พบผลลัพธ์ทั้งหมด 974 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1492/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินที่ได้มาขณะอยู่กินเป็นสามีภริยา แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส
ทรัพย์พิพาทเป็นของร่วมกันระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง แม้จำเลย กับผู้ร้องจะเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทรัพย์ที่ ทำมาหาได้ในระหว่างอยู่กินด้วยกัน ก็ต้องถือว่าคนทั้งสอง มีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้ถอนการยึดทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1492/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส
ทรัพย์พิพาทเป็นของร่วมกันระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง แม้จำเลยกับผู้ร้องจะเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทรัพย์ที่ทำมาหาได้ในระหว่างอยู่กินด้วยกัน ก็ต้องถือว่าคนทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้ถอนการยึดทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งผู้จัดการมรดก แม้มีข้อตกลงแบ่งมรดกแล้ว ก็ยังจำเป็นเพื่อจัดการโอนทรัพย์ให้สมบูรณ์ตามข้อตกลง
แม้จะมีข้อตกลงระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้าน ในการแบ่งปันมรดกกันไว้หมดแล้ว แต่การที่จะจัดการโอนมรดกให้แก่กันตามข้อตกลง ก็ยังจำเป็นจะต้องมีผู้จัดการมรดกเป็นผู้จัดการให้บังเกิดผลเสร็จสิ้นไปตามข้อตกลงนั้น
ในคดีที่ร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดก ผู้ร้องจะต้องบรรยายในคำร้องถึงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์อันจำเป็นและสมควรที่จะต้องมีผู้จัดการมรดก ให้ได้ความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 เท่านั้น ข้อตกลงแบ่งทรัพย์ระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านมิใช่รายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นที่ศาลจะพึงต้องพิจารณา ผู้ร้องจึงไม่จำต้องบรรยายถึงข้อตกลงนั้นมาในคำร้อง หรือต้องคัดสำเนาข้อตกลงยื่นต่อศาลพร้อมคำร้อง
ในคดีที่ร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดก ผู้ร้องจะต้องบรรยายในคำร้องถึงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์อันจำเป็นและสมควรที่จะต้องมีผู้จัดการมรดก ให้ได้ความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 เท่านั้น ข้อตกลงแบ่งทรัพย์ระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านมิใช่รายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นที่ศาลจะพึงต้องพิจารณา ผู้ร้องจึงไม่จำต้องบรรยายถึงข้อตกลงนั้นมาในคำร้อง หรือต้องคัดสำเนาข้อตกลงยื่นต่อศาลพร้อมคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งผู้จัดการมรดก แม้มีข้อตกลงแบ่งมรดกแล้ว ก็ยังจำเป็นต้องมีผู้จัดการมรดกเพื่อให้การโอนมรดกสมบูรณ์
แม้จะมีข้อตกลงระหว่างผู้ร้องกับผู้คักค้าน ในการแบ่งปันมรดกกันไว้หมดแล้ว แต่การที่จะจัดการโอนมรดกให้แก่กันตามข้อตกลง ก็ยังจำเป็นจะต้องมีผู้จัดการมรดกเป็นผู้จัดการให้บังเกิดผลเสร็จสิ้นไปตามข้อตกลงนั้น
ในคดีที่ร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดก ผู้ร้องจะต้องบรรยายในคำร้องถึงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์อันจำเป็นและสมควรที่จะต้องมีผู้จัดการมรดก ให้ได้ความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 เท่านั้น ข้อตกลงแบ่งทรัพย์ระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านมิใช่รายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นที่ศาลจะพึงต้องพิจารณา ผู้ร้องจึงไม่ จำต้องบรรยายถึงข้อตกลงนั้นมาในคำร้อง หรือต้องคัดสำเนาข้อตกลงยื่นต่อศาลพร้อมคำร้อง
ในคดีที่ร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดก ผู้ร้องจะต้องบรรยายในคำร้องถึงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์อันจำเป็นและสมควรที่จะต้องมีผู้จัดการมรดก ให้ได้ความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 เท่านั้น ข้อตกลงแบ่งทรัพย์ระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านมิใช่รายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นที่ศาลจะพึงต้องพิจารณา ผู้ร้องจึงไม่ จำต้องบรรยายถึงข้อตกลงนั้นมาในคำร้อง หรือต้องคัดสำเนาข้อตกลงยื่นต่อศาลพร้อมคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าที่ดินในการครอบครองพืชผลและทรัพย์สินในที่เช่า แม้มีการซื้อขายที่ดิน
โจทก์เช่าที่ดินซึ่งมีบ่อเลี้ยงปลา แต่โจทก์ได้ปิดกั้นบ่อ ปลูกต้นไม้ล้มลุกและล้อมรั้วลวดหนามไว้ ต่อมาจำเลยซื้อที่ดินแปลงนั้น แต่โจทก์ยังคงครอบครองในฐานะเป็นผู้เช่า แล้วจำเลยไปวิดปลาในบ่อ ตัดต้นไม้ล้มลุกและรื้อลวดหนามเหล่านั้น จำเลยย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์
ผู้เช่าที่ดินได้ปลูกต้นไม้ล้มลุกไว้ เมื่อออกจากที่ดินไป ผู้เช่าที่ดินมีสิทธิเอาไม้ล้มลุกไปได้
ผู้เช่าที่ดินได้ปลูกต้นไม้ล้มลุกไว้ เมื่อออกจากที่ดินไป ผู้เช่าที่ดินมีสิทธิเอาไม้ล้มลุกไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าที่ดินเมื่อเจ้าของที่ดินใหม่เข้ามาทำประโยชน์ในที่ดินที่เช่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์
โจทก์เช่าที่ดินซึ่งมีบ่อเลี้ยงปลา แต่โจทก์ได้ปิดกั้นบ่อ ปลูกต้นไม้ล้มลุกและล้อมรั้วลวดหนามกั้นไว้ ต่อมาจำเลยซื้อที่ดินแปลงนั้น แต่โจทก์ยังคงครอบครองในฐานะเป็นผู้เช่า แล้วจำเลยไปวิดบ่อปลา ตัดต้นไม้ล้มลุกและรื้อลวดหนามเหล่านั้น จำเลยย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์
ผู้เช่าที่ดินได้ปลูกต้นไม้ล้มลุกไว้ เมื่อออกจากที่ดินไป ผู้เช่าที่ดินมีสิทธิเอาไม้ล้มลุกไปได้
ผู้เช่าที่ดินได้ปลูกต้นไม้ล้มลุกไว้ เมื่อออกจากที่ดินไป ผู้เช่าที่ดินมีสิทธิเอาไม้ล้มลุกไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่า: การสมคบคิด การกระทำโดยพลการ และเจตนา
ขณะที่ผู้ตายต่อยกับน้องภริยาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ได้ยิงไปก่อน1 นัด ถูกผู้ตาย แล้วต่อมาจำเลยที่ 1 จึงได้ยิงไป ตามพฤติการณ์ดังกล่าวที่จำเลยทั้งสองยิงไปนั้นเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดนั้น โดยต่างคนต่างกระทำลงไป มิได้สมคบร่วมรู้กันมาก่อน จะฟังว่าจำเลยที่ 1 สมคบกับจำเลยที่ 2 ฆ่าผู้ตายไม่ ได้ ผู้ตายมีบาดแผลถูกยิงแผลเดียว และฟังได้ว่าแผลที่ถูกยิงนั้นเป็นผลแห่งการกระทำของจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียว ฉะนั้น จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานฆ่าผู้ตาย
การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปยังผู้ตายกับพวกหลายนัดนั้น ส่อเจตนาให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจฆ่า แต่กระสุนปืนพลาดไปถูกที่ไม่สำคัญ จึงไม่ถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน
การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปยังผู้ตายกับพวกหลายนัดนั้น ส่อเจตนาให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจฆ่า แต่กระสุนปืนพลาดไปถูกที่ไม่สำคัญ จึงไม่ถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงต่อสู้และการสมคบร่วมกันฆ่า: การพิสูจน์เจตนาและขอบเขตความรับผิด
ขณะที่ผู้ตายต่อยกับน้องภรรยาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ได้ยิงไปก่อน 1 นัด ถูกผู้ตาย แล้วต่อมาจำเลยที่ 1 จึงได้ยิงไป ตามพฤติการณ์ดังกล่าวที่จำเลยทั้งสองยิงไปนั้นเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในทันทีทันใด โดยต่างคนต่างกระทำลงไป มิได้สมคบร่วมรู้กันมาก่อน จะฟังว่าจำเลยที่ 1 สมคบกับจำเลยที่ 2 ฆ่าผู้ตายไม่ได้ ผู้ตายมีบาดแผลถูกยิงแผลเดียว และฟังได้ว่าแผลที่ถูกยิงนั้นเป็นผลแห่งการกระทำของจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวฉนั้น จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานฆ่าผู้ตาย
การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปยังผู้ตายกับพวกหลายนัดนั้น ส่อเจตนาให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจฆ่า แต่กระสุนปืนพลาดไปถูกที่ไม่สำคัญ จึงไม่ถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน
การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปยังผู้ตายกับพวกหลายนัดนั้น ส่อเจตนาให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจฆ่า แต่กระสุนปืนพลาดไปถูกที่ไม่สำคัญ จึงไม่ถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าห้องหลังหย่า: การอยู่ในฐานะบริวารของผู้เช่าเดิม ผู้ให้เช่าไม่ต้องบอกกล่าวเลิกสัญญา
ภริยาอยู่ในห้องพิพาทกับสามีซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาเช่าจากผู้ให้เช่าต่อมาได้หย่าขาดกัน สามีแยกไปอยู่ที่อื่น โดยยอมยกห้องพิพาทให้เป็นสิทธิแก่ภริยา แต่ผู้ให้เช่าไม่ได้รู้เห็นตกลงด้วย การที่ภริยาคงอยู่ในห้องเช่าต่อมาจนครบสัญญาเช่า ถือว่าเป็นการอยู่ในฐานะบริวารของผู้เช่า
อยู่ในห้องเช่าในฐานะเป็นบริวารของผู้เช่า ไม่ใช่ในฐานะผู้เช่าผู้ให้เช่าไม่จำต้องบอกกล่าวเลิกการเช่าก่อน
อยู่ในห้องเช่าในฐานะเป็นบริวารของผู้เช่า ไม่ใช่ในฐานะผู้เช่าผู้ให้เช่าไม่จำต้องบอกกล่าวเลิกการเช่าก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะผู้เช่า-บริวารหลังหย่า: สิทธิในสัญญาเช่าเดิมเป็นของผู้เช่าเดิม แม้มีการตกลงระหว่างคู่หย่า
ภริยาอยู่ในห้องพิพาทกับสามีซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาเช่าจากผู้ให้เช่า ต่อมาได้หย่าขาดกัน สามีแยกไปอยู่ที่อื่น โดยยอมยกห้องพิพาทให้เป็นสิทธิแก่ภริยา แต่ผู้ให้เช่าไม่ได้รู้เห็นตกลงด้วย การที่ภริยาคงอยู่ในห้องเช่าต่อมาจนครบสัญญาเช่า ถือว่าเป็นการอยู่ในฐานะบริวารของผู้เช่า
อยู่ในห้องเช่าในฐานะเป็นบริวารของผู้เช่า ไม่ใช่ในฐานะผู้เช่า ผู้ให้เช่าไม่จำต้องบอกกล่าวเลิกการเช่าก่อน
อยู่ในห้องเช่าในฐานะเป็นบริวารของผู้เช่า ไม่ใช่ในฐานะผู้เช่า ผู้ให้เช่าไม่จำต้องบอกกล่าวเลิกการเช่าก่อน