พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งเรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวและการกีดกัน
ผู้ตายไม่พอใจที่จำเลยมารักใคร่ในทางชู้สาวกับบุตรสาว.จึงกีดกันจำเลยมิให้ติดต่อ. หากฝ่าฝืนจะให้ตำรวจจับกุม. ก่อนเกิดเหตุ 1 เดือน จำเลยได้ยิงปืนใกล้บ้านผู้ตายผู้ตายได้พูดจาว่ากล่าว. จำเลยโกรธได้ชักปืนออกแต่มิได้ยิง. และคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยมีว่า. สาเหตุดังกล่าวทำให้จำเลยนึกเจ็บใจที่ถูกว่ากล่าว. ทั้งกลัวผู้ตายจะทำร้ายเพราะโกรธเรื่องที่รักใคร่บุตรสาวผู้ตาย. จึงตั้งใจจะไปยิงผู้ตาย. แล้วจำเลยลอบเข้าไปในบ้านผู้ตายในเวลากลางคืนแล้วยิงผู้ตาย. ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน. จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1475/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไม่เข้าข้อยกเว้นการป้องกันตัว แม้ถูกทำร้ายก่อน
จำเลยเป็นคนงานของผู้ตาย จำเลยไม่สมัครใจทำงานกับผู้ตายจำเลยขอเงินค่าโดยสารรถจากผู้ตายเพื่อกลับบ้านผู้ตายไม่ให้ จำเลยว่าจะไปขอความช่วยเหลือตำรวจ ผู้ตายโกรธตบหน้าจำเลย 1 ที และใช้ไม้ข้างถนนตีจำเลย 1 ที จำเลยใช้ไม้ตีผู้ตายบ้าง ผู้ตายชักปืนออกจะยิงจำเลย จำเลยเข้าแย่งปืนจากผู้ตายได้ จำเลยไล่ยิงผู้ตาย ผู้ตายล้มลงแล้วจำเลยเข้าไปยิงผู้ตาย 2 นัด ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ไม่ใช่เป็นกรณีป้องกันตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1475/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไม่เข้าข้อยกเว้นการป้องกันตัว
จำเลยเป็นคนงานของผู้ตาย จำเลยไม่สมัครใจทำงานกับผู้ตาย จำเลยขอเงินค่าโดยสารรถจากผู้ตายเพื่อกลับบ้าน ผู้ตายไม่ให้ จำเลยว่าจะไปขอความช่วยเหลือตำรวจผู้ตายโกรธ ตบหน้าจำเลย 1 ที และใช้ไม้ข้างถนนตีจำเลย 1 ที จำเลยใช้ไม้ตีผู้ตายบ้าง ผู้ตายชักปืนออกจะยิงจำเลย จำเลยเข้าแย่งปืนจากผู้ตายได้ จำเลยไล่ยิงตาย ผู้ตายล้มลงแล้วจำเลยเข้าไปยิงผู้ตาย 2 นัด ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ไม่ใช่เป็นกรณีป้องกันตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1434/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องละเมิดจากการชนท้ายรถ: ฟ้องสมบูรณ์ ไม่เคลือบคลุม, ประเมินค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ชนรถยนต์โจทก์ ด้วยความประมาทขาดความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ซึ่งผู้ขับขี่รถยนต์จะต้องมี และจำเลยขับรถด้วยความเร็วเกินอัตรา พุ่งเข้าชนท้ายรถของโจทก์เสียหาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ กับระบุความเสียหายว่า ค่าซ่อมรถ 2,000 บาท ค่าพาหนะที่จ่ายระหว่างซ่อมรถ 12 วัน เป็นเงิน 1,200 บาท ค่าเสื่อมราคาของรถ 5,000 บาท ดังนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1434/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องละเมิดฐานขับรถประมาท: ฟ้องสมบูรณ์เมื่อระบุเหตุละเมิดและค่าเสียหายชัดเจน
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ชนรถยนต์โจทก์ ด้วยความประมาทขาดความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ซึ่งผู้ขับขี่รถยนต์จะต้องมี และจำเลยขับรถด้วยความเร็วเกินอัตรา พุ่งเข้าชนท้ายรถของโจทก์เสียหาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ กับระบุความเสียหายว่า ค่าซ่อมรถ 2,000 บาท ค่าพาหนะที่จ่ายระหว่างซ่อมรถ 12 วัน เป็นเงิน 1,200 บาท ค่าเสื่อมราคาของรถ 5,000 บาท ดังนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักรถยนต์สำเร็จ แม้เครื่องยนต์ไม่ติด: การเคลื่อนย้ายรถถือเป็นความผิดสำเร็จ
คนร้าย 3 คนร่วมกันลักรถยนต์จิ๊ป โดยคนหนึ่งทำหน้าที่ขับรถ กำลังต่อสายไฟให้เครืองยนต์ติด อีกสองคนช่วยกันเข็นรถเพื่อให้เครื่องยนต์ติด รถเคลื่อนไป 3 เมตร แต่เครื่องยนต์ไม่ติด และเจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำผิดเสียก่อน ดังนี้ ถือได้ว่าคนร้ายนำรถยนต์เคลื่อนที่ไปแล้ว พ้นชั้นพยายาม เป็นความผิดสำเร็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์สำเร็จ แม้รถเคลื่อนที่เพียง 3 เมตร และเครื่องยนต์ยังไม่ติด
คนร้าย 3 คนร่วมกันลักรถยนต์จี๊ป โดยคนหนึ่งทำหน้าที่ขับรถ กำลังต่อสายไฟให้เครื่องยนต์ติด อีกสองคนช่วยกันเข็นรถเพื่อให้เครื่องยนต์ติด รถเคลื่อนไป 3 เมตร แต่เครื่องยนต์ไม่ติด และเจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำผิดเสียก่อน ดังนี้ ถือได้ว่าคนร้ายนำรถยนต์เคลื่อนที่ไปแล้ว พ้นขั้นพยายาม เป็นความผิดสำเร็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานที่ดินปฏิเสธจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เนื่องจากเห็นว่าที่ดินเป็นสาธารณสมบัติ ไม่ถือเป็นการจงใจละเมิด
เจ้าพนักงานที่ดินไม่ยอมจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ตามคำสั่งศาลเพราะเห็นว่าไม่อาจทำได้ตามกฎหมาย มิใช่เพราะมีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์มาก่อน ยังไม่พอจะถือว่าเจ้าพนักงานที่ดินนั้นจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานที่ดินปฏิเสธโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอ้างเป็นสาธารณสมบัติ ไม่ถือเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
เจ้าพนักงานที่ดินไม่ยอมจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ตามคำสั่งศาลเพราะเห็นว่าไม่อาจทำได้ตามกฎหมาย มิใช่เพราะมีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์มาก่อน ยังไม่พอจะถือว่าเจ้าพนักงานที่ดินนั้นจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ตามคำพิพากษา: ส่งมอบห้องหรือคืนเงิน, การบังคับตามลำดับ และเหตุพ้นวิสัย
คำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดไปแล้วบังคับว่า ให้จำเลยส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ ถ้าไม่สามารถส่งมอบห้องได้ ก็ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ 12,500 บาท ดังนี้เป็นการกำหนดให้จำเลยกระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับ กล่าวคือ ไม่สามารถจะกระทำอย่างแรกแล้วจึงให้กระทำอย่างหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำหลายอย่างอันลูกหนี้จะพึงเลือกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198 การที่จำเลยอ้างว่าจำเลยต้องใช้ห้องพิพาทเพื่อประกอบอาชีพนั้น เหตุเพียงเท่านี้ยังไม่เป็นอันพ้นวิสัยอันจะเป็นมูลให้จำเลยยกขึ้นอ้างว่าไม่สามารถส่งมอบห้องพิพาทได้ ฉะนั้น โอกาสที่จำเลยจะขอคืนเงินให้โจทก์ จึงยังไม่อาจเกิดขึ้น