พบผลลัพธ์ทั้งหมด 974 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์และการระงับหนี้จำนองจากการชำระหนี้ด้วยทรัพย์สิน
โจทก์เป็นผู้รับพินัยกรรมและผู้จัดการมรดกของ พ. ได้ครอบครองที่พิพาทสืบต่อมาในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ และเป็นไปโดยสงบและเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของ ส่วนจำเลยเป็นทายาทผู้สืบกรรมสิทธิ์ จาก ส. ซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาท ฉะนั้น ภาระการพิสูจน์ว่าการครอบครองที่พิพาทของฝ่ายโจทก์ได้เป็นไปโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของย่อมตกอยู่แก่โจทก์ (อ้างฎีกาที่ 521/2493, 1112/2493)
แม้จำเลยจะเป็นฝ่ายนำสืบก่อนตามคำสั่งศาลชั้นต้น หากจะทำการพิจารณาวินิจฉัยต่อไป ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ศาลฎีกาย่อมดำเนินการพิจารณาต่อไปตามรูปคดี ที่โจทก์เป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนได้ โดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาใหม่
การที่ พ. ยอมให้ ส. เอาที่พิพาทที่ ส.จำนองไว้กับ พ. ตีใช้หนี้ แม้จะมิได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียน เมื่อ พ. กับโจทก์ซึ่งเป็นทายาทได้ครอบครองมาเกิน 10 ปี ฝ่ายโจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามมาตรา 1382 สิทธิไถ่ถอนจำนองของจำเลยซึ่งเป็นทายาทของ ส. จึงระงับไป จำเลยจะเถียงกันว่าเมื่อไม่มีการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนอง การจำนองก็ยังมีอยู่หาได้ไม่ เพราะกรณีเป็นการที่ฝ่ายจำเลยยกที่พิพาทตีใช้หนี้และฝ่ายโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว หนี้จำนองย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 ประกอบมาตรา 744 (1) ทั้งจำเลยไม่ใช่บุคคลภายนอกซึ่งจะถือได้ว่า เมื่อไม่จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองตามมาตรา 746 การจำนองก็ไม่ระงับไป
แม้จำเลยจะเป็นฝ่ายนำสืบก่อนตามคำสั่งศาลชั้นต้น หากจะทำการพิจารณาวินิจฉัยต่อไป ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ศาลฎีกาย่อมดำเนินการพิจารณาต่อไปตามรูปคดี ที่โจทก์เป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนได้ โดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาใหม่
การที่ พ. ยอมให้ ส. เอาที่พิพาทที่ ส.จำนองไว้กับ พ. ตีใช้หนี้ แม้จะมิได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียน เมื่อ พ. กับโจทก์ซึ่งเป็นทายาทได้ครอบครองมาเกิน 10 ปี ฝ่ายโจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามมาตรา 1382 สิทธิไถ่ถอนจำนองของจำเลยซึ่งเป็นทายาทของ ส. จึงระงับไป จำเลยจะเถียงกันว่าเมื่อไม่มีการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนอง การจำนองก็ยังมีอยู่หาได้ไม่ เพราะกรณีเป็นการที่ฝ่ายจำเลยยกที่พิพาทตีใช้หนี้และฝ่ายโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว หนี้จำนองย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 ประกอบมาตรา 744 (1) ทั้งจำเลยไม่ใช่บุคคลภายนอกซึ่งจะถือได้ว่า เมื่อไม่จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองตามมาตรา 746 การจำนองก็ไม่ระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56-58/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดิน: ผู้ซื้อโดยสุจริตย่อมได้สิทธิ แม้จำเลยได้มาโดยครอบครองปรปักษ์แต่ไม่ได้จดทะเบียน
ที่พิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด โจทก์ซื้อโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนสิทธิแล้วแม้จำเลยจะได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิโดยชอบจะนำมาใช้ยันโจทก์ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าทำนาของโจทก์โดยละเมิด โจทก์ได้รับความเสียหาย แต่คำขอท้ายฟ้องใช้ว่า ขอให้จำเลยชำระค่าเช่าดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าทำนาของโจทก์โดยละเมิด โจทก์ได้รับความเสียหาย แต่คำขอท้ายฟ้องใช้ว่า ขอให้จำเลยชำระค่าเช่าดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56-58/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดิน: การซื้อโดยสุจริตและจดทะเบียน vs. ครอบครองปรปักษ์ที่ไม่จดทะเบียน
ที่พิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด โจทก์ซื้อโดยสุจริตเสียค่าตอบแทน และได้จดทะเบียนสิทธิแล้ว. แม้จำเลยจะได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์. แต่ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิโดยชอบ. จะนำมาใช้ยันโจทก์ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง.
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าทำนาของโจทก์โดยละเมิด. โจทก์ได้รับความเสียหาย. แต่คำขอท้ายฟ้องใช้ว่า ขอให้จำเลยชำระค่าเช่า. ดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้.
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าทำนาของโจทก์โดยละเมิด. โจทก์ได้รับความเสียหาย. แต่คำขอท้ายฟ้องใช้ว่า ขอให้จำเลยชำระค่าเช่า. ดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56-58/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: การซื้อโดยสุจริตและจดทะเบียน vs. ครอบครองปรปักษ์ที่ไม่จดทะเบียน
ที่พิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด โจทก์ซื้อโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนสิทธิแล้ว แม้จำเลยจะได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิโดยชอบ จะนำมาใช้ยันโจทก์ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรค 2
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเข้าทำนาของโจทก์โดยละเมิด โจทก์ได้รับความเสียหายแต่คำขอท้ายฟ้องใช้ว่า ขอให้จำเลยชำระค่าเช่า ดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเข้าทำนาของโจทก์โดยละเมิด โจทก์ได้รับความเสียหายแต่คำขอท้ายฟ้องใช้ว่า ขอให้จำเลยชำระค่าเช่า ดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ตามคำพิพากษาในคดีล้มละลาย: ศาลมีอำนาจตรวจสอบมูลหนี้ แม้เป็นหนี้ที่ถึงที่สุดแล้ว
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย. เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลมีอำนาจจะฟังข้อเท็จจริงว่าหนี้ตามคำพิพากษานั้นมีมูลหนี้อันจะพึงอนุญาตให้รับชำระหนี้หรือไม่ได้. คำพิพากษาในคดีของเจ้าหนี้ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณาคดีนั้นเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ตามคำพิพากษาในคดีล้มละลาย ศาลมีอำนาจตรวจสอบมูลหนี้ แม้เป็นหนี้ที่ถึงที่สุด
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลมีอำนาจจะฟังข้อเท็จจริงว่าหนี้ตามคำพิพากษานั้นมีมูลหนี้อันจะพึงอนุญาตให้รับชำระหนี้หรือไม่ได้ คำพิพากษาในคดีของเจ้าหนี้ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณาคดีนั้นเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ตามคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีล้มละลาย ศาลมีอำนาจตรวจสอบมูลหนี้เพื่อพิจารณาการรับชำระหนี้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลมีอำนาจจะฟังข้อเท็จจริงว่าหนี้ตามคำพิพากษานั้นมีมูลหนี้อันจะพึงอนุญาตให้รับชำระหนี้หรือไม่ได้ คำพิพากษาในคดีของเจ้าหนี้ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ผูกพัน เฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณาคดีนั้นเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งเรื่องความรักและการกีดกัน
ผู้ตายไม่พอใจที่จำเลยมารักใคร่ในทางชู้สาวกับบุตรสาว จึงกีดกันจำเลยมิให้ติดต่อ หากฝ่าฝืนจะให้ตำรวจจับกุม ก่อนเกิดเหตุ 1 เดือน จำเลยได้ยิงปืนใกล้บ้านผู้ตาย ผู้ตายได้พูดจาว่ากล่าว จำเลยโกรธได้ชักปืนออกแต่มิได้ยิง และคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยมีว่า สาเหตุดังกล่าวทำให้จำเลยนึกเจ็บใจที่ถูกว่ากล่าว ทั้งกลัวผู้ตายจะทำร้ายเพราะโกรธเรื่องที่รักใคร่บุตรสาวผู้ตาย จึงตั้งใจจะไปยิงผู้ตาย แล้วจำเลยลอบเข้าไปในบ้านผู้ตายในเวลากลางคืนแล้วยิงผู้ตาย ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งเรื่องความรักและการกีดกัน
ผู้ตายไม่พอใจที่จำเลยมารักใคร่ในทางชู้สาวกับบุตรสาวจึงกีดกันจำเลยมิให้ติดต่อ หากฝ่าฝืนจะให้ตำรวจจับกุม ก่อนเกิดเหตุ 1 เดือน จำเลยได้ยิงปืนใกล้บ้านผู้ตายผู้ตายได้พูดจาว่ากล่าวจำเลยโกรธได้ชักปืนออกแต่มิได้ยิง และคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยมีว่าสาเหตุดังกล่าวทำให้จำเลยนึกเจ็บใจที่ถูกว่ากล่าว ทั้งกลัวผู้ตายจะทำร้ายเพราะโกรธเรื่องที่รักใคร่บุตรสาวผู้ตายจึงตั้งใจจะไปยิงผู้ตายแล้วจำเลยลอบเข้าไปในบ้านผู้ตายในเวลากลางคืนแล้วยิงผู้ตายดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งเรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวและการกีดกัน
ผู้ตายไม่พอใจที่จำเลยมารักใคร่ในทางชู้สาวกับบุตรสาว.จึงกีดกันจำเลยมิให้ติดต่อ. หากฝ่าฝืนจะให้ตำรวจจับกุม. ก่อนเกิดเหตุ 1 เดือน จำเลยได้ยิงปืนใกล้บ้านผู้ตายผู้ตายได้พูดจาว่ากล่าว. จำเลยโกรธได้ชักปืนออกแต่มิได้ยิง. และคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยมีว่า. สาเหตุดังกล่าวทำให้จำเลยนึกเจ็บใจที่ถูกว่ากล่าว. ทั้งกลัวผู้ตายจะทำร้ายเพราะโกรธเรื่องที่รักใคร่บุตรสาวผู้ตาย. จึงตั้งใจจะไปยิงผู้ตาย. แล้วจำเลยลอบเข้าไปในบ้านผู้ตายในเวลากลางคืนแล้วยิงผู้ตาย. ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน. จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289.