พบผลลัพธ์ทั้งหมด 224 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ครอบครองเช็คโดยชอบ ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดชอบ แม้ไม่ได้ระบุแหล่งที่มาของเช็ค
เช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือนั้น ผู้ใดครอบครองเช็คนั้นเบื้องต้นก็ต้องถือว่าเป็นผู้ทรงเช็คนั้นโดยชอบ จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้เช็คจากใคร ในฐานะอย่างไร เมื่อใด แต่อย่างไร และฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็คพิพาทจึงถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินยังธนาคารไม่ได้ จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่าย ก็ต้องมีหน้าที่รับผิดต่อโจทก์.
โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็คพิพาทจึงถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินยังธนาคารไม่ได้ จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่าย ก็ต้องมีหน้าที่รับผิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกคืนเงินสินสอดหลังการฉุดคร่าและการตกลงสมรส แม้จะมีการฉุดคร่าเกิดขึ้นก่อน
แม้ในตอนแรกชายจะฉุดคร่าหญิงไปก็ตาม ภายหลังชายหญิงนั้นก็ตกลงจะทำการสมรสกันได้
การที่ชายได้พาหญิงไปในทางชู้สาวยังไม่เป็นการสมรสตามกฎหมายชายหญิงนั้นย้อนกลับมาทำการสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ และชายยอมให้สินสอดแก่บิดาหญิงได้
เงินสินสอดที่บิดาโจทก์มอบให้แก่จำเลยที่ 1 บิดาของหญิงนั้นเมื่อไม่มีการสมรส โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกคืนได้
การที่ชายได้พาหญิงไปในทางชู้สาวยังไม่เป็นการสมรสตามกฎหมายชายหญิงนั้นย้อนกลับมาทำการสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ และชายยอมให้สินสอดแก่บิดาหญิงได้
เงินสินสอดที่บิดาโจทก์มอบให้แก่จำเลยที่ 1 บิดาของหญิงนั้นเมื่อไม่มีการสมรส โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกคืนเงินสินสอด แม้มีการฉุดคร่าก่อน แต่ตกลงสมรสได้ และการสมรสไม่เกิดขึ้น
แม้ในตอนแรกชายจะฉุดคร่าหญิงไปก็ตาม ภายหลังชายหญิงนั้นก็ตกลงจะทำการสมรสกันได้
การที่ชายได้พาหญิงไปในทางชู้สาวยังไม่เป็นการสมรสตามกฎหมาย ชายหญิงนั้นย้อนกลับมาทำการสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ และชายยอมให้สินสอดแก่บิดาหญิงได้
เงินสินสอดที่บิดาโจทก์มอบให้แก่จำเลยที่ 1 บิดาของหญิงนั้น เมื่อไม่มีการสมรส โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกคืนได้.
การที่ชายได้พาหญิงไปในทางชู้สาวยังไม่เป็นการสมรสตามกฎหมาย ชายหญิงนั้นย้อนกลับมาทำการสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ และชายยอมให้สินสอดแก่บิดาหญิงได้
เงินสินสอดที่บิดาโจทก์มอบให้แก่จำเลยที่ 1 บิดาของหญิงนั้น เมื่อไม่มีการสมรส โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกคืนได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมฟ้องหลังศาลนัดสืบพยาน: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่ขัดต่อกฎหมาย หากยังไม่ถือว่าเป็นการชี้สองสถานและมีการเลื่อนการสืบพยาน
ในวันนัดพร้อม ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า 'ประเด็นตกโจทก์นำสืบก่อนให้นัดสืบพยานโจทก์ 12 ก.พ. 06 เวลา 8.30 น. ' ดังนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นการชี้สองสถานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183
ศาลนัดสืบพยานโจทก์ไว้ แต่เพราะโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องในวันนั้นศาลจึงสั่งนัดพิจารณาคำร้องและคู่ความขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อนดังนี้ไม่ถือว่าวันนั้นเป็นวันสืบพยานโจทก์คำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องที่ยื่นในวันนั้นจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180
ศาลนัดสืบพยานโจทก์ไว้ แต่เพราะโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องในวันนั้นศาลจึงสั่งนัดพิจารณาคำร้องและคู่ความขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อนดังนี้ไม่ถือว่าวันนั้นเป็นวันสืบพยานโจทก์คำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องที่ยื่นในวันนั้นจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องหลังศาลยังไม่ได้ชี้สองสถาน ไม่ขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ในวันนัดพร้อม ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า "ประเด็นตกโจทก์นำสืบก่อน ให้นัดสืบพยานโจทก์ 12 ก.พ. 06 เวลา 8.30 น." ดังนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นการชี้สองสถานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183
ศาลนัดสืบพยานโจทก์ไว้ แต่เพราะโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องในวันนั้น ศาลจึงสั่งนัดพิจารณาคำร้อง และคู่ความขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อน ดังนี้ ไม่ถือว่าวันนั้นเป็นวันสืบพยานโจทก์ คำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องที่ยื่นในวันนั้น จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180.
ศาลนัดสืบพยานโจทก์ไว้ แต่เพราะโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องในวันนั้น ศาลจึงสั่งนัดพิจารณาคำร้อง และคู่ความขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อน ดังนี้ ไม่ถือว่าวันนั้นเป็นวันสืบพยานโจทก์ คำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องที่ยื่นในวันนั้น จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 758/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินรวม การฟ้องซ้ำ และการประมูลราคาเมื่อตกลงแบ่งกันไม่ได้
คดีก่อนกับคดีนี้ โจทก์จำเลยเป็นคู่ความเดียวกันส่วนมากที่พิพาทก็แปลงเดียวกันข้อเท็จจริงในคำฟ้องก็บรรยายในทำนองเดียวกันแต่คำขอต่างกันโดยฟ้องคดีก่อนโจทก์ขอแบ่งที่พิพาทด้านตะวันออกและตะวันตกเฉียงเหนือเป็นของโจทก์ครึ่งหนึ่งแต่คำขอคดีนี้ขอแบ่งที่พิพาทครึ่งหนึ่งเฉยๆไม่ระบุด้านถ้าตกลงแบ่งกันไม่ได้ก็ให้ประมูลหรือขายทอดตลาดแบ่งเงินแก่โจทก์จำเลยตามส่วนดังนี้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ทรัพย์เป็นของบุคคลหลายคนรวมกันในเบื้องต้นให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้เป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากันเว้นแต่เจ้าของรวมฝ่ายหนึ่งจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีส่วนได้พิเศษมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง
การแบ่งทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364วรรค 2 นั้นเมื่อสภาพของที่พิพาทควรแบ่งกันได้ก็ยังไม่ควรบังคับให้ประมูลราคากันก่อน(อ้างฎีกาที่1993/2500)
ทรัพย์เป็นของบุคคลหลายคนรวมกันในเบื้องต้นให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้เป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากันเว้นแต่เจ้าของรวมฝ่ายหนึ่งจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีส่วนได้พิเศษมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง
การแบ่งทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364วรรค 2 นั้นเมื่อสภาพของที่พิพาทควรแบ่งกันได้ก็ยังไม่ควรบังคับให้ประมูลราคากันก่อน(อ้างฎีกาที่1993/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 758/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินรวม การฟ้องซ้ำ และการประมูลราคาเมื่อแบ่งไม่ได้
คดีก่อนกับคดีนี้ โจทก์จำเลยเป็นคู่ความเดียวกันส่วนมาก ที่พิพาทก็แปลงเดียวกัน ข้อเท็จจริงในคำฟ้องก็บรรยายในทำนองเดียวกัน แต่คำขอต่างกันโดยฟ้องคดีก่อน โจทก์ขอแบ่งที่พิพาทด้านตะวันออกและตะวันตกเฉียงเหนือเป็นของโจทก์ครึ่งหนึ่ง แต่คำขอคดีนี้ขอแบ่งที่พิพาทครึ่งหนึ่งเฉย ๆ ไม่ระบุด้าน ถ้าตกลงแบ่งกันไม่ได้ ก็ให้ประมูลหรือขายทอดตลาดแบ่งเงินแก่โจทก์จำเลยตามส่วน ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ทรัพย์เป็นของบุคคลหลายคนรวมกัน ในเบื้องต้นให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้เป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากัน เว้นแต่เจ้าของรวมฝ่ายหนึ่งจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีส่วนได้พิเศษมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง
การแบ่งทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 วรรค 2 นั้น เมื่อสภาพของที่พิพาทควรแบ่งกันได้ ก็ยังไม่ควรบังคับให้ประมูลราคากันก่อน.
(อ้างฎีกาที่ 1993/2500)
ทรัพย์เป็นของบุคคลหลายคนรวมกัน ในเบื้องต้นให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้เป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากัน เว้นแต่เจ้าของรวมฝ่ายหนึ่งจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีส่วนได้พิเศษมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง
การแบ่งทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 วรรค 2 นั้น เมื่อสภาพของที่พิพาทควรแบ่งกันได้ ก็ยังไม่ควรบังคับให้ประมูลราคากันก่อน.
(อ้างฎีกาที่ 1993/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีพิพาทที่ดินแปลงเดียวกัน ศาลตัดสินถึงที่สุดแล้ว
เดิมโจทก์ในคดีนี้ถูกจำเลยฟ้องหาว่าโจทก์บุกรุกที่ดินของจำเลยศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีในชั้นบังคับคดีนั้นโจทก์หาว่าจำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนปักหลักรุกล้ำที่ดิน แทนที่จะปักหลักตามที่จำเลยชนะคดี ขอให้ศาลสั่งให้พนักงานศาลไปรังวัดสอบเขตใหม่แล้วโจทก์รับรองแผนที่ที่พนักงานศาลทำขึ้นโดยลงชื่อไว้ ต่อมาโจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยปักหลักการรุกล้ำที่ดินของโจทก์ ที่โจทก์ได้รับรองแผนที่ไว้นั้นเมื่อทางพิจารณาฟังได้ว่าที่พิพาทในคดีนี้เป็นแปลงเดียวกันกับในคดีก่อน ซึ่งศาลได้พิพากษาในประเด็นเดียวกันนี้ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้อีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ที่ดินพิพาทแปลงเดียวกันกับคดีก่อนที่ถึงที่สุดแล้ว
เดิมโจทก์ในคดีนี้ถูกจำเลยฟ้องหาว่าโจทก์บุกรุกที่ดินของจำเลย ศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้คดี ในชั้นบังคับคดีนั้นโจทก์หาว่าจำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนปักหลักรุกล้ำที่ดิน แทนที่จะปักหลักตามที่จำเลยชนะคดี ขอให้ศาลสั่งให้พนักงานศาลไปรังวัดสอบเขตใหม่ แล้วโจทก์รับรองแผนที่ที่พนักงานศาลทำขึ้นโดยลงชื่อไว้ ต่อมาโจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยปักหลักรุกล้ำที่ดินของโจทก์ ที่โจทก์ได้รับรองแผนที่ไว้นั้น เมื่อทางพิจารณาฟังได้ว่าที่พิพาทในคดีนี้เป็นที่แปลงเดียวกันกับในคดีก่อน ซึ่งศาลได้พิพากษาในประเด็นเดียวกันนี้ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้อีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 720/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งที่ดิน เจ้าของรวมมีส่วนได้น้อยกว่าที่ฟ้องร้อง ศาลพิพากษาตามส่วนจริง
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินโดยอ้างว่าเป็นเจ้าของร่วมขอส่วนคนละ 1 ใน 7 ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์มีส่วนเพียงคนละ 1 ใน 16 ศาลพิพากษาให้โจทก์ได้ส่วน 1 ใน16 ได้