พบผลลัพธ์ทั้งหมด 974 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อที่ไม่สมบูรณ์ และความรับผิดของคู่สัญญาเมื่อมีการผิดสัญญา โดยจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิด
โจทก์และจำเลยที่ 1 อยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรสได้ตกลงกันให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเช่าซื้ออาคารสงเคราะห์เป็นผู้เช่าซื้อโดยโจทก์เป็นผู้ออกเงินค่าเช่าซื้อ และภายหลังเมื่อจำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ในอาคารนั้นแล้วให้โอนกรรมสิทธิ์แก่โจทก์หรือบุตรเมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ปฏิบัติตามข้อตกลงให้สำเร็จลุล่วงไป แต่กลับเอาสิทธิการเช่าซื้อไปโอนให้จำเลยที่ 2 เสีย เป็นเหตุให้โจทก์หรือบุตรไม่อาจรับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นได้ เช่นนี้จำเลยที่ 1 ย่อมเป็นฝ่ายผิดสัญญาและต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยรู้ถึงข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวนั้น ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาอย่างใดกับโจทก์ เพราะระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์หาได้มีสัญญาต่อกันอย่างใดไม่และแม้โจทก์จะก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมสิ้นเงินไป 25,000 บาท การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้ออาคารนี้มาก็ไม่เป็นลาภมิควรได้อันต้องคืนแก่โจทก์
การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยรู้ถึงข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวนั้น ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาอย่างใดกับโจทก์ เพราะระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์หาได้มีสัญญาต่อกันอย่างใดไม่และแม้โจทก์จะก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมสิ้นเงินไป 25,000 บาท การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้ออาคารนี้มาก็ไม่เป็นลาภมิควรได้อันต้องคืนแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อและการผิดสัญญา จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์จากการไม่โอนกรรมสิทธิ์
โจทก์และจำเลยที่ 1 อยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส ได้ตกลงกันให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเช่าซื้ออาคารสงเคราะห์เป็นผู้เช่าซื้อโดยโจทก์เป็นผู้ออกเงินค่าเช่าซื้อ และภายหลังเมื่อจำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ในอาคารนั้นแล้วให้โอนกรรมสิทธิ์แก่โจทก์หรือบุตรเมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ปฏิบัติตามข้อตกลงให้สำเร็จลุล่วงไป แต่กลับเอาสิทธิการเช่าซื้อไปโอนให้จำเลยที่ 2 เสีย เป็นเหตุให้โจทก์หรือ บุตรไม่อาจรับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นได้ เช่นนี้จำเลยที่ 1 ย่อมเป็นฝ่ายผิดสัญญา และต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยรู้ถึงข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวนั้น ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาอย่างใดกับโจทก์ เพราะระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์หาได้มีสัญญาต่อกันอย่างใดไม่และแม้โจทก์จะก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมสิ้นเงินไป 25,000 บาท การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้ออาคารนี้มาก็ไม่เป็นลาภมิควรได้อันต้องคืนแก่โจทก์
การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยรู้ถึงข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวนั้น ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาอย่างใดกับโจทก์ เพราะระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์หาได้มีสัญญาต่อกันอย่างใดไม่และแม้โจทก์จะก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมสิ้นเงินไป 25,000 บาท การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้ออาคารนี้มาก็ไม่เป็นลาภมิควรได้อันต้องคืนแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเรียกรับเงินจากประชาชน ผู้สนับสนุนมีความผิดฐานสนับสนุน
จำเลยที่ 1, 5, 6, 7 และ 8 ได้ร่วมกันเรียกร้องเงินจากผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับแต่งตั้งจากทางการให้มีหน้าที่สำรวจที่ดิน เมื่อจำเลยที่ 1 เรียกร้องขืนใจให้ผู้เสียหายที่มาแจ้งการสำรวจที่ดินมอบเงินให้ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148ส่วนจำเลยที่ 5, 6, 7 และ 8 มิได้มีหน้าที่ในการสำรวจที่ดินด้วยจึงมีความผิดเพียงเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ประกอบด้วยมาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเรียกรับเงินจากประชาชน และความผิดฐานสนับสนุน
จำเลยที่ 1, 5, 6, 7 และ 8 ได้ร่วมกันเรียกร้องเงินจากผู้เสียหายจำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับแต่งตั้งจากทางการให้มีหน้าที่สำรวจที่ดิน เมื่อจำเลยที่ 1 เรียกร้องขืนใจให้ผู้เสียหายที่มาแจ้งการสำรวจที่ดินมอบเงินให้ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148ส่วนจำเลยที่ 5, 6, 7 และ 8 มิได้มีหน้าที่ในการสำรวจที่ดินด้วยจึงมีความผิดเพียงเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ประกอบด้วยมาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลในคดีขัดทรัพย์: คำนวณจากราคาประเมินทรัพย์สิน ไม่ใช่จำนวนหนี้ตามคำพิพากษา
การร้องขัดทรัพย์ถือเสมือนหนึ่งว่าเป็นการฟ้องคดีซึ่งเริ่มด้วยการยื่นคำร้องขอต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง คือ ตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตีราคาไว้ ไม่ใช่เสียตามทุนทรัพย์ที่โจทก์จะได้รับชำระหนี้จากจำเลย และแม้ทรัพย์นั้นจะติดจำนองอยู่ ก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลเต็มราคา จะหักหนี้จำนองออกก่อนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลร้องขัดทรัพย์: คำนวณจากราคาประเมินทรัพย์สินยึด ไม่ใช่จำนวนหนี้ตามคำพิพากษา
การร้องขัดทรัพย์ถือเสมือนหนึ่งว่าเป็นการฟ้องคดีซึ่งเริ่มด้วยการยื่นคำร้องขอต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง คือ ตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตีราคาไว้ ไม่ใช่เสียตามทุนทรัพย์ที่โจทก์จะได้รับชำระหนี้จากจำเลย และแม้ทรัพย์นั้นจะติดจำนองอยู่ ก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลเต็มราคา จะหักหนี้จำนองออกก่อนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนการขุดร่องน้ำ: สิทธิเรียกร้องบังคับได้แม้ไม่ได้จดทะเบียน
การที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์ขุดร่องน้ำผ่านที่นาของจำเลยเพื่อใช้สอยน้ำร่วมกัน แม้จะไม่ได้จดทะเบียนทรัพย์สิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่ก็ถือได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่ง มีผลก่อให้เกิดบุคคลสิทธิในอันที่จะเรียกร้องบังคับกันได้ในระหว่างคู่สัญญา (อ้างฎีกาที่ 760/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนการขุดร่องน้ำ แม้ไม่ได้จดทะเบียน ก็มีผลผูกพันบังคับได้ระหว่างคู่สัญญา
การที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์ขุดร่องน้ำผ่านที่นาของจำเลยเพื่อใช้สอยน้ำร่วมกัน แม้จะไม่ได้จดทะเบียนทรัพย์สิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่ก็ถือได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่ง มีผลก่อให้เกิดบุคคลสิทธิในอันที่จะเรียกร้องบังคับกันได้ในระหว่างคู่สัญญา (อ้างฎีกาที่ 760/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 593/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: การพิจารณาความแตกต่างของภาพและชื่อเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดของสาธารณชน
เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปคนแก่มีหนวดยาวถึงอก สีเหลืองสลับแดง และพื้นสีเขียว โจทก์เรียกว่า 'ผู้เฒ่า' แต่เครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นรูปคนแก่มีหนวดเคราสั้น ๆ ไม่ยาวเหมือนอย่างของโจทก์ เห็นเต็มตัวตลอดถึงเท้า จำเลยเรียกว่า 'ซานตาครอส' กำลังยืนอยู่ที่ถนนภายในวงกลม มือขวาถือขวด มือซ้ายถือปากถุงซึ่งพาดอยู่ที่ไหล่ซ้าย ภายในวงกลมมีสีต่าง ๆ หลายสีเป็นภาพถนน ต้นไม้และบ้านเรือนอยู่เบื้องหลัง เมื่อพิจารณาภาพทั้งสองนี้แล้วเห็นได้ชัดว่า ไม่เหมือนกันทั้งการเรียกชื่อและส่วนประกอบต่าง ๆ จึงไม่มีลักษณะถึงขนาดทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดว่าเป็นเครื่องหมายการค้าอย่างเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 593/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เครื่องหมายการค้าไม่เหมือนกันจนทำให้สาธารณชนสับสน แม้มีลักษณะคล้ายกัน ศาลไม่รับฟังว่าเป็นการละเมิด
เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปคนแก่มีหนวดยาวถึงอก เห็นเพียงส่วนศีรษะกำลังชี้นิ้วมือขวาอยู่ภายในวงกลมสีเหลืองสลับแดง และพื้นสีเขียว โจทก์เรียกว่า 'ผู้เฒ่า' แต่เครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นรูปคนแก่มีหนวดเคราสั้น ๆ ไม่ยาวเหมือนอย่างของโจทก์ เห็นเต็มตัวตลอดถึงเท้า จำเลยเรียกว่า'ซานตาครอส' กำลังยืนอยู่ที่ถนนภายในวงกลม มือขวาถือขวดมือซ้ายถือปากถุงซึ่งพาดอยู่ที่ไหล่ซ้าย ภายในวงกลมมีสีต่าง ๆหลายสีเป็นภาพถนน ต้นไม้และบ้านเรือนอยู่เบื้องหลัง เมื่อพิจารณาภาพทั้งสองนี้แล้วเห็นได้ชัดว่า ไม่เหมือนกันทั้งการเรียกชื่อและส่วนประกอบต่าง ๆ จึงไม่มีลักษณะถึงขนาดทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดว่าเป็นเครื่องหมายการค้าอย่างเดียวกัน