คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไฉน บุญยก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถานควบคู่กับการทำร้ายร่างกาย ถือเป็นความผิดทั้งสองฐาน
การที่จำเลยเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายในเคหสถาน กรณีถือได้ว่าเป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรนอกจากจำเลยจะมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายแล้ว ยังมีความผิดฐานบุกรุกเข้าไปในเคหสถานตามมาตรา 365(1)(2) ด้วยอีกสถานหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถานควบคู่กับการทำร้ายร่างกาย ผู้กระทำผิดต้องรับโทษทั้งสองฐาน
การที่จำเลยเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายในเคหสถาน กรณีถือได้ว่าเป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร นอกจากจำเลยจะมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายแล้ว ยังมีความผิดฐานบุกรุกเข้าไปในเคหสถานตามมาตรา 365 (1)(2) ด้วยอีกสถานหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถานเพื่อทำร้ายร่างกาย ถือเป็นความผิดทั้งฐานบุกรุกและทำร้ายร่างกาย
การที่จำเลยเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายในเคหสถาน กรณีถือได้ว่าเป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร. นอกจากจำเลยจะมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายแล้ว ยังมีความผิดฐานบุกรุกเข้าไปในเคหสถานตามมาตรา 365(1)(2) ด้วยอีกสถานหนึ่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินต้องภายในอายุความ 1 ปี หากเกินกำหนดสิทธิเรียกร้องจะสิ้นสุดลง
ที่ดินที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 พิพาทกันเมื่อปี 2504มีเนื้อที่เพียง 2 ไร่. มิได้พิพาทกันรวมทั้งแปลงตามเนื้อที่พิพาทกันในคดีนี้. เฉพาะที่ดิน 2 ไร่ โจทก์เพิ่งมาฟ้องเมื่อเกินเวลา 1 ปีนับแต่เวลาที่โจทก์อ้างว่าถูกจำเลยที่ 1 แย่งการครอบครอง. ไม่ได้ฟ้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าว. จึงย่อมเสียสิทธิที่จะเอาที่ 2 ไร่นั้นคืน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินเกิน 1 ปี ทำให้สิ้นสิทธิเรียกร้องคืน
ที่ดินที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 พิพาทกันเมื่อปี 2504 มีเนื้อที่เพียง 2 ไร่มิได้พิพาทกันรวมทั้งแปลงตามเนื้อที่พิพาทกันในคดีนี้เฉพาะที่ดิน 2 ไร่ โจทก์เพิ่งมาฟ้องเมื่อเกินเวลา 1 ปีนับแต่เวลาที่โจทก์อ้างว่าถูกจำเลยที่ 1 แย่งการครอบครอง ไม่ได้ฟ้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จึงย่อมเสียสิทธิที่จะเอาที่ 2 ไร่นั้นคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินต้องฟ้องภายใน 1 ปี หากเกินกำหนดจะเสียสิทธิ
ที่ดินที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 พิพาทกันเมื่อปี 2504 มีเนื้อที่เพียง 2 ไร่ มิได้พิพาทกันรวมทั้งแปลงตามเนื้อที่พิพาทกันในคดีนี้ เฉพาะที่ดิน 2 ไร่ โจทก์เพิ่งมาฟ้องเมื่อเกินเวลา 1 ปี นับแต่เวลาที่โจทก์อ้างว่าถูกจำเลยที่ 1 แย่งการครอบครอง ไม่ได้ฟ้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จึงย่อมเสียสิทธิที่จะเอาที่ 2 ไร่นั้นคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิพากษากลับถึงจำเลยขาดนัดในคดีที่เกี่ยวกับการชำระหนี้ที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้
โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนด จำเลยที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์มิได้ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยนี้ขาดนัด และศาลชั้นต้นก็มิได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยผู้นี้ แต่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนด จำเลยที่ 1, 2, 3 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยทุกคนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 เพราะคำพิพากษาคดีนี้เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ถึงจำเลยที่ขาดนัด
โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนดจำเลยที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์มิได้ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยนี้ขาดนัด และศาลชั้นต้นก็มิได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยผู้นี้แต่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนดจำเลยที่ 1,2,3 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยทุกคนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 เพราะคำพิพากษาคดีนี้เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยขาดนัด
โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนด.จำเลยที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การ. โจทก์มิได้ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยนี้ขาดนัด. และศาลชั้นต้นก็มิได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยผู้นี้. แต่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนด. จำเลยที่ 1,2,3อุทธรณ์. ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยทุกคนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245. เพราะคำพิพากษาคดีนี้เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินเพื่อหากำไร มีหน้าที่เสียภาษีการค้า แม้จะอ้างเป็นการขายของเดิม
การขายอสังหาริมทรัพย์ในทางการค้าก่อนวันที่ 5 พฤศจิกายน2502 ต้องพิจารณาตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 10) พ.ศ.2496 มาตรา 40 ซึ่งต้องคำนึงถึงค่ารายปีของสถานที่ประกอบการค้าและเสียภาษีตามยอดเงินรายรับส่วนการค้าตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2502 ตลอดมา ต้องพิจารณาตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่16) พ.ศ.2502 มาตรา 38 จึงไม่ต้องคำนึงถึงค่ารายปีหรือจำนวนเงินซึ่งสถานการค้าสมควรให้เช่าได้ในปีหนึ่งๆนั้นอีก
โจทก์ซื้อที่ดินเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2485 จำนวน 6 โฉนด เนื้อที่ 39 ไร่ ราคา 113,996 บาท ต่อมาปีเศษ โจทก์ยื่นคำร้องขอรวมที่ดินทั้งหมดนี้เข้าเป็นแปลงเดียวกัน เมื่อเจ้าพนักงานจัดทำให้เสร็จแล้ว ได้ขอแบ่งแยกเป็นที่ดินแปลงย่อยๆ รวม 24 แปลงโจทก์ตัดถนนผ่านที่ดินกว้าง 10 เมตร เป็นถนนคอนกรีตทำเสร็จเมื่อ พ.ศ.2496 และได้ขอต่อไฟฟ้าและน้ำประปาเข้าที่ดินทั้งหมดและในปี พ.ศ.2496 นี้ ได้เริ่มขายที่ดินแปลงย่อยๆจนถึงพ.ศ.2504 จำนวน 20 แปลงเป็นเงิน 7,831,803 บาทตามพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่า โจทก์ประกอบธุรกิจการค้าหากำไรจึงมีหน้าที่เสียภาษีการค้าและภาษีเทศบาล
of 72