พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเงินเป็นทุนหมุนเวียนซื้อขายต่อเนื่อง ไม่ถือเป็นการกู้ยืม แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องเรียกคืนเงินเกินราคาสินค้าได้
การรับเงินไปเป็นทุนหมุนเวียนในการซื้อของเพื่อส่งให้ผู้จ่ายเงินนำไปขายแล้วคิดหักบัญชีกันตามที่ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา ไม่ถือเป็นการกู้ยืม แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ฟ้องร้องให้คืนเงินที่รับไปเกินกว่าราคาของที่จัดซื้อส่งให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่มีกำหนดเวลา การบอกเลิกสัญญา และสิทธิในสิ่งปลูกสร้าง
สัญญาเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลานั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 566 บัญญัติว่าคู่สัญญาฝ่ายใดบอกเลิกสัญญาในขณะเมื่อสุดระยะเวลาอันเป็นกำหนดชำระค่าเช่าได้ทุกระยะ จำเลยจะนำสืบว่าการเช่าไม่มีกำหนดเวลารายนี้คู่สัญญาเข้าใจกันหรือตามประเพณีว่าให้จำเลยมีสิทธิเช่าได้ตลอดไปหาได้ไม่ เพราะกฎหมายบัญญัติเรื่องนี้ไว้ชัดแจ้งแล้วการที่จะให้จำเลยนำสืบจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี ศาลชอบที่จะตัดไม่ให้จำเลยสืบได้
สิ่งปลูกสร้างที่ปลูกในที่ดินซึ่งเช่ามาเมื่อสัญญาเช่าระงับลง ผู้เช่าก็ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปจะบังคับให้ผู้ให้เช่าที่ดินต้องซื้อสิ่งปลูกสร้างนั้นหาได้ไม่กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310
คำสั่งระหว่างพิจารณา ถ้าไม่ได้โต้แย้งไว้จะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
สิ่งปลูกสร้างที่ปลูกในที่ดินซึ่งเช่ามาเมื่อสัญญาเช่าระงับลง ผู้เช่าก็ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปจะบังคับให้ผู้ให้เช่าที่ดินต้องซื้อสิ่งปลูกสร้างนั้นหาได้ไม่กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310
คำสั่งระหว่างพิจารณา ถ้าไม่ได้โต้แย้งไว้จะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่มีกำหนดเวลา การบอกเลิกสัญญา และสิทธิในสิ่งปลูกสร้าง
สัญญาเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลานั้น ประมวนกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 บัญญัติว่าคู่สัญญาฝ่ายใดบอกเลิกสัญญาในขณะเมื่อสุดระยะเวลาอันเป็นกำหนดชำระค่าเช่าได้ทุกระยะ จำเลยจะนำสืบว่าการเช่าไม่มีกำหนดเวลารายนี้คู่สัญญาเข้าใจกันหรือตามประเพณีว่าให้จำเลยมีสิทธิเช่าได้ตลอดไปหาได้ไม่ เพราะกฎหมายบัญญัติเรื่องนี้ไว้ชัดแจ้งแล้วการที่จะให้จำเลยนำสืบจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี ศาลชอบที่จะตัดไม่ให้จำเลยสืบได้
สิ่งปลูกสร้างที่ปลูกในที่ดินซึ่งเช่ามาเมื่อสัญญาเช่าระงับลง ผู้เช่าก็ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไป จะบังคับให้ผู้ให้เช่าที่ดินต้องซื้อสิ่งปลูกสร้างนั้นหาได้ไม่ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310
คำสั่งระหว่างพิจารณา ถ้าไม่ได้โต้แย้งไว้จะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
สิ่งปลูกสร้างที่ปลูกในที่ดินซึ่งเช่ามาเมื่อสัญญาเช่าระงับลง ผู้เช่าก็ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไป จะบังคับให้ผู้ให้เช่าที่ดินต้องซื้อสิ่งปลูกสร้างนั้นหาได้ไม่ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310
คำสั่งระหว่างพิจารณา ถ้าไม่ได้โต้แย้งไว้จะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ตามเช็คลงวันล่วงหน้า: เกิดเมื่อรับเงินและมอบเช็ค แม้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ก็มีสิทธิรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
กรณีที่ลูกหนี้รับเงินไปจากเจ้าหนี้-ผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ แล้วออกเช็คสั่งจ่ายเงินลงวันล่วงหน้าให้เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ยึดถือนั้น ถือได้ว่ามูลแห่งหนี้ไดเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ลูกหนี้รับเงินไปและมอบเช็คลงวันล่วงหน้าให้เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ยึดถือแล้ว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มูลหนี้เกิดเมื่อรับเงินและมอบเช็คลงวันล่วงหน้า แม้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ เจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
กรณีที่ลูกหนี้รับเงินไปจากเจ้าหนี้ผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ แล้วออกเช็คสั่งจ่ายเงินลงวันล่วงหน้าให้เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ยึดถือนั้น ถือได้ว่ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ลูกหนี้รับเงินไปและมอบเช็คลงวันล่วงหน้าให้เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ยึดถือแล้ว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานชิงทรัพย์และฆ่าผู้อื่นในวาระเดียวกัน ศาลพิจารณาเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
จำเลยเข้าไปลักทรัพย์ในเรือน ขณะที่กำลังจะออกจากเรือน บุตรของผู้เสียหายเห็น ได้ร้องขึ้น จำเลยลงจากเรือนแล้วใช้มีดแทงบุตรของผู้เสียหายตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกันอันเป็นความผิดทั้งฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 และฐานฆ่าคนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 จึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ไม่ใช่เป็นความผิดหลายกรรม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 และมาตรา 289 ให้ลงโทษตามมาตรา 289 ซึ่งเป็นกระทงที่หนักตามมาตรา 91 ลดโทษแล้วคงลงโทษจำคุกตลอดชีวิต โจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรค 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยกระทำผิดกรรมเดียว แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงแก้เฉพาะปรับบทลงโทษเป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 289 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 ดังนี้คำพิพากษาเช่นว่านี้ยังไม่ถึงที่สุด จำเลยยังฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 และมาตรา 289 ให้ลงโทษตามมาตรา 289 ซึ่งเป็นกระทงที่หนักตามมาตรา 91 ลดโทษแล้วคงลงโทษจำคุกตลอดชีวิต โจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรค 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยกระทำผิดกรรมเดียว แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงแก้เฉพาะปรับบทลงโทษเป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 289 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 ดังนี้คำพิพากษาเช่นว่านี้ยังไม่ถึงที่สุด จำเลยยังฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานชิงทรัพย์และการฆ่าผู้อื่นในวาระเดียวกัน: พิจารณาเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
จำเลยเข้าไปลักทรัพย์ในเรือน ขณะที่กำลังจะออกจากเรือน บุตรของผู้เสียหายเห็น ได้ร้องขึ้น จำเลยลงจากเรือนแล้วใช้มีดแทงบุตรของผู้เสียหายตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกันอันเป็นความผิดทั้งฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 และฐานฆ่าคนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 จึงเป็น กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ไม่ใช่เป็นความผิดหลายกรรม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 และมาตรา 289 ให้ลงโทษตามมาตรา 289 ซึ่งเป็นกระทง ที่หนักตามมาตรา 91 ลดโทษแล้วคงลงโทษจำคุกตลอดชีวิต โจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ว่า จำเลยกระทำผิดกรรมเดียว แต่เป็นความผิดต่อกฎหมาย หลายบทจึงแก้เฉพาะปรับบทลงโทษเป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 289 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 ดังนี้คำพิพากษา เช่นว่านี้ยังไม่ถึงที่สุด จำเลยยังฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 และมาตรา 289 ให้ลงโทษตามมาตรา 289 ซึ่งเป็นกระทง ที่หนักตามมาตรา 91 ลดโทษแล้วคงลงโทษจำคุกตลอดชีวิต โจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ว่า จำเลยกระทำผิดกรรมเดียว แต่เป็นความผิดต่อกฎหมาย หลายบทจึงแก้เฉพาะปรับบทลงโทษเป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 289 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 ดังนี้คำพิพากษา เช่นว่านี้ยังไม่ถึงที่สุด จำเลยยังฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากการออกเช็คไม่มีเงินรองรับ ผู้รับเช็คมีสิทธิร้องทุกข์
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมนำเช็คนั้นไปชำระหนี้ให้ผู้มีชื่อ เมื่อผู้มีชื่อนำเช็คไปเข้าบัญชี แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้มีชื่อจึงนำเช็คดังกล่าวมาคืนให้โจทก์ร่วม ดังนี้ หนี้ระหว่างโจทก์ร่วมกับผู้มีชื่อจึงยังไม่ระงับ ซึ่งโจทก์ร่วมยังมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้ผู้มีชื่อ กรณีเช่นนี้ย่อมเห็นได้ชัดว่าโจทก์ร่วมได้รับความเสียหายโจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และดำเนินคดีกับจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายิงปืนในวงการพนัน ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า แม้กระสุนไม่ถูกผู้คนโดยตรง
จำเลยใช้ปืนลูกซองสั้นยิงตรงไปที่กลางวงการพนัน ซึ่งมีผู้เสียหายกับพวกนั่งห่างกลางวงการพนันนั้นประมาณ 1 ศอก โดยจำเลยรู้ว่าปืนนั้นมีอำนาจทำให้กระสุนปืนแผ่กระจายไปในรัศมีประมาณ 0.50 เมตร จำเลยย่อมจะรู้หรือควรจะรู้ได้ว่า กระสุนปืนที่ยิงไปนั้นอาจถูกผู้เสียหายหรือบุคคลที่อยู่ในรัศมีของกระสุนปืนที่จำเลยยิงได้ ฉะนั้นเมื่อกระสุนปืนไปถูกผู้เสียหาย จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น ถือว่าจำเลยกระทำโดยเจตนา
จำเลยใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงกระทำร้ายและกระสุนปืนมีอำนาจรุนแรง การกระทำจึงอยู่ในลักษณะที่อาจจะทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่จำเลยให้การในชั้นสอบสวนและเบิกความในชั้นพิจารณาว่า ได้ยิงปืนไปที่วงการพนันจริง กับเบิกความรับถึงอำนาจยิงของปืนอีกด้วย ดังนี้นับว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การวินิจฉัยคดี ควรปรานีลดโทษให้จำเลย
จำเลยใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงกระทำร้ายและกระสุนปืนมีอำนาจรุนแรง การกระทำจึงอยู่ในลักษณะที่อาจจะทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่จำเลยให้การในชั้นสอบสวนและเบิกความในชั้นพิจารณาว่า ได้ยิงปืนไปที่วงการพนันจริง กับเบิกความรับถึงอำนาจยิงของปืนอีกด้วย ดังนี้นับว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การวินิจฉัยคดี ควรปรานีลดโทษให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 807-808/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายข้าวเปลือกเกิน 500 บาท แม้ไม่มีเอกสาร แต่การตวงข้าวถือเป็นการชำระหนี้ โจทก์ฟ้องได้
การซื้อขายข้าวเปลือกราคาเกินกว่า 500 บาท เมื่อจำเลยตวงข้าวไปจากโจทก์แล้ว ถือได้ว่ามีการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรค 2 แล้ว แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ก็ฟ้องเรียกราคาข้าวจากจำเลยได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 (2) ที่ห้ามไม่ให้นำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารนั้น ต้องเป็นกรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงเท่านั้น กรณีที่โจทก์ฟ้องเรียกราคาข้าวที่ขายให้จำเลยโดยไม่มีเอกสารเป็นหนังสือมาแสดง แม้เอกสารจะมีข้อความว่า " รับฝากข้าวเปลือก" โจทก์ก็นำพยานบุคคลมาสืบได้ว่าเป็นเรื่องซื้อขายข้าวกัน
จำเลยที่ 2 กระทำในนามผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 ได้เอาตราของบริษัทจำเลยที่ 1 มาดีประทับด้วย ถือว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ซื้อข้าวไปจากโจทก์ แทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อเชื่อข้าวเปลือกเจ้าจากโจทก์ ดังนี้จำเลยสามารถเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้แล้ว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ผู้ประกอบกสิกรรมฟ้องเรียกเอาค่าผลิตผลแห่งกสิกรรมที่ได้ขายให้จำเลยซึ่งเป็นบริษัทโรงสี กรณีไม่เข้าอยู่ในบังคับแห่งอายุความ 2 ปี อายุความจึงมีกำหนด 5 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 วรรคท้าย
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 (2) ที่ห้ามไม่ให้นำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารนั้น ต้องเป็นกรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงเท่านั้น กรณีที่โจทก์ฟ้องเรียกราคาข้าวที่ขายให้จำเลยโดยไม่มีเอกสารเป็นหนังสือมาแสดง แม้เอกสารจะมีข้อความว่า " รับฝากข้าวเปลือก" โจทก์ก็นำพยานบุคคลมาสืบได้ว่าเป็นเรื่องซื้อขายข้าวกัน
จำเลยที่ 2 กระทำในนามผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 ได้เอาตราของบริษัทจำเลยที่ 1 มาดีประทับด้วย ถือว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ซื้อข้าวไปจากโจทก์ แทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อเชื่อข้าวเปลือกเจ้าจากโจทก์ ดังนี้จำเลยสามารถเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้แล้ว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ผู้ประกอบกสิกรรมฟ้องเรียกเอาค่าผลิตผลแห่งกสิกรรมที่ได้ขายให้จำเลยซึ่งเป็นบริษัทโรงสี กรณีไม่เข้าอยู่ในบังคับแห่งอายุความ 2 ปี อายุความจึงมีกำหนด 5 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 วรรคท้าย