พบผลลัพธ์ทั้งหมด 224 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อถูกทำร้ายต่อเนื่อง แม้การตอบโต้จะเกินสมควร แต่ถือเป็นการกระทำเพื่อป้องกันภัยอันตราย
ผู้ตายชักมีดพกแทงจำเลย จำเลยวิ่งหนีไปรอบๆ บ้าน จำเลยสะดุดรากไม้ล้มลง ผู้ตายตามไปทันก็เอามีดพกแทงถูกที่ขาขวา 1 แผล จำเลยลุกวิ่งหนีเข้าบ้าน ผู้ตายตามไปอีก จำเลยก็หยิงมีดพร้าถือไว้และวิ่งหนีไป เหนื่อยก็หยุดหันสู้ผู้ตายโดยฟังไป 3 ที เพราะจำเลยหนีผู้ตายก็ยังตามไปเรื่อยไม่หยุดยั้ง การที่จำเลยใช้มีดพร้าฟันไป 3 ที โดยไม่รู้ว่าถูกตรงไหนบ้าง เพราะมืดแล้ว ถือว่าได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1493/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาว่าไม้แปรรูปอยู่ในสภาพสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ตามกฎหมายป่าไม้ จำเป็นต้องมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจน
เมื่อข้อเท็จจริงตามฟ้องคำให้การว่า++และโจทก์แถลงยังไม่ชัดแต่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลย จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงที่จะวินิจฉัยว่าไม้สักที่จำเลยมีไว้ละใช้ตีพื้นตีฝา ไม้ลักษณะบานประตูหน้าต่างที่ยังไม่ติดอาคาร ไม้โครงเตียงที่ยังไม่ได้ประกอบเป็นเตียง เป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้หรือไม่ ก็จำต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1493/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
งดสืบพยานก่อนได้ข้อเท็จจริงครบถ้วน ทำให้วินิจฉัยสภาพไม้เป็นสิ่งปลูกสร้าง/เครื่องใช้ไม่ได้
เมื่อข้อเท็จจริงตามฟ้อง คำให้การจำเลย และโจทก์แถลงยังไม่ชัด แต่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลย จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงที่จะวินิจฉัยว่าไม้สักที่จำเลยมีไว้และใช้ตีพื้นฝา ไม้ลักษณะบานประตูหน้าต่างที่ยังไม่ติดอาคารไม้โครงเตียงที่ยังไม่ได้ประกอบเป็นเตียง เป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้หรือไม่ ก็จำต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าทรัพย์: จำเลยต้องยกข้อต่อสู้ตามกฎหมายพิเศษในคำให้การ มิเช่นนั้น ศาลวินิจฉัยตามกฎหมายสามัญ
โดยปกติการเช่าทรัพย์ไม่ว่าจะใช้ทรัพย์สินนั้นเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อทำการค้า ย่อมอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะเช่าทรัพย์ หากจำเลยจะอ้างความคุ้มครองตามกฎหมายพิเศษอย่างไร ก็ต้องยกขึ้นสู้คดี เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 บัญญัติให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น เมื่อจำเลยมิได้อ้างสิทธิหรือความคุ้มครองตามกฎหมายพิเศษ ก็ต้องวินิจฉัยคดีตามกฎหมายสามัญ เพราะสิทธิหรือความคุ้มครองตามกฎหมายอื่นนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ให้เป็นประเด็นไว้
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 มิใช่มีกรณีเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนไปเสียทั้งหมด การที่ผู้เช่ายินยอมเลิกใช้ทรัพย์สินที่เช่าหรือไม่อ้างเอาประโยชน์จากพระราชบัญญัตินี้ ก็หาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใดไม่
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 มิใช่มีกรณีเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนไปเสียทั้งหมด การที่ผู้เช่ายินยอมเลิกใช้ทรัพย์สินที่เช่าหรือไม่อ้างเอาประโยชน์จากพระราชบัญญัตินี้ ก็หาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ยกข้อต่อสู้ตามกฎหมายพิเศษในคำให้การ ทำให้ศาลวินิจฉัยตามกฎหมายสามัญ
โดยปกติการเช่าทรัพย์ไม่ว่าจะใช้ทรัพย์สินนั้นเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อทำการค้าย่อมอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะเช่าทรัพย์ หากจำเลยจะอ้างความคุ้มครองตามกฎหมายพิเศษอย่างไร ก็ต้องยกขึ้นสู้คดี เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 บัญญัติให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น เมื่อจำเลยมิได้อ้างสิทธิหรือความคุ้มครองตามกฎหมายพิเศษ ก็ต้องวินิจฉัยคดีตามกฎหมายสามัญ เพราะสิทธิหรือความคุ้มครองตามกฎหมายอื่นนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ให้เป็นประเด็นไว้
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 มิใช่มีกรณีเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนไปเสียทั้งหมด การที่ผู้เช่ายินยอมเลิกใช้ทรัพย์สินที่เช่าหรือไม่อ้างเอาประโยชน์จากพระราชบัญญัตินี้ ก็หาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใดไม่
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 มิใช่มีกรณีเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนไปเสียทั้งหมด การที่ผู้เช่ายินยอมเลิกใช้ทรัพย์สินที่เช่าหรือไม่อ้างเอาประโยชน์จากพระราชบัญญัตินี้ ก็หาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องไม่เกี่ยวพันกับคำฟ้องเดิม ศาลมีอำนาจสั่งให้ฟ้องเป็นคดีต่างหาก
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและตึกแถวซึ่งใช้เป็นที่ประกอบการค้าโดยอ้างว่าบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จำเลยให้การว่าสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนดขับไล่จำเลยไม่ได้ พร้อมทั้งฟ้องแย้งว่าเมื่อจำเลยถูกขับไล่แล้ว โจทก์จะต้องชดใช้เงินค่ปลูกสร้างโกดังสินค้าและโรงรถด้วยนั้น เห็นได้ว่าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง กล่าวคือ ถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การ ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไป เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะชดใช้ จึงเป็นเรื่องที่จะเรียกร้องอีกเรื่องหนึ่งต่างหากในภายหลังเมื่อปรากฏผลในคดีนี้แล้ว จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกันกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องไม่เกี่ยวพันกับฟ้องเดิม ศาลสั่งแยกเป็นคดีต่างหากตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและตึกแถวซึ่งใช้เป็นที่ประกอบการค้าโดยอ้างว่าบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จำเลยให้การว่าสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนดขับไล่จำเลยไม่ได้พร้อมทั้งฟ้องแย้งว่าเมื่อจำเลยถูกขับไล่แล้ว โจทก์จะต้องชดใช้เงินค่าปลูกสร้างโกดังสินค้าและโรงรถด้วยนั้น เห็นได้ว่าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังกล่าวคือถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การ ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไปเพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะชดใช้ จึงเป็นเรื่องที่จะเรียกร้องอีกเรื่องหนึ่งต่างหากในภายหลังเมื่อปรากฏผลในคดีนี้แล้ว จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกันกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสละมรดกทำก่อนเจ้ามรดกเสียชีวิตเป็นโมฆะตามกฎหมาย
หนังสือมีข้อความว่า "แต่นี้ต่อไปนางนวนจะไม่เกี่ยวข้องสมบัติกับแม่อีก" ไม่ใช่หนังสือสละมรดก จะถือว่าเป็นการสละสิทธิรับมรดกในภายหน้าก็ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1619
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสละมรดกต้องทำหลังเจ้ามรดกเสียชีวิต การสละสิทธิรับมรดกก่อนเสียชีวิตเป็นโมฆะ
หนังสือมีข้อความว่า "แต่นี้ต่อไปนางนวนจะไม่เกี่ยวข้องสมบัติกับแม่อีก" ไม่ใช่หนังสือสละมรดก จะถือว่าเป็นการสละสิทธิรับมรดกในภายหน้าก็ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1619
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมยกทรัพย์สินให้บุตรผู้รับพินัยกรรมแต่ผู้เดียว ชอบด้วยกฎหมาย แม้มีภาระก่อนตาย
ผู้ตายทำพินัยกรรมแสดงเจตนายกทรัพย์ที่มีอยู่และทรัพย์ที่จะเกิดมีในภายหน้าให้บุตรผู้รับพินัยกรรมแต่ผู้เดียว เมื่อผู้ตายตายไปแล้วไม่ให้บุตรคนอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์มรดก คำสั่งนี้เป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของผู้ตายแล้ว ทั้งผู้ตายได้ทำคำสั่งของตนลงไว้ในเอกสารซึ่งทำเป็นพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ เอกสารดังกล่าวจึงเป็นพินัยกรรมของผู้ตายโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนข้อกำหนดอย่างอื่นที่ให้ผู้รับพินัยกรรมทำเลี้ยงผู้ตายจนตลอดชีวิต หรือให้ใช้หนี้แทนแม้จะเป็นภาระให้กระทำก่อนตายไว้ด้วย เมื่อมีข้อกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินไว้แล้ว ก็หาทำให้กลับกลายเป็นการยกให้ในระหว่างมีชีวิตไม่