คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เกษม ทิพยจันทร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 224 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 720/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งที่ดิน เจ้าของรวมมีส่วนได้น้อยกว่าที่ฟ้องร้อง ศาลพิพากษาตามส่วนจริง
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินโดยอ้างว่าเป็นเจ้าของร่วมขอส่วนคนละ 1 ใน 7 ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์มีส่วนเพียงคนละ 1 ใน 16 ศาลพิพากษาให้โจทก์ได้ส่วน 1 ใน16 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการเลี้ยวรถโดยประมาท กีดขวางรถอื่นในช่องทางเดินรถ
ในกรณีที่รถแล่นคนละช่อง ต้องรักษาช่องเดินรถของตนเมื่อจะเปลี่ยนช่องต้องระวังมิให้กีดขวางรถที่แล่นอยู่ในช่องนั้นๆ เมื่อจะเลี้ยวรถทางซ้ายจะต้องแล่นชิดขอบทางด้านซ้าย จะเลี้ยวได้เมื่อสามารถกระทำได้โดยปลอดภัย ถ้าหากแล่นเข้าไปกีดขวางในช่องทางเดินรถอื่นแล้วอันตรายเกิดขึ้นเพราะการกระทำของตนจะต้องรับผิดเมื่อให้สัญญาณเลี้ยวแล้ว จะเลี้ยวทันทีไม่ได้ เพราะไม่สามารถจะป้องกันอันตรายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลี้ยวรถขวางทางเดินรถของผู้อื่น ถือเป็นความประมาททำให้เกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่มีหน้าที่ต้องระมัดระวัง
ในกรณีที่รถแล่นคนละช่อง ต้องรักษาช่องเดินรถของตน เมื่อจะเปลี่ยนช่องต้องระวังมิให้กีดขวางรถที่แล่นอยู่ในช่องนั้น ๆ เมื่อจะเลี้ยวรถทางซ้ายจะต้องแล่นชิดขอบทางด้านซ้าย จะเลี้ยวได้เมื่อสามารถกระทำได้โดยปลอดภัย ถ้าหากแล่นเข้าไปกีดขวางในช่องทางเดินรถอื่นแล้ว อันตรายเกิดขึ้นเพราะการกระทำของตนจะต้องรับผิด เมื่อให้สัญญาณเลี้ยวแล้ว จะเลี้ยวทันทีไม่ได้ เพราะไม่สามารถจะป้องกันอันตรายได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนและการมีอาวุธปืนเพื่อการค้า: ข้อเท็จจริงสำคัญในการพิจารณาความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
ศาลชั้นต้นลงโทษฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 7,72 โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ฎีกาว่าจำเลยมีใบอนุญาตจำหน่ายอาวุธปืน มีปืนไว้ในตู้แสดงสินค้าหน้าร้านโดยมิได้รับอนุญาต ก็มีผิดฐานมีอาวุธปืนสำหรับการค้าตามมาตรา 24 ด้วย ดังนี้ เบื้องต้นต้องวินิจฉัยเสียก่อนว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนหรือไม่แม้จำเลยไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็วินิจฉัยข้อกฎหมายนี้ได้เพราะข้อหาฐานมีอาวุธปืนยังไม่ยุติ และการวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลฎีกาก็ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้ฟังข้อเท็จจริงในการมีอาวุธปืนไว้อย่างใด จำเลยได้นำสืบไว้แล้วฉะนั้น ข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลชั้นต้นฟังมาไม่พอที่จะวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าเป็นการมีอาวุธปืนตามความหมายแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือไม่ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบไว้แล้วเสียเอง โดยมิต้องย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยใหม่
คำว่า มีอาวุธปืน ตามความหมายของพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 4(6)หมายความว่า มีกรรมสิทธิ์ หรือมีไว้ในครอบครองคำว่า ครอบครองหาได้บัญญัติให้มีความหมายเป็นพิเศษอย่างใดไม่ ต้องถือว่ามีความหมายตามกฎหมายทั่วไปการถือปืนอยู่ชั่วขณะแล้วต้องส่งคืน เป็นการยึดถือปืนแต่มิได้มีเจตนายึดถือเพื่อตน หาเป็นการครอบครองไม่(อ้างฎีกาที่ 1824/2499 และที่ 1578/2495) กรณีนี้ร้านค้าปืนผู้เป็นเจ้าของปืนได้มอบปืนมาให้ลูกค้าดูแล้วต้องส่งคืน แม้จะวางปืนไว้ในร้านชั่วระยะเวลา ก็หาทำให้ผู้ถือปืนมาให้ดูเป็นผู้ครอบครองปืนนั้นไม่การที่ปืนมาตกอยู่ในร้านจำเลยเพราะเหตุนี้ ไม่ถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครอง
ซองกระสุนปืนและกระสุนปืนขนาดต่างๆ ที่ตรวจพบในลิ้นชักโต๊ะในร้านปืนซึ่งจำเลยเป็นผู้รับอนุญาตจำหน่ายอาวุธปืนจำเลยมิได้นำสืบแก้ให้เห็นว่าได้รับอนุญาตแล้วและในบัญชีอาวุธปืนประจำร้านไม่มีอาวุธปืนและกระสุนปืนเหลืออยู่เลย ไม่มีเหตุที่จะแสดงว่าจำเลยมิได้ครอบครอง ต้องถือว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพราะอยู่ในร้านค้าปืนของจำเลยแต่พิเคราะห์จำนวน ลักษณะเห็นว่าไม่ใช่สำหรับการค้าเพราะมีชนิดละเล็กน้อยและเฉพาะกระสุนขนาด 28 จำนวน 25 นัด ก็เป็นกระสุนสำหรับปืนที่ไม่มีสั่งเข้ามานานแล้วทั้งเก็บอยู่ในลิ้นชัก มิได้แสดงว่าจะจำหน่ายเพียงแต่มีอาวุธปืนหรือกระสุนปืนอยู่ในร้านค้าปืนหามีความผิดตามมาตรา 24 ไม่(อ้างฎีกาที่ 1376/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนและการมีไว้เพื่อการค้า: การพิจารณาเจตนาและลักษณะการครอบครอง
ศาลชั้นต้นลงโทษฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 72 โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ฎีกาว่าจำเลยมีใบอนุญาตจำหน่ายอาวุธปืน มีปืนไว้ในตู้แสดงสินค้าหน้าร้านโดยมิได้รับอนุญาต ก็มีผิดฐานมีอาวุธปืนสำหรับการค้าตามมาตรา 24 ด้วย ดังนี้ เบื้องต้นต้องวินิจฉัยเสียก่อนว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนหรือไม่ แม้จำเลยไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็วินิจฉัยข้อกฎหมายนี้ได้เฉพาะข้อหาฐานมีอาวุธปืนยังไม่ยุติ และการวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลฎีกาก็ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้ฟังข้อเท็จจริงในการมีอาวุธปืนไว้อย่างใด จำเลยได้นำสืบไว้แล้ว ฉะนั้น ข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลชั้นต้นฟังมาไม่พอที่จะวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าเป็นการมีอาวุธปืนตามความหมายแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือไม่ ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบไว้แล้วเสียเอง โดยมิต้องย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยใหม่
คำว่า มีอาวุธปืน ตามความหมายของพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 4(6) หมายความว่า มีกรรมสิทธิ์ หรือมีไว้ในครอบครอง คำว่า ครอบครอง หาได้บัญญัติให้มีความหมายเป็นพิเศษอย่างใดไม่ ต้องถือว่ามีความหมายตามกฎหมายทั่วไป การถือปืนอยู่ชั่วขณะแล้วต้องส่งคืน เป็นการยึดถือปืน แต่มิได้มีเจตนายึดถือเพื่อตน หาเป็นการครอบครองไม่ (อ้างฎีกาที่ 1824/2499 และที่ 1578/2495) กรณีนี้ร้านค้าปืนผู้เป็นเจ้าของปืนได้มอบปืนมาให้ลูกค้าดูแล้วต้องส่งคืน แม้จะวางปืนไว้ในร้านชั่วระยะเวลา ก็หาทำให้ผู้ถือปืนมาให้ดูเป็นผู้ครอบครองปืนนั้นไม่ การที่ปืนมาตกอยู่ในร้านจำเลยเพราะเหตุนี้ ไม่ถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครอง
ซองกระสุนปืนและกระสุนปืนขนาดต่าง ๆ ที่ตรวจพบในลิ้นชักโต๊ะในร้านปืนซึ่งจำเลยเป็นผู้รับอนุญาตจำหน่ายอาวุธปืน จำเลยมิได้นำสืบแก้ให้เห็นว่าได้รับอนุญาตแล้ว และในบัญชีอาวุธปืนประจำร้านไม่มีอาวุธปืนและกระสุนปืนเหลืออยู่เลย ไม่มีเหตุที่จะแสดงว่าจำเลยมิได้ครอบครอง ต้องถือว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพราะอยู่ในร้านค้าปืนของจำเลย แต่พิเคราะห์จำนวน ลักษณะ เห็นว่า ไม่ใช่สำหรับการค้า เพราะมีชนิดละเล็กน้อย และเฉพาะกระสุนขนาด 28 จำนวน 25 นัด ก็เป็นกระสุนสำหรับปืนที่ไม่มีสั่งเข้ามานานแล้ว ทั้งเก็บอยู่ในลิ้นชัก มิได้แสดงว่าจะจำหน่าย เพียงแต่มีอาวุธปืนหรือกระสุนปืนอยู่ในร้านค้าปืน หามีความผิดตามมาตรา 24 ไม่ (อ้างฎีกาที่ 1376/2493).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแทนทายาทและการห้ามฟ้องซ้ำในคดีจัดการมรดก
การที่ทายาทคนหนึ่งฟ้องผู้จัดการมรดกเกี่ยวกับการจัดการมรดก ถือว่าเป็นการฟ้องแทนทายาทคนอื่น ๆ ด้วย
ทายาทคนหนึ่งฟ้องผู้จัดการมรดกคนก่อนว่าจัดการมรดกไปด้วยความทุจริต ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้ทายาทกองมรดกนั้นเสียหาย ศาลวินิจฉัยว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าผู้จัดการมรดกคนเก่านั้นได้กระทำไปด้วยความไม่สุจริตและประมาทเลินเล่อ การที่ผู้จัดการมรดกได้กระทำไปจึงผูกพันกองมรดก คดีถึงที่สุด ต่อมาผู้จัดการมรดกคนใหม่ซึ่งเข้ามาจัดการมรดกแทนผู้จัดการมรดกคนเก่าที่ถูกศาลพิพากษาเพิกถอน ได้ฟ้องผู้จัดการมรดกคนเก่าในทำนองเดียวกันกับที่ทายาทได้ฟ้องในคดีก่อน และคดีถึงที่สุดแล้วนั้น ถือว่าเป็นการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาฟ้องแทนทายาทอีกเป็นการใช้สิทธิของทายาทซึ่งเป็นตัวการที่ได้ฟ้องไปแล้วนั่นเอง จึงเป็นการฟ้องซ้ำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในฐานะผู้จัดการมรดก: สิทธิของทายาทและการผูกพันของคำพิพากษา
การที่ทายาทคนหนึ่งฟ้องผู้จัดการมรดกเกี่ยวกับการจัดการมรดก ถือว่าเป็นการฟ้องแทนทายาทคนอื่นๆ ด้วย
ทายาทคนหนึ่งฟ้องผู้จัดการมรดกคนก่อนว่า จัดการมรดกไปด้วยความทุจริตประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้ทายาทกองมรดกนั้นเสียหาย ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าผู้จัดการมรดกคนเก่านั้นได้กระทำไปด้วยความไม่สุจริตและประมาทเลินเล่อการที่ผู้จัดการมรดกได้กระทำไปจึงผูกพันกองมรดกคดีถึงที่สุด ต่อมาผู้จัดการมรดกคนใหม่ซึ่งเข้ามาจัดการมรดกแทนผู้จัดการมรดกคนเก่าที่ถูกศาลพิพากษาเพิกถอนได้ฟ้องผู้จัดการมรดกคนเก่าในทำนองเดียวกันกับที่ทายาทได้ฟ้องในคดีก่อน และคดีถึงที่สุดแล้วนั้นถือว่าเป็นการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาฟ้องแทนทายาทอีก เป็นการใช้สิทธิของทายาทซึ่งเป็นตัวการที่ได้ฟ้องไปแล้วนั่นเอง จึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้: นับจากวันโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา/หนังสือพิมพ์รายวัน (วันใดหลังสุด)
กำหนดเวลาสองเดือนที่ให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 91 นั้นนับตั้งแต่วันที่ได้โฆษณาในราชกิจจานุเบกษาหรือในวันที่ได้โฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันแล้วแต่ว่าวันใดเป็นวันที่ได้โฆษณาหลังสุดเพราะกฎหมายให้โฆษณาทั้งสองอย่าง จะนับตั้งแต่วันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดไว้ในวันประกาศมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย ต้องนับจากวันโฆษณาในราชกิจจานุเบกษาหรือหนังสือพิมพ์รายวัน วันใดถึงหลังสุด
กำหนดเวลาสองเดือนที่ให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 91 นั้น นับตั้งแต่วันที่ได้โฆษณาในราชกิจจานุเบกษาหรือวันที่ได้โฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวัน แล้วแต่ว่าวันใดเป็นวันที่ได้โฆษณาหลังสุด เพราะกฎหมายให้โฆษณาทั้งสองอย่าง จะนับตั้งแต่วันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดไว้ในประกาศมิได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งที่ดินสาธารณะต้องมีพระราชกฤษฎีกาประกาศ การครอบครองทำกินต่อเนื่องเป็นสิทธิเจ้าของ
การที่ทางราชการจะให้อำเภอหรือจังหวัดจัดทำที่ดินสงวนไว้เป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้านหรือตำบลนั้น จะต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตที่ดินซึ่งสงวนไว้เป็นสาธารณะ ทั้งที่นั้นก็ต้องเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า ไม่มีเอกชนเป็นเจ้าของอยู่ และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการหวงห้ามที่พินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 มาตรา 4,5 การที่ผู้ใหญ่บ้านได้เขียนป้ายนำไปปิดประกาศไว้ว่าเป็นที่สาธารณะ นั้น ไม่ทำให้ที่ดินนั้นกลายสภาพเป็นที่สาธารณะหวงห้ามไปได้ เพราะทางการยังไม่ได้ดำเนินการออกเป็นพระราชกฤษฎีกาหวงห้ามไว้เพื่อประชาชน.
of 23