พบผลลัพธ์ทั้งหมด 974 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจมอบอำนาจจำนอง: การกระทำนอกเหนืออำนาจไม่ผูกพันผู้มอบอำนาจ
จำเลยที่ 2 ถึง ที่ 6 ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้มีอำนาจทำนิติกรรมจำนองที่ดินของตนจำเลยที่ 1 ไปจำนองโดยมีข้อสัญญาด้วยว่าถ้าบังคับจำนองได้เงินน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระขาดอยู่เท่าใดผู้จำนองและ ลูกหนี้ยอมรับผิดใช้เงินที่ขาดอยู่นั้นให้จนครบสัญญาข้อนี้ไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เพราะเป็นการที่จำเลยที่ 1 กระทำนอกเหนือไปจากอำนาจที่ได้รับมอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจมอบอำนาจจำนอง: การกระทำเกินอำนาจของผู้รับมอบไม่ผูกพันผู้มอบ
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้มีอำนาจทำนิติกรรมจำนองที่ดินของตน จำเลยที่ 1 ไปจำนองโดยมีข้อสัญญาด้วยว่าถ้าบังคับจำนองได้เงินน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระขาดอยู่เท่าใด ผู้จำนองและลูกหนี้ยอมรับผิดใช้เงินที่ขาดอยู่นั้นให้จนครบ สัญญาข้อนี้ไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เพราะเป็นการที่จำเลยที่ 1 กระทำนอกเหนือไปจากอำนาจที่ได้รับมอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรโดยการประกอบตัวถังรถใหม่เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร และต้องริบทั้งตัวรถและตัวถัง
จำเลยนำรถยนต์นั่งที่เปลี่ยนตัวถังใหม่แล้วทั้งคันเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 32 บัญญัติให้ริบทั้งสิ่งของที่นำข้ามา และยานพาหนะที่ใช้ในการขนย้ายนั้นด้วยการที่จำเลยใช้อุบายประกอบตัวถังเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรถแล้วนำเข้ามาโดยหลีกเลี่ยงไม่เสียภาษีศุลกากรสำหรับตัวถังรถที่เปลี่ยนใหม่โดยเจตนาฉ้อค่าภาษีของรัฐบาล จึงเป็นของอันต้องริบทั้งตัวถังรถยนต์และตัวรถอันเป็นยานพาหนะขนย้ายนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1396/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวตามสมควรแก่เหตุและการยกฟ้องในคดีพยายามฆ่า
การปรับบทว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นชอบที่จะต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทงไป ศาลชั้นต้นลงโทษเรียงกระทงความผิดมาศาลอุทธรณ์แก้ในกระทงความผิดกระทงหนึ่ง แม้จะเป็นแก้มาก เมื่อศาลอุทธรณ์ยังลงโทษจำคุกในกระทงความผิดที่แก้ไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
เกิดโต้เถียงกันก่อนแล้วผู้เสียหายใช้จอบตีถูกจำเลยเซไปผู้เสียหายใช้จอบฟันซ้ำอีก 1 ที จำเลยล้ม พอลุกขึ้นนั่งได้ พวกผู้เสียหายต่างถือขวานและมีดจะมาช่วยผู้เสียหาย จำเลยจึงใช้ปืนพกลูกซองสั้นยิงผู้เสียหายไป 1 นัดแล้ววิ่งหนีไปแจ้งความดังนี้เป็นการที่จำเลยยิงผู้เสียหายในเวลากระทันหันที่เหตุการณ์กำลังพัวพันกันอยู่และภยันตรายซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้ายังไม่หมดไปการกระทำของจำเลยจึงเป็นป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ทางพิจารณาการกระทำของจำเลยเป็นป้องกันพอสมควรแก่เหตุแม้จำเลยจะไม่ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
เกิดโต้เถียงกันก่อนแล้วผู้เสียหายใช้จอบตีถูกจำเลยเซไปผู้เสียหายใช้จอบฟันซ้ำอีก 1 ที จำเลยล้ม พอลุกขึ้นนั่งได้ พวกผู้เสียหายต่างถือขวานและมีดจะมาช่วยผู้เสียหาย จำเลยจึงใช้ปืนพกลูกซองสั้นยิงผู้เสียหายไป 1 นัดแล้ววิ่งหนีไปแจ้งความดังนี้เป็นการที่จำเลยยิงผู้เสียหายในเวลากระทันหันที่เหตุการณ์กำลังพัวพันกันอยู่และภยันตรายซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้ายังไม่หมดไปการกระทำของจำเลยจึงเป็นป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ทางพิจารณาการกระทำของจำเลยเป็นป้องกันพอสมควรแก่เหตุแม้จำเลยจะไม่ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1396/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวตามสมควรแก่เหตุ: ศาลฎีกายกฟ้องฐานพยายามฆ่า แม้โจทก์อุทธรณ์
การปรับบทว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นชอบที่จะต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทงไป ศาลชั้นต้นลงโทษเรียงกระทงความผิดมาศาลอุทธรณ์แก้ในกระทงความผิดกระทงหนึ่งแม้จะเป็นแก้มาก เมื่อศาลอุทธรณ์ยังลงโทษจำคุกในกระทงความผิดที่แก้ไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
เกิดโต้เถียงกันก่อนแล้วผู้เสียหายใช้จอบตีถูกจำเลยเซไปผู้เสียหายใช้จอบฟันซ้ำอีก 1 ที จำเลยล้มพอลุกขึ้นนั่งได้พวกผู้เสียหายต่างถือขวานและมีดจะมาช่วยผู้เสียหาย จำเลยจึงใช้ปืนพกลูกซองสั้นยิงผู้เสียหายไป 1 นัด แล้ววิ่งหนีไปแจ้งความดังนี้เป็นการที่จำเลยยิงผู้เสียหายในเวลากระทันหันที่เหตุการณ์กำลังพัวพันกันอยู่และภยันตรายซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้ายังไม่หมดไปการกระทำของจำเลยจึงเป็นป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ทางพิจารณาการกระทำของจำเลยเป็นป้องกันพอสมควรแก่เหตุแม้จำเลยจะไม่ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
เกิดโต้เถียงกันก่อนแล้วผู้เสียหายใช้จอบตีถูกจำเลยเซไปผู้เสียหายใช้จอบฟันซ้ำอีก 1 ที จำเลยล้มพอลุกขึ้นนั่งได้พวกผู้เสียหายต่างถือขวานและมีดจะมาช่วยผู้เสียหาย จำเลยจึงใช้ปืนพกลูกซองสั้นยิงผู้เสียหายไป 1 นัด แล้ววิ่งหนีไปแจ้งความดังนี้เป็นการที่จำเลยยิงผู้เสียหายในเวลากระทันหันที่เหตุการณ์กำลังพัวพันกันอยู่และภยันตรายซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้ายังไม่หมดไปการกระทำของจำเลยจึงเป็นป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ทางพิจารณาการกระทำของจำเลยเป็นป้องกันพอสมควรแก่เหตุแม้จำเลยจะไม่ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอถอนฟ้องหลังยื่นคำให้การ: ศาลต้องฟังจำเลยก่อนใช้ดุลพินิจอนุญาตได้
คำร้องของโจทก์ที่ขอถอนฟ้องภายหลังจำเลยยื่นคำให้การแล้วนั้นไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงข้อเท็จจริงตั้งเป็นประเด็นมาขอถอนฟ้องจะกล่าวขอถอนฟ้องขึ้นมาลอย ๆ ก็ได้ ศาลจะต้องฟังจำเลยก่อนถึงแม้จำเลยจะคัดค้าน ศาลก็มีอำนาจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้โดยพิจารณาคำคัดค้านของจำเลยประกอบดุลพินิจว่าควรจะอนุญาตให้ถอนฟ้องหรือไม่เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องหลังยื่นคำให้การ: ศาลมีอำนาจอนุญาตได้ แม้จำเลยคัดค้าน โดยพิจารณาจากดุลพินิจ
คำร้องของโจทก์ที่ขอถอนฟ้องภายหลังจำเลยยื่นคำให้การแล้วนั้น ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงข้อเท็จจริงตั้งเป็นประเด็นมาขอถอนฟ้องจะกล่าวขอถอนฟ้องขึ้นมาลอย ๆ ก็ได้ ศาลจะต้องฟังจำเลยก่อนถึงแม้จำเลยจะคัดค้าน ศาลก็มีอำนาจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้โดยพิจารณาคำคัดค้านของจำเลยประกอบดุลพินิจว่าควรจะอนุญาตให้ถอนฟ้องหรือไม่เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1290/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทบุพการีของภริยาเป็นเหตุฟ้องหย่าได้
สามีด่าหมิ่นประมาทบิดาของภริยาว่า "โคตรของหลวงสมานนี้เลวทั้งโคตรคบไม่ได้" ดังนี้ นับว่าเป็นการหมิ่นประมาทบุพการีของภริยาซึ่งเป็นการร้ายแรงตามกฎหมายแล้ว ภริยายกขึ้นเป็นเหตุฟ้องหย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1290/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การด่าหมิ่นประมาทบุพการีคู่กรณีเป็นเหตุหย่าได้ตามกฎหมาย
สามีด่าหมิ่นประมาทบิดาของภริยาว่า "โคตรของหลวงสมานนี้เลวทั้งโคตรคบไม่ได้" ดังนี้ นับว่าเป็นการหมิ่นประมาทบุพการีของภริยา ซึ่งเป็นการร้ายแรงตามกฎหมายแล้ว ภริยายกขึ้นเป็นเหตุฟ้องหย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามฆ่า: การพิจารณาจากอาวุธ, วิธีการทำร้าย, และผลที่อาจเกิดขึ้น
แม้จำเลยจะยอมให้ถือเอาคำให้การของพยานชั้นสอบสวนเป็นคำเบิกความของพยานในชั้นศาลด้วย.ก็ไม่อาจถือได้ว่าคำให้การชั้นสอบสวนนั้นเป็นคำเบิกความของพยานในศาลได้ เพราะพยานไม่ได้เข้าเบิกความต่อศาลเอง
มีดพกปลายแหลมที่จำเลยใช้เป็นอาวุธ เป็นมีดพกขนาดใหญ่(ยาว 12 นิ้วฟุตเฉพาะตัวมีดทำด้วยเหล็กยาว 7 นิ้วครึ่ง กว้าง 1 นิ้ว)จำเลยเข้ามาทางหลังตั้งใจแทงตรงอวัยวะสำคัญโดยแทงทะลุช่องซี่โครงเข้าช่องปอดและช่องท้อง ดังนี้ อยู่ในวิสัยที่จำเลยอาจเล็งเห็นผลแห่งการกระทำของตนได้ว่า ผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้กรรมย่อมเป็นเครื่องชี้เจตนา
การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 และการลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกัน จะรวมลดไปด้วยกันไม่ได้
มีดพกปลายแหลมที่จำเลยใช้เป็นอาวุธ เป็นมีดพกขนาดใหญ่(ยาว 12 นิ้วฟุตเฉพาะตัวมีดทำด้วยเหล็กยาว 7 นิ้วครึ่ง กว้าง 1 นิ้ว)จำเลยเข้ามาทางหลังตั้งใจแทงตรงอวัยวะสำคัญโดยแทงทะลุช่องซี่โครงเข้าช่องปอดและช่องท้อง ดังนี้ อยู่ในวิสัยที่จำเลยอาจเล็งเห็นผลแห่งการกระทำของตนได้ว่า ผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้กรรมย่อมเป็นเครื่องชี้เจตนา
การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 และการลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกัน จะรวมลดไปด้วยกันไม่ได้