พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงทุนด้วยที่ดินเข้าหุ้นส่วนและผลกระทบต่อเจ้าหนี้: การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ของห้างหุ้นส่วนสามัญ
ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งนำที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดมาลงทุนเข้าหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน โดยใช้เป็นที่ตั้งโรงสีของห้างหุ้นส่วน. แม้จะไม่มีการจดทะเบียนโอนโฉนดที่พิพาทก็เป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้น. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511).
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้. เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วน.และศาลพิพากษาให้ชำระหนี้. แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง. เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้. หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488).
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น. ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้.แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้.
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้. เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วน.และศาลพิพากษาให้ชำระหนี้. แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง. เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้. หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488).
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น. ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้.แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเป็นของห้างหุ้นส่วน เจ้าหนี้มีสิทธิยึดได้ แม้โฉนดยังเป็นชื่อหุ้นส่วนรายอื่น
ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งนำที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดมาลงทุนเข้าหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน โดยใช้เป็นที่ตั้งโรงสีของห้างหุ้นส่วนแม้จะไม่มีการจดทะเบียนโอนโฉนดที่พิพาทก็เป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้น
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งเจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้นไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งเจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้นไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนลงทุนที่ดินในห้างหุ้นส่วนสามัญ การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ของห้างส่วน
ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งนำที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดมาลงทุนเข้าหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน โดยใช้เป็นที่ตั้งโรงสีของห้างหุ้นส่วน แม้จะไม่มีการจดทะเบียนโอนโฉนดที่พิพาทก็เป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้น
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้ แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้ แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้ แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้ แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2094/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการถอนอายัดที่ดิน: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาโดยไม่มีเงื่อนไข
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถอนการอายัดที่ดินซึ่งศาลได้พิพากษาบังคับให้จำเลยลูกหนี้โอนขายให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อขาย แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องถอนการอายัดเพื่อให้คำพิพากษามีผลบังคับตามกฎหมาย การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะตั้งข้อกำหนดเป็นเงื่อนไขในการถอนอายัดโดยให้ต้องจดทะเบียนจำนวนเงินค่าซื้อที่ดินที่ยังค้างชำระอันเป็นบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์ ตลอดทั้งห้ามผู้รับโอนนำที่ดินนี้ไปทำนิติกรรมใด ๆ มิได้ นอกจากจะนำไปจัดสรรเพื่อนำเงินที่ค้างมาชำระแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาอันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิจะกระทำได้
ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่ามีสิทธิที่จะขอให้จดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273,276 ซึ่งหากไม่จดทะเบียนก็ไม่มีผลตามมาตรา 288นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคู่สัญญามิได้ระบุให้จดทะเบียนไว้ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้ครอบคลุมไปถึงได้
ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่ามีสิทธิที่จะขอให้จดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273,276 ซึ่งหากไม่จดทะเบียนก็ไม่มีผลตามมาตรา 288นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคู่สัญญามิได้ระบุให้จดทะเบียนไว้ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้ครอบคลุมไปถึงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2094/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนอายัดที่ดินตามคำพิพากษาศาลฎีกา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติมได้
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถอนการอายัดที่ดินซึ่งศาลได้พิพากษาบังคับให้จำเลยลูกหนี้โอนขายให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อขาย. แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องถอนการอายัดเพื่อให้คำพิพากษามีผลบังคับตามกฎหมาย. การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะตั้งข้อกำหนดเป็นเงื่อนไขในการถอนอายัดโดยให้ต้องจดทะเบียนจำนวนเงินค่าซื้อที่ดินที่ยังค้างชำระอันเป็นบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์. ตลอดทั้งห้ามผู้รับโอนนำที่ดินนี้ไปทำนิติกรรมใดๆ มิได้. นอกจากจะนำไปจัดสรรเพื่อนำเงินที่ค้างมาชำระแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาอันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิจะกระทำได้.
ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่ามีสิทธิที่จะขอให้จดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273,276. ซึ่งหากไม่จดทะเบียนก็ไม่มีผลตามมาตรา 288นั้น. ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคู่สัญญามิได้ระบุให้จดทะเบียนไว้. ศาลก็มิอาจพิพากษาให้ครอบคลุมไปถึงได้.
ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่ามีสิทธิที่จะขอให้จดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273,276. ซึ่งหากไม่จดทะเบียนก็ไม่มีผลตามมาตรา 288นั้น. ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคู่สัญญามิได้ระบุให้จดทะเบียนไว้. ศาลก็มิอาจพิพากษาให้ครอบคลุมไปถึงได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2094/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องถอนอายัดที่ดินตามคำพิพากษาศาลฎีกา โดยไม่ตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติม แม้มีบุริมสิทธิ
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถอนการอายัดที่ดินซึ่งศาลได้พิพากษาบังคับให้จำเลยลูกหนี้โอนขายให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อขาย แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องถอนการอายัดเพื่อให้คำพิพากษามีผลบังคับตามกฎหมาย การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะตั้งข้อกำหนดเป็นเงื่อนไขในการถอนอายัดโดยให้ต้องจดทะเบียนจำนวนเงินค่าซื้อที่ดินที่ยังค้างชำระอันเป็นบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์ ตลอดทั้งห้ามผู้รับโอนนำที่ดินนี้ไปทำนิติกรรมใดๆ มิได้ นอกจากจะนำไปจัดสรรเพื่อนำเงินที่ค้างมาชำระแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาอันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิจะกระทำได้
ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่ามีสิทธิที่จะขอให้จดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273,276 ซึ่งหากไม่จดทะเบียนก็ไม่มีผลตามมาตรา 288นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคู่สัญญามิได้ระบุให้จดทะเบียนไว้ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้ครอบคลุมไปถึงได้
ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่ามีสิทธิที่จะขอให้จดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273,276 ซึ่งหากไม่จดทะเบียนก็ไม่มีผลตามมาตรา 288นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคู่สัญญามิได้ระบุให้จดทะเบียนไว้ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้ครอบคลุมไปถึงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2089/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นซึ่งหน้าด้วยคำหยาบคายเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
จำเลยด่าโจทก์ซึ่งหน้าว่า 'อีหมาไปควักเอากระดูกพ่อกระดูกแม่มึงเจ็ดชั่วโคตรมาสู้กับกู. อีหน้าหมูอีหน้าหมา' นั้น. เป็นถ้อยคำที่จำเลยดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2089/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นซึ่งหน้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
จำเลยด่าโจทก์ซึ่งหน้าว่า "อีหมาไปควักเอากระดูกพ่อกระดูกแม่มึงเจ็ดชั่วโคตรมาสู้กับกู อีหน้าหมูอีหน้าหมา" นั้น เป็นถ้อยคำที่จำเลยดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย: เจตนาทำร้าย vs. ประมาทเลินเล่อ
การที่จำเลยใช้เส้นลวดที่ไม่มีวัตถุใด ๆ ห่อหุ้มขึงทางด้านบนของรั้วไม้โรงภาพยนต์ของจำเลย แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้า220 โวลท์ไปตามเส้นลวดนั้น เพื่อป้องกันมิให้คนข้ามรั้วเข้าไปลอบดูภาพยนต์ทางรูฝาโรงภาพยนต์ เป็นการกระทำที่จำเลยมิได้เจตนาฆ่าแต่เจตนาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา290 หาใช่ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา291 ไม่
ฟ้องว่าทำให้คนตายโดยประมาท ข้อเท็จจริงได้ความว่าทำให้คนตายโดยไม่เจตนา ต้องยกฟ้อง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 29/2511)
ฟ้องว่าทำให้คนตายโดยประมาท ข้อเท็จจริงได้ความว่าทำให้คนตายโดยไม่เจตนา ต้องยกฟ้อง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 29/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยเจตนาทำร้ายจนถึงแก่ความตาย ไม่ใช่ประมาทเลินเล่อ
การที่จำเลยใช้เส้นลวดที่ไม่มีวัตถุใดๆ ห่อหุ้มขึงทางด้านบนของรั้วไม้โรงภาพยนต์ของจำเลย แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้า220 โวลท์ไปตามเส้นลวดนั้น. เพื่อป้องกันมิให้คนข้ามรั้วเข้าไปลอบดูภาพยนต์ทางรูฝาโรงภาพยนต์. เป็นการกระทำที่จำเลยมิได้เจตนาฆ่าแต่เจตนาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา290. หาใช่ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา291 ไม่.
ฟ้องว่าทำให้คนตายโดยประมาท ข้อเท็จจริงได้ความว่าทำให้คนตายโดยไม่เจตนา. ต้องยกฟ้อง. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 29/2511).
ฟ้องว่าทำให้คนตายโดยประมาท ข้อเท็จจริงได้ความว่าทำให้คนตายโดยไม่เจตนา. ต้องยกฟ้อง. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 29/2511).