คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อดุล รัตนปิณฑะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 333 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้เงินเพื่อชำระหนี้ค่าจ้างวานฆ่าเป็นโมฆะ เพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม
โจทก์ให้จำเลยกู้เงินไปเพื่อชำระหนี้ในการที่จ้างเขายิงคนวัตถุประสงค์ในการกู้ยืมจึงขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน สัญญากู้ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113
หมายเหตุ ในเรื่องกู้เงินไปชำระหนี้ในการจ้างเขายิงคนนั้นจำเลยไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้แต่เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบฯ ศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาได้ยกขึ้นวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้พิทักษ์: ศาลพิจารณาความเหมาะสมของผู้ดูแลผลประโยชน์ผู้บกพร่อง โดยไม่จำกัดเฉพาะบุคคลตามกฎหมาย
บุคคลที่ศาลจะตั้งให้เป็นผู้พิทักษ์นั้นไม่จำต้องเป็นบุคคลตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 29. ในการตั้งผู้พิทักษ์นั้น ศาลพิจารณาว่าผู้ใดเหมาะสมที่จะเป็นผู้พิทักษ์ได้ตามที่เห็นสมควร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งผู้พิทักษ์: ศาลพิจารณาความเหมาะสมของผู้ดูแลผลประโยชน์คนเสมือนไร้ความสามารถ ไม่จำกัดเฉพาะบุคคลตามกฎหมาย
บุคคลที่ศาลจะตั้งให้เป็นผู้พิทักษ์นั้นไม่จำต้องเป็นบุคคลตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 29 ในการตั้งผู้พิทักษ์นั้น ศาลพิจารณาว่าผู้ใดเหมาะสมที่จะเป็นผู้พิทักษ์ได้ตามที่เห็นสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งผู้พิทักษ์: ศาลพิจารณาความเหมาะสมของผู้พิทักษ์ ไม่จำกัดเฉพาะบุคคลตาม กม.แพ่ง มาตรา 29
บุคคลที่ศาลจะตั้งให้เป็นผู้พิทักษ์นั้นไม่จำต้องเป็นบุคคลตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 29 ในการตั้งผู้พิทักษ์นั้น ศาลพิจารณาว่าผู้ใดเหมาะสมที่จะเป็นผู้พิทักษ์ได้ตามที่เห็นสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินมือเปล่าโดยยังไม่ได้จดทะเบียน การครอบครองเป็นสำคัญกว่า
ซื้อขายที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน โดยทำหนังสือกันเองผู้ขายได้รับเงินค่าที่ดินครบถ้วน และผู้ขายได้ส่งมอบการครอบครองให้ผู้ซื้อตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขาย แม้สัญญามีข้อความว่าผู้ขายจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันทำสัญญาก็ตามเมื่อผู้ขายได้สละสิทธิครอบครองให้ผู้ซื้อใช้สิทธิครอบครองมาเป็นเวลาเกิน 1 ปี ผู้ซื้อได้สิทธิครอบครองการที่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนการซื้อขายจะเป็นโมฆะหรือไม่ก็ไม่เป็นเหตุให้ผู้ซื้อเสียสิทธิครอบครอง(อ้างฎีกาที่ 188/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินมือเปล่าโดยมีสัญญากันเอง และส่งมอบการครอบครอง การจดทะเบียนไม่สมบูรณ์ไม่ทำให้เสียสิทธิครอบครอง
ซื้อขายที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน โดยทำหนังสือกันเอง ผู้ขายได้รับเงินค่าที่ดินครบถ้วน และผู้ขายได้ส่งมอบการครอบครองให้ผู้ซื้อตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขาย แม้สัญญามีข้อความว่าผู้ขายจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันทำสัญญาก็ตาม เมื่อผู้ขายได้สละสิทธิครอบครองให้ผู้ซื้อใช้สิทธิครอบครองมาเป็นเวลาเกิน 1 ปี ผู้ซื้อได้สิทธิครอบครอง การที่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนการซื้อขายจะเป็นโมฆะหรือไม่ ก็ไม่เป็นเหตุให้ผู้ซื้อเสียสิทธิครอบครอง (อ้างฎีกาที่ 188/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินมือเปล่าโดยมีสัญญากันเอง และส่งมอบการครอบครอง ผู้ซื้อได้สิทธิครอบครอง แม้ยังไม่ได้จดทะเบียน
ซื้อขายที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน โดยทำหนังสือกันเอง. ผู้ขายได้รับเงินค่าที่ดินครบถ้วน. และผู้ขายได้ส่งมอบการครอบครองให้ผู้ซื้อตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขาย. แม้สัญญามีข้อความว่าผู้ขายจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันทำสัญญาก็ตาม. เมื่อผู้ขายได้สละสิทธิครอบครองให้ผู้ซื้อใช้สิทธิครอบครองมาเป็นเวลาเกิน 1 ปี. ผู้ซื้อได้สิทธิครอบครอง. การที่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนการซื้อขายจะเป็นโมฆะหรือไม่ก็ไม่เป็นเหตุให้ผู้ซื้อเสียสิทธิครอบครอง(อ้างฎีกาที่ 188/2505).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนโดยสำคัญผิด: ศาลพิจารณาภยันตรายที่ปรากฏต่อผู้กระทำผิด แม้ข้อเท็จจริงจริงจะต่าง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288.แม้จำเลยจะรับสารภาพ. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา176 วรรคหนึ่ง ก็บัญญัติให้ศาลฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง. จึงจะพิพากษาลงโทษได้.
จำเลยมิได้ซักค้านพยานโจทก์ไว้ แล้วนำพยานมาสืบในภายหลัง. แต่เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านให้ศาลปฏิเสธ ไม่รับฟังพยานนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89วรรคสอง จึงไม่ต้องห้ามที่จะให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบ.
เจ้าของบ้านทราบว่ามีคนร้ายจะมาปล้นบ้าน. จึงให้จำเลยและบุตรชายนอนเฝ้าบ้าน. ผู้ตายได้ไปที่ประตูรั้วหลังบ้านในเวลาวิกาล ขณะที่ยังมืดสนิท. เสียงสุนัขเห่าดังลั่นไปหมด. จำเลยได้ยินบุตรเจ้าของบ้านร้องว่าขโมย. จึงใช้ปืนยิงไปยังผู้ตาย. โดยมีความรู้สึกขณะยิงปืนว่ามีคนร้ายมาที่ประตูรั้ว เข้ามาจะปล้นบ้าน. พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ถ้าผู้ตายและพวกเป็นคนร้ายจริง. ย่อมฟังได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้เกิดขึ้นแล้ว. และภยันตรายนั้นใกล้จะถึงทรัพย์หรือใกล้จะถึงตัวจำเลยแล้ว. ฉะนั้นการที่จำเลยใช้ปืนยิงไปที่ผู้ตายซึ่งจำเลยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย เช่นนี้. จึงฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิป้องกันตัวจำเลยและเพื่อป้องกันทรัพย์ให้เจ้าของบ้าน. เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.
การที่จำเลยทำการป้องกันตัวโดยสำคัญผิด. ต้องวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในเหตุป้องกันตัว: ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันตนเองและทรัพย์สินโดยสมควร แม้จะสำคัญผิดคิดว่ามีคนร้าย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 แม้จำเลยจะรับสารภาพประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา176 วรรคหนึ่ง ก็บัญญัติให้ศาลฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้องจึงจะพิพากษาลงโทษได้
จำเลยมิได้ซักค้านพยานโจทก์ไว้ แล้วนำพยานมาสืบในภายหลังแต่เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านให้ศาลปฏิเสธ ไม่รับฟังพยานนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 วรรคสอง จึงไม่ต้องห้ามที่จะให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบ
เจ้าของบ้านทราบว่ามีคนร้ายจะมาปล้นบ้าน จึงให้จำเลยและบุตรชายนอนเฝ้าบ้านผู้ตายได้ไปที่ประตูรั้วหลังบ้านในเวลาวิกาล ขณะที่ยังมืดสนิท เสียงสุนัขเห่าดังลั่นไปหมด จำเลยได้ยินบุตรเจ้าของบ้านร้องว่าขโมย จึงใช้ปืนยิงไปยังผู้ตาย โดยมีความรู้สึกขณะยิงปืนว่ามีคนร้ายมาที่ประตูรั้ว เข้ามาจะปล้นบ้านพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ถ้าผู้ตายและพวกเป็นคนร้ายจริงย่อมฟังได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้เกิดขึ้นแล้ว และภยันตรายนั้นใกล้จะถึงทรัพย์หรือใกล้จะถึงตัวจำเลยแล้วฉะนั้นการที่จำเลยใช้ปืนยิงไปที่ผู้ตายซึ่งจำเลยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย เช่นนี้จึงฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิป้องกันตัวจำเลยและเพื่อป้องกันทรัพย์ให้เจ้าของบ้านเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
การที่จำเลยทำการป้องกันตัวโดยสำคัญผิด ต้องวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยสำคัญผิด: ภยันตรายใกล้ถึง, ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ, อาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 แม้จำเลยจะรับสารภาพ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 วรรค 1 ก็บัญญัติให้ศาลฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง จึงจะพิพากษาลงโทษได้
จำเลยมิได้ซักค้านพยานโจทก์ไว้ แล้วนำพยานมาสืบในภายหลัง แต่เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านให้ศาลปฏิเสธไม่รับฟังพยานนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 วรรค 2 จึงไม่ต้องห้ามที่จะให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบ
เจ้าของบ้านทราบว่ามีคนร้ายจะมาปล้นบ้าน จึงให้จำเลยและบุตรชายนอนเฝ้าบ้าน ผู้ตายได้ไปที่ประตูรั้วหลังบ้านในเวลาวิกาล ขณะที่ยังมือสนิท เสียงสุนัขเห่าดังลั่นไปหมด จำเลยได้ยินบุตรเจ้าของบ้านร้องว่าขโมย จึงให้ปืนยิงไปยังผู้ตาย โดยมีความรู้สึกขณะยิงปืนว่ามีคนร้ายมาที่ประตูรั้ว เข้ามาจะปล้นบ้าน พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ถ้าผู้ตายและพวกเป็นคนร้ายจริง ย่อมฟังได้ว่านึกภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้เกิดขึ้นแล้ว และภยันตรายนั้นใกล้จะถึงทรัพย์หรือใกล้จะถึงตัวจำเลยแล้ว ฉะนั้นการที่จำเลยใช้ปืนยิงไปที่ผู้ตายซึ่งจำเลยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย เช่นนี้ จึงฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิป้องกันตัวจำเลยและเพื่อป้องกันทรัพย์ให้เจ้าของบ้าน เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
การที่จำเลยทำการป้องกันตัวโดยสำคัญผิด ต้องวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62
of 34