พบผลลัพธ์ทั้งหมด 333 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1741/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง แม้ผู้ตายยังไม่ได้ลงมือทำร้าย แต่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะถูกทำร้าย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ให้จำคุก 12 ปี ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 72 ให้จำคุก 4 ปี ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ขณะที่ผู้ตายกำลังจับมือถือแขนคู่หมั้นของจำเลยอยู่นั้นพอผู้ตายเห็นจำเลย ผู้ตายก้มลงหยิบมีดพร้าที่วางใกล้ๆ มีดนี้มีคมยาวประมาณ 12 นิ้ว ด้ามยาว 12 นิ้ว เป็นมีดขนาดเดียวกับที่จำเลยถือติดตัวมา คดีมีเหตุผลแสดงว่าผู้ตายจะทำร้ายจำเลยถึงตายได้ในทันทีที่ผู้ตายหยิบมีดได้ แม้มือผู้ตายยังอยู่ห่างมีดประมาณ 1 คืบก็ตาม บุคคลที่อยู่ในฐานะอย่างจำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้ตายจะทำร้ายตนแน่ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยได้ฟันผู้ตายไปที่ซอกคอ 1 ที เป็นการกระทำเพียงพอกับความจำเป็นในการป้องกันผลร้ายที่จะเกิดขึ้นแก่จำเลย เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ขณะที่ผู้ตายกำลังจับมือถือแขนคู่หมั้นของจำเลยอยู่นั้นพอผู้ตายเห็นจำเลย ผู้ตายก้มลงหยิบมีดพร้าที่วางใกล้ๆ มีดนี้มีคมยาวประมาณ 12 นิ้ว ด้ามยาว 12 นิ้ว เป็นมีดขนาดเดียวกับที่จำเลยถือติดตัวมา คดีมีเหตุผลแสดงว่าผู้ตายจะทำร้ายจำเลยถึงตายได้ในทันทีที่ผู้ตายหยิบมีดได้ แม้มือผู้ตายยังอยู่ห่างมีดประมาณ 1 คืบก็ตาม บุคคลที่อยู่ในฐานะอย่างจำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้ตายจะทำร้ายตนแน่ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยได้ฟันผู้ตายไปที่ซอกคอ 1 ที เป็นการกระทำเพียงพอกับความจำเป็นในการป้องกันผลร้ายที่จะเกิดขึ้นแก่จำเลย เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีมีผลเสมือนเงินฝาก ทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค หากธนาคารไม่จ่ายเงินตามคำสั่งห้าม
จำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคาร แม้ภายหลังจำเลยไม่มีเงินเหลืออยู่ในบัญชีเลยก็ตาม แต่จำเลยก็ยังออกเช็คสั่งจ่ายเงินไม่เกินสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีได้ สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจึงเท่ากับเงินที่จำเลยฝากไว้ในบัญชีของจำเลยนั่นเอง การที่ธนาคารไม่จ่ายเงินตามเช็คของจำเลยเพราะจำเลยสั่งห้ามธนาคารไม่ให้จ่าย กรณีจึงไม่ใช่เรื่องจำเลยออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชี หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในเวลาที่ออกเช็คนั้นแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเบิกเงินเกินบัญชี: เช็คยังใช้ได้แม้ไม่มีเงินในบัญชีหากมีสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี
จำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคาร แม้ภายหลังจำเลยไม่มีเงินเหลืออยู่ในบัญชีเลยก็ตาม แต่จำเลยก็ยังออกเช็คสั่งจ่ายเงินไม่เกินสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีได้ สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจึงเท่ากับเงินที่จำเลยฝากไว้ในบัญชีของจำเลยนั่นเอง การที่ธนาคารไม่จ่ายเงินตามเช็คของจำเลยเพราะจำเลยสั่งห้ามธนาคารไม่ให้จ่าย กรณีจึงไม่ใช่เรื่องจำเลยออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชี หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในเวลาที่ออกเช็คนั้นแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเท็จฐานออกเช็คโดยเจตนาทุจริต ผู้ถือเช็คมีสิทธิฟ้องได้ แม้ไม่ใช่ผู้รับเช็คโดยตรง
เช็คที่ฟ้องร้องกันเป็นเช็คออกให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ จำเลยเป็นผู้ถือย่อมเป็นผู้ทรงเช็คเมื่อเช็คถึงกำหนด จำเลยจึงนำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคาร แต่ถูกธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงิน จำเลยจึงฟ้องกล่าวหาโจทก์ว่าโจทก์กระทำผิดอาญาโดยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ข้อความที่จำเลยกล่าวหาโจทก์ว่ากระทำผิดทางอาญาจึงอยู่ที่ข้อความตามที่พระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติไว้นั้น หาใช่อยู่ที่ข้อความว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คนั้นให้แก่ผู้ใด และจ่ายเช็คนั้นเป็นการชำระหนี้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งซึ่งมิใช่จำเลยหรือไม่(อ้างฎีกาที่ 288/2507) ดังนั้น ฟ้องของจำเลยจึงไม่เป็นฟ้องเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเท็จฐานออกเช็คโดยเจตนาทุจริต ผู้ฟ้องต้องพิสูจน์เจตนาทุจริต ไม่ใช่แค่ผู้รับเช็ค
เช็คที่ฟ้องร้องกันเป็นเช็คออกให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ จำเลยเป็นผู้ถือย่อมเป็นผู้ทรงเช็ค เมื่อเช็คถึงกำหนด จำเลยจึงนำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคาร แต่ถูกธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงิน จำเลยจึงฟ้องกล่าวหาโจทก์ว่าโจทก์กระทำผิดอาญาโดยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 ข้อความที่จำเลยกล่าวหาโจทก์ว่ากระทำผิดทางอาญาจึงอยู่ที่ข้อความตามที่พระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติไว้นั้น หาใช่อยู่ที่ข้อความว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คนั้นให้แก่ผู้ใด และจ่ายเช็คนั้นเป็นการชำระหนี้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งซึ่งมิใช่จำเลยหรือไม่(อ้างฎีกาที่ 284/2507)ดังนั้นฟ้องของจำเลยจึงไม่เป็นฟ้องเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์หลังทำสัญญาซื้อขาย
โจทก์เข้าครอบครองที่ดินมีโฉนดโดยได้ทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือกับเจ้าของร่วมและได้รับโฉนดไว้ และได้ครอบครองต่อมาเกิน 10 ปี ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผย โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา 1382 แม้มีการซื้อขายที่ไม่จดทะเบียน
โจทก์เข้าครอบครองที่ดินมีโฉนดโดยได้ทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือกับเจ้าของร่วมและได้รับโฉนดไว้ และได้ครอบครองต่อมาเกิน 10 ปี ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผย โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายที่แท้จริงคือบริษัทเจ้าของทรัพย์ ไม่ใช่ตัวแทน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด มีอำนาจจัดการจำหน่ายและให้เช่าซื้อ จำเลยได้เช่าซื้อเครื่องพิมพ์ดีดนั้นไปจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ส่งคืนเครื่องพิมพ์ดีดกลับยักยอกเสีย ดังนี้ เมื่อได้ความว่าโจทก์เป็นเพียงผู้ช่วยผู้จัดการแผนกขายเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด เพื่อประโยชน์ของบริษัทโจทก์ลงชื่อเป็นฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อในฐานะตัวแทนบริษัทตามหน้าที่ ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4) คือ บริษัท โจทก์เป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานของบริษัทคนหนึ่ง ไม่ปรากฏว่ามีความรับผิดชอบหรือเสียหายอย่างใดนอกเหนือไปกว่านั้น จึงย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะพึงดำเนินคดีแก่จำเลยในนามของโจทก์เป็นส่วนตัวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้เช่าซื้อ: ผู้เสียหายคือเจ้าของทรัพย์ ไม่ใช่ตัวแทน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด มีอำนาจจัดการจำหน่ายและให้เช่าซื้อ จำเลยได้เช่าซื้อเครื่องพิมพ์ดีดนั้นไปจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ส่งคืนเครื่องพิมพ์ดีดกลับยักยอกเสีย ดังนี้ เพื่อได้ความว่าโจทก์เป็นเพียงผู้ช่วยผู้จัดการแผนกขายเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด เพื่อประโยชน์ของบริษัทโจทก์ลงชื่อเป็นฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อในฐานะตัวแทนบริษัทตามหน้าที่ ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) คือ บริษัท โจทก์เป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานของบริษัทคนหนึ่งไม่ปรากฏว่ามีความรับผิดชอบหรือเสียหายอย่างใดนอกเหนือไปกว่านั้น จึงย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะพึงดำเนินคดีแก่จำเลยในนามของโจทก์เป็นส่วนตัวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมดสิทธิฟ้องคดีภาษีซ้ำ – ยึดทรัพย์ตามอำนาจประมวลรัษฎากร – ประเด็นซ้ำคดีก่อน
คดีก่อนโจทก์บรรยายฟ้องว่า การประเมินภาษีของเจ้าพนักงานและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของอธิบดีกรมสรรพากรที่เรียกเก็บภาษีจากโจทก์อย่างโจทก์ทำการค้าเองโดยตรงไม่ถูกต้อง เพราะการค้าของโจทก์ในปี 2499-2500 เป็นอย่างตัวแทนของบริษัท ฮ. ขอให้แสดงว่าคำสั่งของเจ้าพนักงานเป็นคำสั่งของเจ้าพนักงานเป็นคำสั่งที่มิชอบ โจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าอย่างเป็นผู้ขาย ในคดีหลัง โจทก์บรรยายฟ้องเป็นอย่างเดียวกันว่า โจทก์ทำการค้าอย่างเป็นตัวแทนและขอให้แสดงว่าการค้าของโจทก์รายเดียวกันนี้เป็นเพียงนายหน้าตัวแทน ฟ้องของโจทก์ทั้งสองคดีจึงมีประเด็นอย่างเดียวกันว่า การฟ้องของโจทก์สำหรับปี 2499-2500 เป็นการค้ามิใช่โดยตรง หากเป็นเพียงตัวแทน การที่ฟ้องโจทก์ในคดีก่อนถูกยกฟ้องไป ก็เพราะโจทก์หมดสิทธิฟ้องตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ก็มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันว่าโจทก์หมดสิทธิฟ้อง ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างเดียวหรือไม่ ซึ่งในคดีหลังจำเลยก็ให้การเช่นเดียวกับคดีก่อนว่าโจทก์ฟ้องเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ฟ้องโจทก์คดีหลังจึงเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การยึดทรัพย์ตามประมวลรัษฎากรมิใช่เป็นกระบวนชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148(1) แต่เป็นการยึดทรัพย์ตามอำนาจที่ประมวลรัษฎากรบัญญัติไว้
อำนาจในการที่จะสั่งยึดหรือขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรเป็นอำนาจและหน้าที่ของเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้โดยเฉพาะหาใช่เป็นเรื่องตัวแทนตัวการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่
เมื่อข้อเท็จจริงตามโจทก์ฟ้องประกอบคำให้การจำเลยและสำนวนคดีก่อนเป็นอันวินิจฉัยได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำการสืบพยานตามที่โจทก์แถลงไว้ต่อศาลในวันนัดชี้สองสถานต่อไปอีก
การยึดทรัพย์ตามประมวลรัษฎากรมิใช่เป็นกระบวนชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148(1) แต่เป็นการยึดทรัพย์ตามอำนาจที่ประมวลรัษฎากรบัญญัติไว้
อำนาจในการที่จะสั่งยึดหรือขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรเป็นอำนาจและหน้าที่ของเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้โดยเฉพาะหาใช่เป็นเรื่องตัวแทนตัวการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่
เมื่อข้อเท็จจริงตามโจทก์ฟ้องประกอบคำให้การจำเลยและสำนวนคดีก่อนเป็นอันวินิจฉัยได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำการสืบพยานตามที่โจทก์แถลงไว้ต่อศาลในวันนัดชี้สองสถานต่อไปอีก