คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไฉน บุญยก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องจักรโรงสีเป็นสังหาริมทรัพย์ จำนองไม่ได้ แม้มีราคาแพงหรือติดตั้งถาวร
เครื่องจักรโรงสี แม้จะมีน้ำหนักหรือราคามากสักเท่าใดโดยสภาพย่อมถอดถอนโยกย้ายได้มิใช่ทรัพย์ที่ติดอยู่กับที่ดินหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินแต่ย่อมแยกออกจากตัวโรงสีได้โดยไม่ต้องทำลายหรือทำให้ตัวโรงสีนั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรง ฉะนั้นแม้เครื่องจักรจะเป็นสารสำคัญ ก็มิใช่ส่วนควบแต่เป็นเพียงของใช้ประจำอยู่กับโรงสี จึงเป็นเครื่องอุปกรณ์ซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์เท่านั้น
สังหาริมทรัพย์นั้น ตามกฎหมายจำนองได้เฉพาะแต่ที่ระบุไว้ในมาตรา 703 เครื่องจักรโรงสีมิใช่ทรัพย์ที่ระบุไว้เช่นนั้น จึงจำนองไม่ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องจักรโรงสีเป็นสังหาริมทรัพย์ จำนองไม่ได้ แม้มีราคาแพงหรือติดตั้งถาวร
เครื่องจักรโรงสี แม้จะมีน้ำหนักหรือราคามากสักเท่าใด โดยสภาพย่อมถอดถอนโยกย้ายได้มิใช่ทรัพย์ที่ติดอยู่กับที่ดินหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดิน แต่ย่อมแยกออกจากตัวโรงสีได้ โดยไม่ต้องทำลายหรือทำให้ตัวโรงสีนั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรง ฉะนั้น แม้ เครื่องจักรจะเป็นสารสำคัญ ก็มิใช่ส่วนควบ แต่เป็นเพียงของใช้ประจำอยู่กับโรงสีจึงเป็นเครื่องอุปกรณ์ซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์เท่านั้น
สังหาริมทรัพย์นั้น ตามกฎหมายจำนองได้เฉพาะแต่ที่ระบุไว้ในมาตรา 703 เครื่องจักรโรงสีมิใช่ทรัพย์ที่ระบุไว้เช่นนั้น จึงจำนองไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2509).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389-390/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของกรมรถไฟกับการฟ้องขับไล่: มาตรา 1375 ไม่อ้างใช้ได้
โจทก์มีสิทธิครอบครองและสิทธิต่าง ๆ บรรดาที่กฎหมายให้ไว้แก่กรมรถไฟดังพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 มาตรา 15 บัญญัติไว้ จำเลยจึงอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาใช้ยันแก่โจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อต่อสู้และอ้างพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และการพิพากษาคดีแพ่งโดยไม่รอคดีอาญา
จำเลยยื่นคำร้องในชั้นฎีกาว่า ลายมือชื่อในเอกสารปลอม
จำเลยได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ถ้าศาลฎีกาเห็นสมควรก็ขอให้รอการพิจารณาไว้จนกว่าคดีอาญาถึงที่สุดเมื่อทางพิจารณาควรฟังเป็นยุติได้แล้ว ศาลฎีกาก็พิพากษาคดีไปโดยไม่รอคดีอาญาตามคำร้องจำเลย
จำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอปฏิเสธและขอบอกเลิกเพิกถอนคำแถลงด้วยวาจาและเอกสารของทนายจำเลยคนแรก และให้ถือตามข้อต่อสู้เดิมแต่ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นเพิ่งจะร้องขอเปลี่ยนแปลงประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ย่อมไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาและเมื่อศาลฎีกาสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเพิกถอนคำแถลงการด้วยวาจาและเอกสารของทนายคนแรกของจำเลยแล้วการอ้างพยานเพิ่มเติมตามคำร้องนี้ก็ไม่จำเป็นแก่คดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อต่อสู้และขออ้างพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และการพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยยื่นคำร้องในชั้นฎีกาว่า ลายมือชื่อในเอกสารปลอม จำเลยได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ถ้าศาลฎีกาเห็นสมควร ก็ขอให้รอการพิพากษาไว้จนกว่าคดีอาญาถึงที่สุด เมื่อทางพิจารณาควรฟังเป็นยุติได้แล้ว ศาลฎีกาก็พิพากษาคดีไปโดยไม่รอคดีอาญาตามคำร้องจำเลย
จำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอปฏิเสธและขอบอกเลิกเพิกถอนคำแถลงด้วยวาจาและเอกสารของทนายจำเลยคนแรก และให้ถือตามข้อต่อสู้เดิมแต่ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น เพิ่งจะร้องขอเปลี่ยนแปลงประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ย่อมไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และเมื่อศาลฎีกาสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเพิกถอนคำแถลงการณ์ด้วยวาจาและเอกสารของทนายคนแรกของจำเลยแล้ว การอ้างพยานเพิ่มเติมตามคำร้องนี้ก็ไม่จำเป็นแก่คดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ค้ำประกันร่วมกันมีสิทธิไล่เบี้ยกันได้ตามหลักทั่วไป
ผู้ค้ำประกันร่วมกัน 2 คน เมื่อผู้ค้ำประกันคนหนึ่งได้ชำระหนี้ทั้งหมดแทนลูกหนี้ไป ย่อมรับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ไล่เบี้ยเอากับผู้ค้ำประกันอีกคนหนึ่งได้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 229(3) และ 296 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 682 วรรค 2 บัญญัตินิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ค้ำประกันกับเจ้าหนี้ และมาตรา 693บัญญัตินิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ค้ำประกันกับลูกหนี้แต่ในระหว่างผู้ค้ำประกันด้วยกันบทบัญญัติในลักษณะค้ำประกันมิได้กำหนดความรับผิดต่อกันไว้จึงต้องใช้หลักทั่วไปตามมาตรา 229,296

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ค้ำประกันร่วมกัน ไล่เบี้ยเรียกคืนหนี้ได้กึ่งหนึ่งตามหลักทั่วไป
ผู้ค้ำประกันร่วมกัน 2 คน เมื่อผู้ค้ำประกันคนหนึ่งได้ชำระหนี้ทั้งหมดแทนลูกหนี้ไป ย่อมรับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ไล่เบี้ยเอากับผู้ค้ำประกันอีกคนหนึ่งได้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 229(3) และ 296 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 682 วรรค 2 บัญญัตินิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ค้ำประกันกับเจ้าหนี้ และมาตรา 693 บัญญัตินิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ค้ำประกันกับลูกหนี้ แต่ในระหว่างผู้ค้ำประกันด้วยกัน บทบัญญัติในลักษณะค้ำประกันมิได้กำหนดความรับผิดต่อกันไว้ จึงต้องใช้หลักทั่วไปตามมาตรา 229,296.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็นผู้อนุบาลของสามีต่อภริยาที่ไร้ความสามารถ และสิทธิของผู้คัดค้านในการเสนอผู้อนุบาลอื่น
ตามปกติสามีย่อมเป็นผู้อนุบาลภริยาซึ่งศาลสั่งว่าเป็นคนไร้ความสามารถ ต้องจัดให้อยู่ในความอนุบาล เมื่อผู้มีส่วนได้เสียผู้ใดคัดค้านต่อศาล ผู้คัดค้านชอบที่จะนำสืบแสดงเหตุสำคัญให้เห็นว่าศาลควรตั้งผู้อื่นเป็นผู้อนุบาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งผู้ดูแล (ผู้อนุบาล) คนไร้ความสามารถ: สามีเป็นผู้ดูแลโดยปกติ แต่ศาลเปิดโอกาสให้คัดค้านและแสดงเหตุผล
ตามปกติสามีย่อมเป็นผู้อนุบาลภริยาซึ่งศาลสั่งว่าเป็นคนไร้ความสามารถต้องจัดให้อยู่ในความอนุบาลเมื่อผู้มีส่วนได้เสียผู้ใดคัดค้านต่อศาล ผู้คัดค้านชอบที่จะนำสืบแสดงเหตุสำคัญให้เห็นว่าศาลควรตั้งผู้อื่นเป็นผู้อนุบาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพกพาอาวุธเข้าในเคหสถานของผู้เสียหาย และการป้องกันตัวที่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่จำเลยพกอาวุธปืนเข้าไปในบริเวณรั้วบ้านผู้ตายในยามวิกาล นับได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นความผิดต่อกฎหมายผู้ตายเมื่อรู้ตัวว่าของหาย แลเห็นจำเลยก็เข้าใจว่าเป็นคนร้ายลักทรัพย์จึงฟันเอา แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าการที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย เป็นผลจากการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าวจำเลยหาอาจป้องกันภยันตรายที่เกิดขึ้นเพราะการกระทำของตนอันเป็นความผิดต่อกฎหมายไม่ได้การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
of 72