คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 230

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4175/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้หนี้แทนและการไถ่ถอนจำนอง: การชำระหนี้ทั้งหมดเพื่อไถ่ถอนทรัพย์สินจำนอง
เมื่อโจทก์อยู่ในฐานะผู้ที่จะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทซึ่งอาจจะต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิในการรับโอนหากปล่อยให้จำเลยเจ้าหนี้จำนองบังคับคดีโดยการขายทอดตลาดโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะเข้าใช้หนี้จำเลยแทนผู้จำนองได้ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา230 หนี้จำนองย่อมครอบไปถึงบรรดาทรัพย์สินที่จำนองทุกสิ่งแม้จะได้ชำระหนี้ไปแล้วบางส่วนตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา716แม้จะมีการไถ่ถอนทรัพย์สินซึ่งจำนองไปบางส่วนแล้วก็ตามทรัพย์สินจำนองที่เหลืออยู่จะต้องเป็นประกันการชำระหนี้ทั้งจำนวนตามสิทธิของสัญญาจำนองเมื่อได้ความว่าหนี้จำนองที่บริษัทส.มีต่อจำเลยจำนวน5,396,629.37บาทแต่มีที่พิพาทเป็นทรัพย์จำนองเพียงแปลงเดียวโจทก์ผู้รับโอนที่พิพาทจึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับจำเลยรับชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองเพียงจำนวน386,784.60บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4175/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่ถอนจำนอง: โจทก์ในฐานะผู้รับโอนสิทธิมีหน้าที่ชำระหนี้จำนองทั้งหมด ไม่สามารถชำระเพียงบางส่วนได้
จำเลยในคดีนี้เป็นโจทก์ในอีกคดีหนึ่งฟ้องบริษัท ส.ขอให้บังคับจำนองที่ดินหลายแปลงซึ่งรวมถึงที่ดินพิพาทในคดีนี้ที่บริษัท ส. เป็นลูกหนี้อยู่ เมื่อโจทก์เป็นผู้ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทที่แบ่งแยกออกมาจากบริษัท ส. ที่ต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิในการที่จะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทหากปล่อยให้บังคับคดีโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะเข้าใช้หนี้ให้จำเลยแทนบริษัท ส. ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 230 แต่แม้ว่าจะมีการไถ่ถอนจำนองไปบางส่วนแล้ว ทรัพย์สินซึ่งจำนองทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็จะต้องเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาจำนองของเงินจำนวนทั้งหมดที่ค้างอยู่ตามมาตรา 716 และ 717เมื่อหนี้จำนองที่บริษัท ส. มีต่อจำเลยยังเหลืออยู่อีก5,396,629.37 บาท แต่มีที่ดินพิพาทเหลืออยู่เพียงแปลงเดียวการไถ่ถอนจำนองก็ต้องชำระหนี้ทั้งหมดที่บริษัท ส.เป็นหนี้จำเลยอยู่ โจทก์จะบังคับให้จำเลยรับชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองเพียง 386,788.60 บาท ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4143/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการไถ่จำนองหลังมีคำพิพากษาตามยอม และการชำระหนี้แทนจำเลย
จำเลยกับผู้ร้องทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยยอมโอนที่ดินแปลงพิพาทให้ผู้ร้อง หากผิดสัญญาให้ผู้ร้องบังคับได้ทันทีและให้ถือเอาคำพิพากษาตามยอมแสดงเจตนาโอนกรรมสิทธิ์แทนจำเลยได้ เมื่อศาลได้พิพากษาตามยอมเสร็จเด็ดขาดแล้ว ผู้ร้องย่อมมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1300 ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอให้งดการบังคับคดีของโจทก์ได้
โจทก์ฟ้องบังคับจำนอง ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์ หนี้ตามสัญญาจำนองจึงกลายเป็นหนี้ตามคำพิพากษาไปแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิไถ่จำนองตามจำนวนหนี้ในสัญญาจำนอง แต่มีสิทธิเข้าชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์แทนจำเลยได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 230

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4143/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความและการชำระหนี้แทนจำเลย
จำเลยกับผู้ร้องทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยยอมโอนที่ดินแปลงพิพาทให้ผู้ร้อง หากผิดสัญญาให้ผู้ร้อง บังคับได้ทันทีและให้ถือเอาคำพิพากษาตามยอมแสดงเจตนาโอนกรรมสิทธิ์แทนจำเลยได้ เมื่อศาลได้พิพากษา ตามยอมเสร็จเด็ดขาดแล้ว ผู้ร้องย่อมมีสิทธิตามคำพิพากษา ที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอให้งดการบังคับคดีของโจทก์ได้ โจทก์ฟ้องบังคับจำนอง ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลย ชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์ หนี้ตามสัญญาจำนองจึงกลายเป็นหนี้ตามคำพิพากษาไปแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิไถ่จำนองตามจำนวนหนี้ในสัญญาจำนอง แต่มีสิทธิเข้าชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์แทนจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 230

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการรับช่วงสิทธิไถ่จำนอง: เจ้าหนี้จำเลยมีสิทธิไถ่แทนเจ้าหนี้จำนอง แม้จำเลยไม่ยินยอม
ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะเข้ารับช่วงสิทธิไถ่การจำนองจากโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จำนองจำเลยและเข้าเป็นผู้รับจำนองแทนที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนได้ตาม มาตรา 229(1),230 แม้ว่าจำเลยจะตกลงด้วยหรือไม่ก็ตามที

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการรับช่วงสิทธิไถ่จำนอง: เจ้าหนี้จำเลยมีสิทธิแม้จำเลยไม่ยินยอม
ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยย่อมมีสิทธิจะเข้ารับช่วงสิทธิไถ่การจำนองจากโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จำนองจำเลยเข้าเป็นผู้รับจำนองแทนที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนได้ตาม ม.229(1),230 แม้ว่าจำเลยจะตกลงด้วยหรือไม่ก็ตามที

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิรับช่วงสิทธิไถ่จำนอง: เจ้าหนี้จำเลยมีสิทธิไถ่จำนองแทนจำเลยได้ แม้จำเลยไม่ยินยอม
ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะเข้ารับช่วงสิทธิไถ่การจำนองจากโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จำนองจำเลยและเข้าเป็นผู้รับจำนองแทนที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนได้ตาม มาตรา 229(1),230 แม้ว่าจำเลยจะตกลงด้วยหรือไม่ก็ตามที
of 2