ยอมพูดด้วย. วันเกิดเหตุจำเลยได้ไปคอยพบผู้ตายและพูดเรื่องที่จำเลยมีครรภ์. ผู้ตายว่าจำเลยว่า บอกให้เอาออกก็ไม่เอาออก. ผู้ตายไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อเด็ก.ทั้งยังว่าจำเลยว่า อยากหน้าด้านไปหาผู้ตายเองและว่าพ่อแม่จำเลยไม่สั่งสอนให้ดี. อันเป็นการดูถูกเหยียดหยามกดขี่ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม. จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.