พบผลลัพธ์ทั้งหมด 974 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล้นทรัพย์และการจำกัดความรับผิดฐานพยายามฆ่าเมื่อไม่ได้มีเจตนาฆ่าร่วมกัน
จำเลยกับพวกสมคบกันไปปล้นผู้โดยสารรถยนต์ประจำทาง. มิได้สมคบกันไปฆ่า. เมื่อพวกของจำเลยคนหนึ่งไปยิงผู้โดยสารที่ถูกปล้นบาดเจ็บสาหัส. โดยจำเลยไม่ได้เป็นผู้ยิงจะปรับเป็นความผิดของจำเลยฐานพยายามฆ่าคนด้วยไม่ได้. จำเลยคงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา340 วรรคสี่ เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์และการพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าเมื่อไม่ได้มีเจตนาฆ่าร่วมกัน
จำเลยกับพวกสมคบกันไปปล้นผู้โดยสารรถยนต์ประจำทางมิได้สมคบกันไปฆ่า เมื่อพวกของจำเลยคนหนึ่งไปยิงผู้โดยสารที่ถูกปล้นบาดเจ็บสาหัส โดยจำเลยไม่ได้เป็นผู้ยิงจะปรับเป็นความผิดของจำเลยฐานพยายามฆ่าคนด้วยไม่ได้จำเลยคงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่ เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบปล้นทรัพย์ ไม่ได้สมคบฆ่า ความผิดฐานพยายามฆ่าจึงไม่成立
จำเลยกับพวกสมคบกันไปปล้นผู้โดยสารรถยนต์ประจำทาง มิได้สมคบกันไปฆ่า เมื่อพวกของจำเลยคนหนึ่งไปยิงผู้โดยสารที่ถูกปล้นบาดเจ็บสาหัส โดยจำเลยไม่ได้เป็นผู้ยิง จะปรับเป็นความผิดของจำเลยฐานพยายามฆ่าคนด้วยไม่ได้ จำเลยคงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในคดีอาญาอาศัยประกาศคณะปฏิวัติและหนังสือกระทรวงมหาดไทย ไม่ถือเป็นการกลั่นแกล้ง
ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 21 กล่าวถึงบุคคลที่กระทำการรังแก ข่มเหง ผู้อื่น หรือประกอบอาชีพในทางผิดกฎหมายบางจำพวกว่าเป็นบุคคลที่ประพฤติตนเป็นอันธพาลโดยมิได้จำแนกไว้โดยชัดเจนว่าบุคคลเหล่านั้นรังแกข่มเหงขู่เข็ญหรือรบกวนผู้อื่นเป็นลักษณะความผิดอะไรบ้างส่วนหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่ 2498/2502 กล่าวถึงผู้กระทำผิดในคดีฉุดคร่าอนาจาร ล่อลวงข่มขืน และลวงไปฆ่าว่าเป็นภัยแก่สังคมทั้งนี้ความผิดดังกล่าวก็มีลักษณะเป็นการรังแกข่มเหงผู้อื่นตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 นั่นเองจึงเท่ากับเป็นการชี้ถึงความผิดทั้ง 4 ประเภทโดยเฉพาะว่าเป็นการกระทำของบุคคลที่ประพฤติตนเป็นอันธพาล
ผู้เสียหายถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานพยายามข่มขืน กระทำชำเราและกระทำอนาจารการกระทำของผู้เสียหายจึงเข้าหลักเกณฑ์ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 21 และหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่2498/2502 จำเลยจึงมีอำนาจควบคุมตัวไว้เพื่อสอบสวนได้ไม่เกิน 30 วัน
ผู้เสียหายถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานพยายามข่มขืน กระทำชำเราและกระทำอนาจารการกระทำของผู้เสียหายจึงเข้าหลักเกณฑ์ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 21 และหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่2498/2502 จำเลยจึงมีอำนาจควบคุมตัวไว้เพื่อสอบสวนได้ไม่เกิน 30 วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยกระทำผิดฐานพยายามข่มขืนตามประกาศคณะปฏิวัติ และหนังสือกระทรวงมหาดไทย
ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 กล่าวถึงบุคคลที่กระทำการรังแก ข่มเหงผู้อื่น หรือประกอบอาชีพในทางผิดกฎหมายบางจำพวกว่าเป็นบุคคลที่ประพฤติตนเป็นอันธพาลโดยมิได้จำแนกไว้โดยชัดเจนว่าบุคคลเหล่านั้นรังแกข่มเหงขู่เข็ญหรือรบกวนผู้อื่นเป็นลักษณะความผิดอะไรบ้าง ส่วนหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่ 2498/2502 กล่าวถึงผู้กระทำผิดในคดีฉุดคร่าอนาจาร ล่อลวงข่มขืน และลวงไปฆ่าว่าเป็นภัยแก่สังคม ทั้งนี้ความผิดดังกล่าวก็มีลักษณะเป็นการรังแกข่มเหงผู้อื่นตามประกาศคณะปฏิบัติฉบับที่ 21 นั่นเอง จึงเท่ากับเป็นการชี้ถึงความผิดทั้ง 4 ประเภทโดยเฉพาะว่าเป็นการกระทำของบุคคลที่ประพฤติตนเป็นอันธพาล
ผู้เสียหายถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานพยายามข่มขืน กระทำชำเราและกระทำอนาจาร การกระทำของผู้เสียหายจึงเข้าหลักเกณฑ์ตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 และหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่ 2498/2502 จำเลยจึงมีอำนาจควบคุมตัวไว้เพื่อสอบสวนได้ไม่เกิน 30 วัน
ผู้เสียหายถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานพยายามข่มขืน กระทำชำเราและกระทำอนาจาร การกระทำของผู้เสียหายจึงเข้าหลักเกณฑ์ตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 และหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่ 2498/2502 จำเลยจึงมีอำนาจควบคุมตัวไว้เพื่อสอบสวนได้ไม่เกิน 30 วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในคดีอาญา: การขยายอำนาจควบคุมบุคคลอันธพาลตามประกาศคณะปฏิวัติและหนังสือกระทรวงมหาดไทย
ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 21 กล่าวถึงบุคคลที่กระทำการรังแก ข่มเหง ผู้อื่น หรือประกอบอาชีพในทางผิดกฎหมายบางจำพวกว่าเป็นบุคคลที่ประพฤติตนเป็นอันธพาล. โดยมิได้จำแนกไว้โดยชัดเจนว่าบุคคลเหล่านั้นรังแกข่มเหงขู่เข็ญหรือรบกวนผู้อื่นเป็นลักษณะความผิดอะไรบ้าง. ส่วนหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่ 2498/2502 กล่าวถึงผู้กระทำผิดในคดีฉุดคร่าอนาจาร ล่อลวงข่มขืน และลวงไปฆ่าว่าเป็นภัยแก่สังคม. ทั้งนี้ความผิดดังกล่าวก็มีลักษณะเป็นการรังแกข่มเหงผู้อื่นตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 21 นั่นเอง.จึงเท่ากับเป็นการชี้ถึงความผิดทั้ง 4 ประเภทโดยเฉพาะว่าเป็นการกระทำของบุคคลที่ประพฤติตนเป็นอันธพาล.
ผู้เสียหายถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานพยายามข่มขืน กระทำชำเราและกระทำอนาจาร. การกระทำของผู้เสียหายจึงเข้าหลักเกณฑ์ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 21 และหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่2498/2502. จำเลยจึงมีอำนาจควบคุมตัวไว้เพื่อสอบสวนได้ไม่เกิน 30 วัน.
ผู้เสียหายถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานพยายามข่มขืน กระทำชำเราและกระทำอนาจาร. การกระทำของผู้เสียหายจึงเข้าหลักเกณฑ์ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 21 และหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่2498/2502. จำเลยจึงมีอำนาจควบคุมตัวไว้เพื่อสอบสวนได้ไม่เกิน 30 วัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลือกตั้ง: ผู้ร้องต้องพิสูจน์ข้อกล่าวหาการนับคะแนนผิดพลาดและจูงใจราษฎรด้วยพยานหลักฐาน หากไม่สืบพยาน ศาลไม่รับฟัง
ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนเป็นไปโดยไม่ชอบสมควรจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยอ้างว่ากรรมการนับคะแนนวินิจฉัยบัตรเสียว่าเป็นบัตรดี และ บัตรดีว่าเป็นบัตรเสียกับอ้างว่าผู้ที่ได้รับเลือกตั้งได้จูงใจราษฎรให้ลงคะแนนให้แก่ตน ต่อมาในชั้นพิจารณาผู้ร้องเพียงแต่อ้างรายงานแสดงผลการนับคะแนน (ผ.ท.18) และขอให้ศาลวินิจฉัยโดยไม่ติดใจสืบพยานบุคคล ดังนี้ข้อเท็จจริงก็ฟังไม่ได้ตามที่ผู้ร้องร้องคัดค้านมาศาลย่อมสั่งยกคำร้องคัดค้านของผู้ร้องเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านผลการเลือกตั้งต้องมีการสืบพยานหลักฐานให้ชัดเจน ศาลไม่รับฟังเพียงรายงานผลคะแนน
ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนเป็นไปโดยไม่ชอบ สมควรจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยอ้างว่ากรรมการนับคะแนนวินิจฉัยบัตรเสียว่าเป็นบัตรดี และบัตรดีว่าเป็นบัตรเสีย กับอ้างว่าผู้ที่ได้รับเลือกตั้งได้จูงใจราษฎรให้ลงคะแนนให้แก่ตน ต่อมาในชั้นพิจารณาผู้ร้องเพียงแต่อ้างรายงานแสดงผลการนับคะแนน (ผ.ท.18) และขอให้ศาลวินิจฉัยโดยไม่ติดใจสืบพยานบุคคล ดังนี้ ข้อเท็จจริงก็ฟังไม่ได้ตามที่ผู้ร้องร้องคัดค้านมา ศาลย่อมสั่งยกคำร้องคัดค้านของผู้ร้องเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำเป็นต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงด้วยพยานหลักฐาน
ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนเป็นไปโดยไม่ชอบ. สมควรจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยอ้างว่ากรรมการนับคะแนนวินิจฉัยบัตรเสียว่าเป็นบัตรดี และ บัตรดีว่าเป็นบัตรเสีย. กับอ้างว่าผู้ที่ได้รับเลือกตั้งได้จูงใจราษฎรให้ลงคะแนนให้แก่ตน. ต่อมาในชั้นพิจารณาผู้ร้องเพียงแต่อ้างรายงานแสดงผลการนับคะแนน (ผ.ท.18).และขอให้ศาลวินิจฉัยโดยไม่ติดใจสืบพยานบุคคล. ดังนี้ข้อเท็จจริงก็ฟังไม่ได้ตามที่ผู้ร้องร้องคัดค้านมา.ศาลย่อมสั่งยกคำร้องคัดค้านของผู้ร้องเสีย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งตัวเด็กและเยาวชนเข้าสถานฝึกอบรม ไม่ถือเป็นการลงโทษ จึงห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
จำเลยอายุไม่เกิน 17 ปี กระทำผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ส่งจำเลยไปฝึกยังสถานฝึกอบรมเด็กและเยาวชนจนกว่าจะมีอายุ 18 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจะฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาลที่ให้ส่งตัวจำเลยไปยังสถานฝึกอบรมนั้นไม่ได้เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 เพราะการที่ศาลสั่งให้ส่งตัวจำเลยไปยังสถานฝึกอบรมเด็กและเยาวชนนั้นไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นวิธีการที่เบากว่าการลงโทษจำคุก