คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไฉน บุญยก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1469/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีเดิม คู่ความเดิม เหตุเดิม ศาลยกฟ้องตามมาตรา 148
แม้โจทก์จำเลยในคดีนี้จะเป็นจำเลยเป็นโจทก์ในคดีก่อนก็ตาม แต่เมื่อคู่ความในคดีก่อนและคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกัน และศาลมีข้อวินิจฉัยในประเด็นโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ก็เป็นฟ้องซ้ำ จะรื้อฟื้นมาฟ้องอีกไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ปืนยิงสุนัขขณะปล้นทรัพย์ ถือเป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรค 4
คนร้ายซึ่งอยู่ที่พื้นดินใช้ปินยิงสุนัขเพราะสุนัขเห่าจะกัดคนร้ายขณะคนร้ายอื่นกำลังค้นหาทรัพย์อยู่ ถือได้ว่าการปล้นได้กระทำโดยใช้ปืนยิง เพราะคนร้ายยิงสุนัขที่เห่าและจะกัดคนร้ายในขณะที่คนร้ายกำลังปล้นบ้านผู้เสียหายเป็นการกระทำในการปล้นทรัพย์นั้นด้วย เป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรค 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ปืนยิงสุนัขระหว่างการปล้นทรัพย์ ถือเป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรคสี่
คนร้ายซึ่งอยู่ที่พื้นดินใช้ปืนยิงสุนัข เพราะสุนัขเห่าจะกัดคนร้ายขณะคนร้ายอื่นกำลังค้นหาทรัพย์อยู่ ถือได้ว่าการปล้นได้กระทำโดยใช้ปืนยิง เพราะคนร้ายยิงสุนัขที่เห่าและจะกัดคนร้ายในขณะที่คนร้ายกำลังปล้นบ้านผู้เสียหาย เป็นการกระทำในการปล้นทรัพย์นั้นด้วย เป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรคสี่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เลิกสัญญาซื้อขาย: การตกลงเลิกสัญญาโดยคู่สัญญา ไม่ใช่การปลดหนี้โดยฝ่ายเดียว
คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงเลิกสัญญาซื้อขายต่อกัน มิใช่เป็นการปลดหนี้โดยการแสดงเจตนาฝ่ายเดียวของเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 340

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกสัญญาซื้อขายโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่การปลดหนี้ตามมาตรา 340
คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงเลิกสัญญาซื้อขายต่อกัน มิใช่เป็นการปลดหนี้โดยการแสดงเจตนาฝ่ายเดียวของเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 340

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ห้องเช่าเพื่อค้า ไม่เป็นเคหะควบคุม สัญญาเช่าระงับ โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่ได้ทันที
จำเลยเช่าห้องพิพาททำการค้าและได้ประกอบการค้าด้วย จึงไม่เป็นเคหะควบคุมและไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ฯ
เมื่อห้องพิพาทมิใช่เคหะควบคุม แม้จำเลยจะได้แจ้งความจำนงขอเช่าไปให้โจทก์ทราบตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ฯ การกระทำของจำเลยก็ไม่ผูกมัดโจทก์ เพราะกรณีนี้ไมอยู่ในบทบังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้
เมื่อจำเลยอยู่ในที่เช่าโดยไม่มีสัญญาเช่าหรือสิทธิอะไรตามกฎหมาย โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยออกไปเมื่อไรก็ย่อมทำได้ ไม่จำเป็นต้องทำการบอกกล่าวกันก่อนแต่ประการใด
เมื่อปรากฏว่าจำเลยขืนอยู่ในห้องพิพาทโดยไม่มีสิทธิที่จะอ้างอิงแต่อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยได้ละเมิดสิทธิโจทก์และโจทก์ได้รับความเสียหายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ห้องเช่าเพื่อค้าไม่เป็นเคหะควบคุม สิทธิเช่าไม่อ้างอิง พ.ร.บ.ควบคุมเคหะ ผู้เช่าละเมิดสิทธิเจ้าของ
จำเลยเช่าห้องพิพาททำการค้าและได้ประกอบการค้าด้วยจึงไม่เป็นเคหะควบคุม และไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ
เมื่อห้องพิพาทมิใช่เคหะควบคุม แม้จำเลยจะได้แจ้งความจำนงขอเช่าไปให้โจทก์ทราบตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ การกระทำของจำเลยก็ไม่ผูกมัดโจทก์ เพราะกรณีนี้ไม่อยู่ในบทบังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้
เมื่อจำเลยอยู่ในที่เช่าโดยไม่มีสัญญาเช่าหรือสิทธิอะไรตามกฎหมาย โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยออกไปเมื่อไรก็ย่อมทำได้ ไม่จำเป็นต้องทำการบอกกล่าวกันก่อนแต่ประการใด
เมื่อปรากฏว่าจำเลยขืนอยู่ในห้องพิพาทโดยไม่มีสิทธิที่จะอ้างอิงแต่อย่างใดถือได้ว่าจำเลยได้ละเมิดสิทธิโจทก์และโจทก์ได้รับความเสียหายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารสัญญากู้ปลอม การหักล้างด้วยพยานบุคคล และความรับผิดของคู่สมรสที่ไม่จดทะเบียน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามสัญญากู้ จำเลยสู้ว่าเพียงแต่ลงลายมือชื่อให้ไว้ในสัญญาเฉย ๆ และกู้เงินเพียง 200 บาท แต่โจทก์ไปกรอกจำนวนเงินเป็น 9,000 บาท ซึ่งเป็นความเท็จ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม ดังนี้ ย่อมรับฟังพยานบุคคลได้ เพราะเป็นการนำสืบหักล้างเอกสารที่ไม่ถูกต้อง และไม่จำต้องมีพยานเอกสารมาสืบหักล้าง
สามีภรรยามิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน สามีไปกู้เงินมาแต่ไม่ได้ความชัดว่าเงินที่กู้ได้นำไปใช้ในกิจการอันใดแน่ ผู้ให้กู้ว่าให้กู้เพราะสามีนั้นเป็นลุงและเชื่อหลักฐานของสามีจึงเป็นเรื่องส่วนตัวของสามี ภรรยาไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วม กันสามี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักล้างเอกสารสัญญากู้ด้วยพยานบุคคล และการไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วมจากความสัมพันธ์ที่ไม่จดทะเบียนสมรส
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามสัญญากู้ จำเลยสู้ว่าเพียงแต่ลงลายมือชื่อให้ไว้ในสัญญาเฉยๆ และกู้เงินเพียง 200บาท แต่โจทก์ไปกรอกจำนวนเงินเป็น 9,000 บาท ซึ่งเป็นความเท็จ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม ดังนี้ ย่อมรับฟังพยานบุคคลได้ เพราะเป็นการนำสืบหักล้างเอกสารที่ไม่ถูกต้อง และไม่จำต้องมีพยานเอกสารมาสืบหักล้าง
สามีภรรยามิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน สามีไปกู้เงินมาแต่ไม่ได้ความชัดว่าเงินที่กู้ได้นำไปใช้ในกิจการอันใดแน่ ผู้ให้กู้ว่าให้กู้เพราะสามีนั้นเป็นลุง และเชื่อหลักฐานของสามีจึงเป็นเรื่องส่วนตัวของสามี ภรรยาไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วมกับสามี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะและการพิจารณาคดีความผิดเกี่ยวพันกัน
ที่เกิดเหตุเป็นร้านค้าและเป็นที่ซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ จึงเป็นสาธารณสถานตามมาตรา 1(3) เมื่อจำเลยทะเลาะกันอื้ออึงในสาธารณสถานจึงเป็นผิดมาตรา 372 ข้อที่ว่าที่เกิดเหตุเป็นเคหสถานหรือไม่ หาใช่ประเด็นแห่งคดีไม่
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 3 ถึงที่ 8 อีกฝ่ายหนึ่ง ทะเลาะกันอื้ออึงในสาธารณสถาน ฉะนั้น การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 เพียงแต่เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ถึงที่ 8 เป็นจำเลยต่อศาลอาญา (ฐานบุกรุกทำร้ายร่างกาย) ในคดีเกี่ยวพันกันนี้โดยในชั้นนี้ศาลอาญาเพียงแต่รับฟ้องไว้พิจารณา ย่อมไม่เป็นการขัดขวางต่อการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ถูกผู้ว่าคดี ฯ ฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลแขวงซึ่งเป็นศาลที่มีอำนาจชำระในความผิด (ฐานทะเลาะกันอื้ออึงในศาธารณสถาน) ซึ่งมีอัตราโทษต่ำกว่าและมิใช่เป็นกรณีตามมาตรา 24 วรรค 2 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทั้งศาลแขวง ฯ มิได้ตกลงกับศาลอาญาสั่งให้ไปฟ้องยังศาลอาญาตามมาตรา 25 ส่วนมาตรา 24 วรรค 3 บัญญัติถึงความผิดอันเกี่ยวพันกัน มีอัตราโทษอย่างสูงเสมอกัน ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในคดีนี้
of 72