พบผลลัพธ์ทั้งหมด 974 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับขนส่งต่อความเสียหายของสินค้าเนื่องจากความประมาทเลินเละและเหตุสุดวิสัย
เหตุที่เกิดความเสียหายเนื่องจากคลื่นของเรืออื่นในลำแม่น้ำมาปะทะเรือฉลอมของจำเลยที่บรรทุกสินค้าและจอดอยู่ที่ท่าเรือ เรือฉลอมกระแทกกับท่า ทำให้สินค้าที่บรรทุกบางส่วนเคลื่อนตกลงไปในแม่น้ำนั้น เป็นผลพิบัติที่อาจป้องกันได้ ถ้าได้จัดการระมัดระวังตามสมควร ไม่ใช่เป็นเหตุที่ไม่มีใครจะอาจป้องกันได้ ฉะนั้น จึงไม่ใช่ความเสียหายที่เกิดจากเหตุสุดวิสัย
จำเลยบรรทุกสินค้าเกินกว่าเก๋งท้ายเรือหรือหลังคาเรืออันเป็นการผิดระเบียบของกรมเจ้าท่า ถือได้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยแล้ว และเนื่องจากจำเลยมีอาชีพรับขนส่ง ย่อมมีหน้าที่ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าปกติสามัญชน แต่กลับละเลยการปฏิบัติหน้าที่ในอาชีพอันควรต้องพึงปฏิบัติเสีย กล่าวคือ เมื่อบรรทุกสินค้าลงเรือเสร็จแล้ว ส. ผู้ควบคุมเรือของจำเลยกับลูกเรืออีก 3 คนขึ้นไปบนท่าหมด ไม่มีคนอยู่ในเรือที่จะคอยระมัดระวังป้องกันภัยอันตรายอันอาจจะเกิดความเสียหายขึ้นได้ ซึ่งโดยปกติต้องมีคนงานคอยระวังอยู่ เพราะอาจมีคลื่นแรงมาซึ่งแล้วก็มีคลื่นแรงมาจริง ๆ และปะทะเรือฉลอมทำให้เรือฉลอมกระแทกกับท่าเป็นเหตุให้สินค้าที่บรรทุกอยู่ในเรือฉลอมที่บรรทุกอยู่สูงตกลงไปในแม่น้ำเสียหาย ส. กับลูกเรือไม่สามารถจะเข้าไปช่วยประคองเรือเพื่อป้องกันความเสียหายไว้ได้ เพราะเกรงว่ากระสอบสินค้าที่ เคลื่อนหล่นลงมาจะทับเอาตามพฤติการณ์ถือว่าเป็นความประมาท เลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลย จำเลยต้องรับผิด
เมื่อโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยการขนส่งสินค้าไว้กับห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญโภคภัณฑ์ได้จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญโภคภัณฑ์ไปแล้วโจทก์ย่อมเข้าสู่ฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิเรียกร้องให้จำเลยในฐานะผู้รับขนชำระเงินจำนวนที่ได้จ่ายไปแก่โจทก์
จำเลยบรรทุกสินค้าเกินกว่าเก๋งท้ายเรือหรือหลังคาเรืออันเป็นการผิดระเบียบของกรมเจ้าท่า ถือได้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยแล้ว และเนื่องจากจำเลยมีอาชีพรับขนส่ง ย่อมมีหน้าที่ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าปกติสามัญชน แต่กลับละเลยการปฏิบัติหน้าที่ในอาชีพอันควรต้องพึงปฏิบัติเสีย กล่าวคือ เมื่อบรรทุกสินค้าลงเรือเสร็จแล้ว ส. ผู้ควบคุมเรือของจำเลยกับลูกเรืออีก 3 คนขึ้นไปบนท่าหมด ไม่มีคนอยู่ในเรือที่จะคอยระมัดระวังป้องกันภัยอันตรายอันอาจจะเกิดความเสียหายขึ้นได้ ซึ่งโดยปกติต้องมีคนงานคอยระวังอยู่ เพราะอาจมีคลื่นแรงมาซึ่งแล้วก็มีคลื่นแรงมาจริง ๆ และปะทะเรือฉลอมทำให้เรือฉลอมกระแทกกับท่าเป็นเหตุให้สินค้าที่บรรทุกอยู่ในเรือฉลอมที่บรรทุกอยู่สูงตกลงไปในแม่น้ำเสียหาย ส. กับลูกเรือไม่สามารถจะเข้าไปช่วยประคองเรือเพื่อป้องกันความเสียหายไว้ได้ เพราะเกรงว่ากระสอบสินค้าที่ เคลื่อนหล่นลงมาจะทับเอาตามพฤติการณ์ถือว่าเป็นความประมาท เลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลย จำเลยต้องรับผิด
เมื่อโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยการขนส่งสินค้าไว้กับห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญโภคภัณฑ์ได้จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญโภคภัณฑ์ไปแล้วโจทก์ย่อมเข้าสู่ฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิเรียกร้องให้จำเลยในฐานะผู้รับขนชำระเงินจำนวนที่ได้จ่ายไปแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการฟ้องแย่งการครอบครองที่เกินกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย
คู่กรณีพิพาทกันเกี่ยวกับที่ดินราคา 15,000 บาท ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาล 437.50 บาท เห็นได้ว่าเรียกค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ 17,500 บาท (ราคาที่ดินรวมกับค่าเสียหาย) จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
จำเลยเข้าไปปลูกห้องแถวในที่พิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิจากโจทก์แต่อย่างใดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ถือได้ว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครอง แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกคืนภายในกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันถูกแย่งครอบครอง โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แล้ว
จำเลยเข้าไปปลูกห้องแถวในที่พิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิจากโจทก์แต่อย่างใดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ถือได้ว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครอง แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกคืนภายในกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันถูกแย่งครอบครอง โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการหมดสิทธิฟ้องร้องเนื่องจากไม่ฟ้องแย่งการครอบครองภายใน 1 ปี
คู่กรณีพิพาทกันเกี่ยวกับที่ดินราคา 15,000 บาทศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาล 437.50 บาท เห็นได้ว่าเรียกค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ 17,500 บาท (ราคาที่ดินรวมกับค่าเสียหาย) จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
จำเลยเข้าไปปลูกห้องแถวในที่พิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิจากโจทก์แต่อย่างใดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ถือได้ว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครอง แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกคืนภายในกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันถูกแย่งครอบครอง โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แล้ว
จำเลยเข้าไปปลูกห้องแถวในที่พิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิจากโจทก์แต่อย่างใดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ถือได้ว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครอง แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกคืนภายในกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันถูกแย่งครอบครอง โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 927/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะจากเหตุข่มเหงอย่างร้ายแรง ลดโทษอาญา มาตรา 72
ผู้ตายเป็นทหาร จำเลยมีอายุกว่าสิบเจ็ดปีมีอายุน้อยกว่าคนอื่น ๆ ในหมู่นั้นก่อนเกิดเหตุผู้ตายขอยืมปืนจำเลยไปเที่ยว แต่จำเลยไม่ให้ผู้ตายกับจำเลยเถียงกัน มีคนบอกให้ผู้ตายกลับไปเสีย ผู้ตายก็กลับไป แต่แล้วกลับย้อนตามจำเลยมาอีกพร้อมกับพูดว่า พวกมึงแน่สักแค่ไหน กูรู้ไต๋อยู่ แล้วผู้ตายวิ่งเข้ามาใกล้จำเลย จำเลยยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด และวิ่งหนีผู้ตาย ผู้ตายยังวิ่งไล่กับได้ร้องด่าด้วย ดังนี้พฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ฉะนั้น การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ควรลงโทษจำเลยให้น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 927/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะจากเหตุถูกข่มเหง ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและเหตุบรรเทาโทษ
ผู้ตายเป็นทหาร จำเลยมีอายุกว่าสิบเจ็ดปีมีอายุน้อยกว่าคนอื่น ๆ ในหมู่นั้นก่อนเกิดเหตุผู้ตายขอยืมปืนจำเลยไปเที่ยว แต่จำเลยไม่ให้ผู้ตายกับจำเลยเถียงกัน มีคนบอกให้ผู้ตายกลับไปเสีย ผู้ตายก็กลับไป แต่แล้วกลับย้อนตามจำเลยมาอีกพร้อมกับพูดว่า พวกมึงแน่สักแค่ไหนกูรู้ไต๋อยู่ แล้วผู้ตายวิ่งเข้ามาใกล้จำเลยจำเลยยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด และวิ่งหนีผู้ตาย ผู้ตายยังวิ่งไล่กับได้ร้องด่าด้วย ดังนี้พฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมฉะนั้น การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ควรลงโทษจำเลยให้น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องคดี: ศาลจำกัดการพิพากษาตามที่โจทก์ฟ้องและเสียค่าขึ้นศาล แม้ข้อเท็จจริงจะพิสูจน์ได้มากกว่า
ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดิน 4 ไร่ และเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ 4 ไร่เท่านั้น แม้จะฟังได้ว่าที่ดินทั้ง 30 ไร่เป็นของโจทก์ ศาลก็พิพากษาให้โจทก์ชนะได้เพียง 4 ไร่ เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำฟ้อง: โจทก์ฟ้องเฉพาะส่วนใดของที่ดิน ศาลพิพากษาได้เฉพาะส่วนนั้น แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ถึงที่ดินทั้งหมด
ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดิน 4 ไร่ และเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ 4 ไร่เท่านั้น แม้จะฟังได้ว่าที่ดินทั้ง 30 ไร่เป็นของโจทก์ ศาลก็พิพากษาให้โจทก์ชนะได้เพียง 4 ไร่เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของเช่าซื้อในการติดตามเรียกคืนทรัพย์สินจากผู้รับจำนำ แม้มีข้อจำกัดตามพรบ.โรงรับจำนำ
เจ้าของจักรได้ให้เช่าซื้อจักรไปโดยมีข้อสัญญาว่าผู้เช่าซื้อจะไม่นำไปจำนำแก่บุคคลอื่น เมื่อผู้เช่าซื้อนำไปจำนำ โจทก์ผู้เป็นเจ้าของชอบที่จะกลับเข้าครอบครองจักรรายพิพาทได้ และใช้สิทธิติดตามฟ้องเรียกคืนจากผู้รับจำนำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 เว้นแต่ผู้รับจำนำจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ แต่ปรากฏว่าเวลาที่รับจำนำจักรรายพิพาทยังอยู่ในระหว่างเวลาที่พระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2480 และพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2484 ยังใช้บังคับ ซึ่งกำหนดให้โรงรับจำนำรับจำนำแต่ละรายไม่เกิน 400 บาท เมื่อผู้รับจำนำรับจำนำไว้แต่ละรายเกินกว่า 400 บาท ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำดังกล่าว ส่วนพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ.2505 ก็ไม่อาจนำมาใช้บังคับ เพราะผู้รับจำนำรับจำนำไว้ก่อน โจทก์ไม่จำต้องนำสืบว่าผู้เช่าซื้อมีเจตนาทุจริตหรือไม่และไม่จำต้องฟ้องเรียกร้องตามสัญญาจากผู้ค้ำประกันก่อน โจทก์มีสิทธิติดตามฟ้องเรียกจักรรายพิพาทคืนจากผู้รับจำนำได้โดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของเช่าซื้อในการติดตามเอายานพาหนะคืนจากโรงรับจำนำ แม้เกินวงเงินจำกัดตามกฎหมาย
เจ้าของจักรได้ให้เช่าซื้อจักรไปโดยมีข้อสัญญาว่าผู้เช่าซื้อจะไม่นำไปจำนำแก่บุคคลอื่น เมื่อผู้เช่าซื้อนำไปจำนำ โจทก์ผู้เป็นเจ้าของชอบที่จะกลับเข้าครอบครองจักรรายพิพาทได้ และใช้สิทธิติดตามฟ้องเรียกคืนจากผู้รับจำนำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 เว้นแต่ผู้รับจำนำจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำแต่ปรากฏว่าเวลาที่รับจำนำจักรรายพิพาทยังอยู่ในระหว่างเวลาที่พระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ.2480 และพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2484 ยังใช้บังคับ ซึ่งกำหนดให้โรงรับจำนำรับจำนำแต่ละรายไม่เกิน 400 บาท เมื่อผู้รับจำนำรับจำนำไว้แต่ละรายเกินกว่า 400บาท ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำดังกล่าว ส่วนพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 ก็ไม่อาจนำมาใช้บังคับ เพราะผู้รับจำนำรับจำนำไว้ก่อน โจทก์ไม่จำต้องนำสืบว่าผู้เช่าซื้อมีเจตนาทุจริตหรือไม่และไม่จำต้องฟ้องเรียกร้องตามสัญญาจากผู้ค้ำประกันก่อน โจทก์มีสิทธิติดตามฟ้องเรียกจักรรายพิพาทคืนจากผู้รับจำนำได้โดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้เดิมไม่ขาด แม้เช็คไม่สามารถขึ้นเงินได้ ศาลยืนตามฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องถึงมูลหนี้เดิมซึ่งเป็นเรื่องที่จำเลยเอาเงินของโจทก์ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว แล้วจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ทำสัญญาจะใช้เงินให้โจทก์จนครบโดยจำเลยจัดให้มีจำนองเป็นประกันหนี้รายนี้รวม 3 ราย ส่วนที่เหลือจำเลยได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงิน เมื่อถึงกำหนดโจทก์นำเช็คไปขั้นเงินไม่ได้ โดยธนาคารปฏิเสธว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ทั้งหมด ตามหนังสือรับสภาพหนี้ จำเลยเพิกเฉยโจทก์จึงฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้เพียงบางส่วนเท่าจำนวนที่จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ด้วยเช็ค ดังนี้ เห็นได้ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ตามมูลหนี้เดิมที่จำเลยชำระหนี้โจทก์ด้วยเช็ค แต่โจทก์ไม่ได้รับเงินตามเช็ค หาใช่ฟ้องเรียกเงินตามมูลหนี้แห่งเช็คแต่อย่างเดียวไม่ เมื่อความจริงโจทก์ยังไม่ได้รับเงินตามเช็ค แม้จะเป็นเพราะเช็คขาดอายุความแล้วก็ตาม หนี้เดิมตามจำนวนที่จำเลยชำระด้วยเช็คก็หาระงับไปไม่ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้เดิมที่ค้างชำระได้อยู่ และสิทธิเรียกร้องตามมูลหนี้เดิมนี้มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ