คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อดุล รัตนปิณฑะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 333 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลีกเลี่ยงการรับหมายศาลไม่ถึงขั้นละเมิดอำนาจศาล หากยังเซ็นรับหมายได้
ที่จะถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(3) จะต้องเป็นการหลีกเลี่ยง ไม่รับหมายของศาล (อ้างฎีกาที่ 102/2507)
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าเจ้าพนักงานที่ไปส่งหมายเรียกของศาลได้พบจำเลยและแจ้งให้จำเลยทราบว่าจะส่งหมายให้แล้ว จำเลยกลับกินข้าวเสียและแกล้งพูดโยกโย้ อันเป็นการแสดงว่าจำเลยแกล้งถ่วงเวลา แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้หลบหลีกไปเสียให้พ้น คงอยู่บนเรือนของจำเลยและได้เซ็นรับหมายเรียกของศาลไว้ เช่นนี้คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้หลีกเลี่ยงไม่รับหมายของศาล จึงไม่เป็นการละเมิดอำนาจศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลีกเลี่ยงการรับหมายศาลไม่ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล หากยังเซ็นรับหมายได้
ที่จะถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31(3) จะต้องเป็นการหลีกเลี่ยงไม่รับหมายของศาล (อ้างฎีกาที่ 102/2507)
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าเจ้าพนักงานที่ไปส่งหมายเรียกของศาลได้พบจำเลยและแจ้งให้จำเลยทราบว่าจะส่งหมายให้แล้ว จำเลยกลับกินข้าวเสียและแกล้งพูดโยกโย้ อันเป็นการแสดงว่าจำเลยแกล้งถ่วงเวลา แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้หลบหลีกไปเสียให้พ้น คงอยู่บนเรือนของจำเลยและได้เซ็นรับหมายเรียกของศาลไว้ เช่นนี้คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้หลีกเลี่ยงไม่รับหมายของศาล จึงไม่เป็นการละเมิดอำนาจศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดจากการเป็นสามีภริยา, การกลับมาอยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส, และสิทธิในมรดก
ข้อเท็จจริงที่ศาลล่างวินิจฉัยมา เมื่อมิได้อุทธรณ์คัดค้านหรือมิได้แก้อุทธรณ์โต้แย้งไว้โดยชัดแจ้ง อันจะให้ถือได้ว่าได้ตั้งประเด็นคัดค้านไว้ ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงต้องฟังเป็นยุติ จะฎีกาโต้เถียงต่อไปมิได้
โจทก์กับสามีเป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ต่อมาสามีโจทก์ถูกจำคุก โจทก์ก็ไปมีสามีใหม่และมีบุตรด้วยกัน เมื่อสามีโจทก์พ้นโทษก็ได้ภรรยาใหม่และมีบุตรด้วยกัน ดังนี้ เป็นการแสดงออกชัดแจ้งว่าต่างสมัครใจสละละทิ้งกันแล้ว ย่อมขาดจากการเป็นสามีภริยากันตามกฎหมายลักษณะผัวเมียบทที่ 51 ซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้น โดยไม่จำต้องทำพิธีหย่า เมื่อภรรยาใหม่ของสามีตาย โจทก์ได้กลับมาอยู่กินกับสามีอีกเป็นเวลาภายหลังใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว โดยมิได้จดทะเบียนสมรส โจทก์จึงไม่เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของสามี ไม่มีสิทธิรับมรดก
ทรัพย์ที่สามีได้มาก่อนที่โจทก์จะกลับมาอยู่กินกับสามีและทรัพย์ที่สามีโจทก์ได้รับมรดกมาเมื่อโจทก์ได้มาอยู่กินกับสามีครั้งหลัง ไม่ใช่ทรัพย์สินที่โจทก์กับสามีร่วมกันทำมาหาได้โจทก์ไม่มีส่วนเป็นเจ้าของร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะสามีภริยาที่สิ้นสุดลงและการไม่มีสิทธิในมรดกเมื่อไม่ได้จดทะเบียนสมรส
ข้อเท็จจริงที่ศาลล่างวินิจฉัยมา เมื่อมิได้อุทธรณ์คัดค้านหรือมิได้แก้อุทธรณ์โต้แย้งไว้โดยชัดแจ้ง อันจะให้ถือได้ว่าได้ตั้งประเด็นคัดค้านไว้ ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงต้องฟังเป็นยุติ จะฎีกาโต้เถียงต่อไปมิได้
โจทก์กับสามีเป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 ต่อมาสามีโจทก์ถูกจำคุก โจทก์ก็ไปมีสามีใหม่และมีบุตรด้วยกันเมื่อสามีโจทก์พ้นโทษก็ได้ภรรยาใหม่และมีบุตรด้วยกัน ดังนี้ เป็นการแสดงออกชัดแจ้งว่าต่างสมัครใจสละละทิ้งกันแล้ว ย่อมขาดจากการเป็นสามีภริยากันตามกฎหมายลักษณะผัวเมียบทที่ 51 ซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้นโดยไม่จำต้องทำพิธีหย่า เมื่อภรรยาใหม่ของสามีตาย โจทก์ได้กลับมาอยู่กินกับสามีอีกเป็นเวลาภายหลังใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ5 แล้ว โดยมิได้จดทะเบียนสมรส โจทก์จึงไม่เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของสามี ไม่มีสิทธิรับมรดก
ทรัพย์ที่สามีได้มาก่อนที่โจทก์จะกลับมาอยู่กินกับสามีและทรัพย์ที่สามีโจทก์ได้รับมรดกมาเมื่อโจทก์ได้มาอยู่กินกับสามีครั้งหลัง ไม่ใช่ทรัพย์สินที่โจทก์กับสามีร่วมกันทำมาหาได้ โจทก์ไม่มีส่วนเป็นเจ้าของร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิด: การประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่าย และการหักลบค่าเสียหาย
กระบือของจำเลยหลุดไป จำเลยทราบแต่ไม่ติดตามทันที กระบือลงไปนอนแช่น้ำในลำคลองสาธารณะ แม้จำเลยจะประมาทด้วย แต่ความเสียหายหาได้เกิดเพราะความประมาทของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวไม่ หากเกิดเพราะโจทก์ขับเรือยนต์ด้วยความเร็วจึงชนเอากระบือเข้า กระบือบาดเจ็บ เป็นความประมาทของโจทก์ด้วย โจทก์จึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายให้แก่จำเลย โดยให้หักความเสียหายอันเกิดเพราะความประมาทของจำเลยออกเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางน้ำ: การประมาทของทั้งสองฝ่ายและหลักการหักลดค่าเสียหาย
กระบือของจำเลยหลุดไป จำเลยทราบแต่ไม่ติดตามทันทีกระบือลงไปนอนแช่น้ำในลำคลองสาธารณะ แม้จำเลยจะประมาทด้วย แต่ความเสียหายหาได้เกิดเพราะความประมาทของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวไม่ หากเกิดเพราะโจทก์ขับเรือยนต์มาด้วยความเร็วจึงชนเอากระบือเข้า กระบือบาดเจ็บ เป็นความประมาทของโจทก์ด้วย โจทก์จึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายให้แก่จำเลย โดยให้หักความเสียหายอันเกิดเพราะความประมาทของจำเลยออกเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการแก้ไขคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี และการคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์จากทรัพย์สินที่พิพาท
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินรวมทั้งรายได้ที่ได้มาระหว่างเป็นสามีภริยาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ชั้นไต่สวนเพื่อให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาได้ความว่าโจทก์กับจำเลยเป็นสามีภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและอยู่ร่วมกันที่โรงแรมและบ้านเช่าอันเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สินที่พิพาท ทั้งโรงแรมและบ้านเช่านั้นปลูกอยู่บนที่ดินซึ่งมีชื่อโจทก์ถือกรรมสิทธิ์ ดังนี้รายได้จากกิจการโรงแรมและบ้านเช่าเป็นประโยชน์แก่โจทก์ในระหว่างพิจารณาที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการคุ้มครองโดยให้นำมาวางต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 264
คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลที่ให้คุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาเมื่อข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ที่ศาลอาศัยเป็นหลักในการมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงไป ก็เป็นอำนาจของศาลชั้นต้นที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณามีคำสั่งแก้ไขหรือยกเลิกวิธีการนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 262 มิใช่เป็นอำนาจของศาลฎีกา เพราะยังถือไม่ได้ว่าคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการแก้ไขคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดี และการพิจารณาประโยชน์ที่โจทก์ได้รับจากทรัพย์สินพิพาท
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินรวมทั้งรายได้ที่ได้มาระหว่างเป็นสามีภริยาโดยมีชอบด้วยกฎหมาย ชั้นไต่สวนเพื่อให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาได้ความว่าโจทก์กับจำเลยเป็นสามีภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและอยู่ร่วมกันที่โรงแรมและบ้านเช่าอันเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สินที่พิพาท ทั้งโรงแรมและบ้านเช่านั้นปลูกอยู่บนที่ดินซึ่งมีชื่อโจทก์ถือกรรมสิทธิ์ ดังนี้ รายได้จากกิจการโรงแรมและบ้านเช่าเป็นประโยชน์แก่โจทก์ในระหว่างพิจารณาที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการคุ้มครองโดยให้นำมาวางต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264
คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลที่ให้คุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณา เมื่อข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ที่ศาลอาศัยเป็นหลักในการมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงไป ก็เป็นอำนาจของศาลชั้นต้นที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณามีคำสั่งแก้ไขหรือยกเลิกวิธีการนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 262 มิใช่เป็นอำนาจของศาลฎีกา เพราะยังถือไม่ได้ว่าคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: การอ้างสิทธิที่ดีกว่าและการไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อน จำเลยฟ้องขับไล่บิดาโจทก์กับบริวารให้ออกจากที่แปลงพิพาท ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย พิพากษาขับไล่บิดาโจทก์และบริวารออกไปจากที่พิพาทดังนี้ เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นบริวารบิดาในคดีก่อนมาฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทบางส่วนเป็นของโจทก์โดยย่าของโจทก์ยกให้ และได้ครอบครองมาโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกิน 10 ปีแล้ว ข้ออ้างของโจทก์เช่นนี้เป็นการกล่าวอ้างว่าตนมีสิทธิดีกว่า ซึ่งกฎหมายยอมให้พิสูจน์ได้ และฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน เพราะคู่ความในคดีทั้งสองมิใช่เป็นคู่ความเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินจากการยกให้และการครอบครองปรปักษ์ แม้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โจทก์ยังพิสูจน์สิทธิดีกว่าได้
คดีก่อน จำเลยฟ้องขับไล่บิดาโจทก์กับบริวารให้ออกจากที่แปลงพิพาทศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย พิพากษาขับไล่บิดาโจทก์และบริวารออกไปจากที่พิพาท ดังนี้ เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นบริวารบิดาในคดีก่อนมาฟ้องจำเลย ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทบางส่วนเป็นของโจทก์โดยย่าของโจทก์ยกให้ และได้ครอบครองมาโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกิน 10 ปีแล้ว ข้ออ้างของโจทก์เช่นนี้เป็นการกล่าวอ้างว่าตนมีสิทธิดีกว่าซึ่งกฎหมายยอมให้พิสูจน์ได้ และฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนเพราะคู่ความในคดีทั้งสองมิใช่เป็นคู่ความเดียวกัน
of 34