คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไฉน บุญยก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1656/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวฟ้องซ้ำ: สิทธิฟ้องระงับเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้จะแบ่งแยกฐานความผิดได้
ในคดีความผิดครั้งเดียวและกรรมเดียวกัน เมื่ออัยการโจทก์ได้ฟ้องจำเลยและศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว. ผู้เสียหายจะฟ้องจำเลยในความผิดกรรมเดียวนั้นอีกไม่ได้.แม้ว่าการกระทำหรือกรรมนั้นจะแบ่งแยกความผิดออกได้เป็นหลายฐานหรือเป็นความผิดอาญาแผ่นดินกับความผิดที่ยอมความกันได้ก็ตาม. เพราะคำว่า 'ในความผิด'ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) มีความหมายถึงการกระทำอันหนึ่งๆในคราวเดียวกัน มิได้หมายถึงฐานความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1656/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวฟ้องซ้ำ: ศาลยกฟ้องเมื่อศาลเคยพิพากษาลงโทษในความผิดนั้นแล้ว แม้จะแบ่งเป็นหลายฐาน
ในคดีความผิดครั้งเดียวและกรรมเดียวกัน เมื่ออัยการโจทก์ได้ฟ้องจำเลยและศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยเสร็จเด็ดขาดไปแล้วผู้เสียหายจะฟ้องจำเลยในความผิดกรรมเดียวนั้นอีกไม่ได้แม้ว่าการกระทำหรือกรรมนั้นจะแบ่งแยกความผิดออกได้เป็นหลายฐานหรือเป็นความผิดอาญาแผ่นดินกับความผิดที่ยอมความกันได้ก็ตาม เพราะคำว่า "ในความผิด"ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) มีความหมายถึงการกระทำอันหนึ่งๆในคราวเดียวกัน มิได้หมายถึงฐานความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1656/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดกรรมเดียว แม้แยกฐานความผิดได้ ศาลยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
ในคดีความผิดครั้งเดียวและกรรมเดียวกัน เมื่ออัยการโจทก์ได้ฟ้องจำเลยและศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ผู้เสียหายจะฟ้องจำเลยในความผิดกรรมเดียวนั้นอีกไม่ได้ แม้ว่าการกระทำหรือกรรมนั้นจะแบ่งแยกความผิดออกได้เป็นหลายฐาน หรือเป็นความผิดอาญาแผ่นดินกับความผิดที่ยอมความกันได้ก็ตาม เพราะคำว่า "ในความผิด" ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) มีความหมายถึงการกระทำอันหนึ่ง ๆ ในคราวเดียวกัน มิได้หมายถึงฐานความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ถูกประกาศหวงห้าม การซื้อขายและสิทธิครอบครองจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยเข้ายึดถือครอบครองก่นสร้างและก่อสร้างที่พัก ทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน อันเป็นที่ดินของรัฐที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศหวงห้ามในราชกิจจานุเบกษา โดยจำเลยไม่มีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9,108 จำเลยจึงมีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ถูกประกาศหวงห้าม การซื้อขายไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยเข้ายึดถือครอบครองก่อสร้างและก่อสร้างที่พัก ทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน อันเป็นที่ดินของรัฐที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศหวงห้ามในราชกิจจานุเบกษา โดยจำเลยไม่มีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายหรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9,108 จำเลยจึงมีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินสาธารณสมบัติโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและการซื้อขายที่ดินที่ถูกประกาศหวงห้าม
จำเลยเข้ายึดถือครอบครองก่นสร้างและก่อสร้างที่พัก ทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน. อันเป็นที่ดินของรัฐที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศหวงห้ามในราชกิจจานุเบกษา. โดยจำเลยไม่มีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายหรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่. อันเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9,108 จำเลยจึงมีความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานมีวัตถุระเบิดเมื่อข้อเท็จจริงไม่ชัดเจนว่าจำเลยเป็นผู้กระทำเอง ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานทำร้ายร่างกายและมีวัตถุระเบิดไว้โดยผิดกฎหมาย แล้วโจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยขว้างวัตถุระเบิด หากเป็นการกระทำของผู้อื่น ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจยกข้อหาเรื่องจำเลยมีวัตถุระเบิดขึ้นวินิจฉัยว่าเป็นความจริงหรือไม่ได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์ยกข้อหาเรื่องวัตถุระเบิดได้ แม้โจทก์อุทธรณ์ขอเพิ่มโทษฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานทำร้ายร่างกายและมีวัตถุระเบิดไว้โดยผิดกฎหมาย แล้วโจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยขว้างวัตถุระเบิด หากเป็นการกระทำของผู้อื่น ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจยกข้อหาเรื่องจำเลยมีวัตถุระเบิดขึ้นวินิจฉัยว่าเป็นความจริงหรือไม่ได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีทำร้ายร่างกายและวัตถุระเบิด: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยแม้จำเลยมิได้ลงมือเอง
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานทำร้ายร่างกายและมีวัตถุระเบิดไว้โดยผิดกฎหมาย. แล้วโจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานนั้น. เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยขว้างวัตถุระเบิด. หากเป็นการกระทำของผู้อื่น. ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจยกข้อหาเรื่องจำเลยมีวัตถุระเบิดขึ้นวินิจฉัยว่าเป็นความจริงหรือไม่ได้ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1515/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าบำเหน็จนายหน้า: ผลสำเร็จจากการชี้ช่อง แม้มีการเปลี่ยนแปลงราคาสัญญาจำนอง
จำเลยทำสัญญาให้โจทก์เป็นนายหน้าจัดการให้จำเลยได้จำนองที่ดิน. โจทก์ติดต่อกับธนาคารจนธนาคารตกลงรับจำนองในราคาสองล้านหนึ่งแสนบาทแล้ว. จำเลยเปลี่ยนใจจะจำนองราคาสามล้านบาท. จำเลยจึงให้ผู้อื่นไปติดต่อกับธนาคารแห่งนั้นจนธนาคารยอมรับจำนองในราคาสามล้านบาท. ดังนี้ ถือว่าสัญญาจำนองสามล้านบาทที่จำเลยทำกับธนาคารนั้น เป็นผลสำเร็จของการที่โจทก์เป็นนายหน้าชี้ช่องให้จำเลย.
of 72