พบผลลัพธ์ทั้งหมด 974 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีโมฆะการประชุมใหญ่สหกรณ์ ต้องฟ้องสหกรณ์โดยตรง ไม่ใช่ผู้ตรวจควบคุม
ร้านสหกรณ์อยุธยาจำกัดสินใช้ได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2471 และเป็นนิติบุคคล โดยมีคณะกรรมการดำเนินการตามข้อบังคับของร้าน ระบุให้จำเลยในฐานะเป็นสหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีอำนาจตรวจตราควบคุมประจำ และให้ความเห็นแนะนำเกี่ยวกับกิจการทั้งปวงของร้านสหกรณ์ฯ เพื่อให้ดำเนินไปด้วยดี ตลอดจนเรียกและเข้าประชุมใหญ่หรือประชุมคณะกรรมการดำเนินการด้วยเท่านั้น หาได้ระบุให้มีอำนาจดำเนินกิจการของร้านสหกรณ์ไม่ การที่โจทก์ฟ้องว่าขอให้ศาลพิพากษาว่าผลของการประชุมใหญ่ของร้านสหกรณ์ฯ เป็นโมฆะ ซึ่งเป็นกรณีกล่าวหาว่าร้านสหกรณ์ฯ ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ โจทก์ชอบที่จะต้องฟ้องร้านสหกรณ์เป็นจำเลยโดยตรง เพื่อจะได้มีโอกาสโต้แย้งข้อกล่าวหาของโจทก์ได้ การที่โจทก์ฟ้องนายภักดี อิ่มเอิบธรรม ซึ่งดำรงตำแหน่งสหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในฐานะเป็นผู้ควบคุมและให้ความเห็นแนะนำเกี่ยวกับกิจการทั้งปวงของร้านสหกรณ์ฯ โดยตรง หาได้ฟ้องร้านสหกรณ์ฯ ไม่ ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาก็ไม่มีทางที่จะให้เข้าใจได้ว่าเป็นการฟ้องร้านสหกรณ์ฯด้วย ฉะนั้น จะบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ให้มีผลไปถึงร้านสหกรณ์ฯไม่ได้
เพราะนายภักดีมิได้เป็นผู้ดำเนินกิจการของร้านสหกรณ์ฯแต่ประการใด
เพราะนายภักดีมิได้เป็นผู้ดำเนินกิจการของร้านสหกรณ์ฯแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีโมฆะการประชุมใหญ่สหกรณ์ ต้องฟ้องสหกรณ์โดยตรง ไม่ใช่ผู้ตรวจควบคุม
ร้านสหกรณ์อยุธยาจำกัดสินใช้ได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2471 และเป็นนิติบุคคล โดยมีคณะกรรมการดำเนินการตามข้อบังคับของร้าน ระบุให้จำเลยในฐานะเป็นสหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีอำนาจตรวจตราควบคุมประจำและให้ความเห็นแนะนำเกี่ยวกับกิจการทั้งปวงของร้านสหกรณ์ฯ เพื่อให้ดำเนินไปด้วยดีตลอดจนเรียกและเข้าประชุมใหญ่หรือประชุมคณะกรรมการดำเนินการด้วยเท่านั้น หาได้ระบุให้มีอำนาจดำเนินกิจการของร้านสหกรณ์ไม่การที่โจทก์ฟ้องว่าขอให้ศาลพิพากษาว่าผลของการประชุมใหญ่ของร้านสหกรณ์ฯ เป็นโมฆะซึ่งเป็นกรณีกล่าวหาว่าร้านสหกรณ์ฯ ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ โจทก์ชอบที่จะต้องฟ้องร้านสหกรณ์ฯเป็นจำเลยโดยตรงเพื่อจะได้มีโอกาสโต้แย้งข้อกล่าวหาของโจทก์ได้การที่โจทก์ฟ้องนายภักดี อิ่มเอิบธรรม ซึ่งดำรงตำแหน่งสหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในฐานะเป็นผู้ควบคุมและให้ความเห็นแนะนำเกี่ยวกับกิจการทั้งปวงของร้านสหกรณ์ฯ โดยตรงหาได้ฟ้องร้านสหกรณ์ฯ ไม่ ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาก็ไม่มีทางที่จะให้เข้าใจได้ว่าเป็นการฟ้องร้านสหกรณ์ฯด้วย ฉะนั้น จะบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ให้มีผลไปถึงร้านสหกรณ์ฯไม่ได้เพราะนายภักดีมิได้เป็นผู้ดำเนินกิจการของร้านสหกรณ์ฯ ต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้มละลาย: ปิดธุรกิจและแจ้งไม่มีเงินชำระเป็นเหตุสันนิษฐานได้ว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว
จำเลยปิดสถานที่ประกอบธุรกิจเมื่อเจ้าหนี้ทวงถามหนี้ที่ค้างชำระจำเลยบอกแก่เจ้าหนี้ว่าไม่มีเงินชำระเป็นข้อสันนิษฐานได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 8
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้มละลาย: การปิดกิจการและแจ้งความไม่สามารถชำระหนี้เป็นเหตุสันนิษฐานได้ว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว
จำเลยปิดสถานที่ประกอบธุรกิจ เมื่อเจ้าหนี้ทวงถามหนี้ที่ค้างชำระ จำเลยบอกแก่เจ้าหนี้ว่าไม่มีเงินชำระ เป็นข้อสันนิษฐานได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 8
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีชำระหนี้ช้างป่า: เริ่มนับแต่วันที่ผู้ว่าฯ สั่งให้ส่งมอบ, จำเลยที่ขาดนัดยื่นคำให้การได้รับผล
จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีว่า คดีโจทก์ขาดอายุความแล้วแม้ในชั้นอุทธรณ์จำเลยจะอุทธรณ์ว่าโจทก์หมดสิทธิเรียกร้องตามมาตรา 1374, 1375 และ1382 ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะยกมาตรา 164 ขึ้นมาปรับแก่คดีได้ เพราะจำเลยได้บรรยายข้อเท็จจริงในอุทธรณ์ไว้โดยชัดแจ้งแล้ว การจะปรับบทกฎหมายมาตราใดเป็นหน้าที่ของศาล
ผู้ว่าราชการจังหวัดตัวแทนโจทก์สั่งให้จำเลยส่งมอบช้างของกลางให้แก่อำเภอเพื่อขายทอดตลาดตามพระราชบัญญัติรักษาช้างป่า พ.ศ. 2464อายุความต้องเริ่มนับแต่ พ.ศ. 2494 อันเป็นวันที่สั่งให้จำเลยส่งมอบเพราะตั้งแต่วันที่สั่งให้ส่งนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับจำเลยได้แล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยร่วมกันส่งมอบช้างคืน มูลแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกจากกันมิได้ การที่จำเลยคนอื่นยื่นคำให้การต่อสู้เรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59(1) ให้ถือว่าจำเลยทำแทนซึ่งกันและกัน จำเลยอื่นจึงได้รับผลแห่งอายุความด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดตัวแทนโจทก์สั่งให้จำเลยส่งมอบช้างของกลางให้แก่อำเภอเพื่อขายทอดตลาดตามพระราชบัญญัติรักษาช้างป่า พ.ศ. 2464อายุความต้องเริ่มนับแต่ พ.ศ. 2494 อันเป็นวันที่สั่งให้จำเลยส่งมอบเพราะตั้งแต่วันที่สั่งให้ส่งนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับจำเลยได้แล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยร่วมกันส่งมอบช้างคืน มูลแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกจากกันมิได้ การที่จำเลยคนอื่นยื่นคำให้การต่อสู้เรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59(1) ให้ถือว่าจำเลยทำแทนซึ่งกันและกัน จำเลยอื่นจึงได้รับผลแห่งอายุความด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีชำระหนี้จากการส่งมอบช้างของกลาง เริ่มนับแต่วันที่สั่งให้ส่งมอบ ชำระหนี้แบ่งแยกไม่ได้ ผลกระทบต่อจำเลยอื่น
จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีว่า คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว แม้ในชั้นอุทธรณ์จำเลยจะอุทธรณ์ว่าโจทก์หมดสิทธิเรียกร้องตามมาตรา 1374, 1375 และ 1382 ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะยกมาตรา 164 ขึ้นมาปรับแก่คดีได้ เพราะจำเลยได้บรรยายข้อเท็จจริงในอุทธรณ์ไว้โดยชัดแจ้งแล้ว การจะปรับบทกฎหมายมาตราใดเป็นหน้าที่ของศาล
ผู้ว่าราชการจังหวัดตัวแทนโจทก์สั่งให้จำเลยส่งมอบข้างของกลางให้แก่อำเภอเพื่อขาดทอดตลาดตามพระราชบัญญัติรักษาช้างป่า พ.ศ. 2464 อายุความต้องเริ่มนับแต่ พ.ศ. 2494 อันเป็นวันที่สั่งให้จำเลยส่งมอบ เพราะตั้งแต่วันที่สั่งให้ส่งนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับจำเลยได้แล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยร่วมกันส่งมอบช้างคืน มูลแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกจากกันมิได้ การที่จำเลยคนอื่นยื่นคำให้การต่อสู้เรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59(1) ให้ถือว่าจำเลยทำแทนซึ่งกันและกัน จำเลยอื่นจึงได้รับผลแห่งอายุความด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดตัวแทนโจทก์สั่งให้จำเลยส่งมอบข้างของกลางให้แก่อำเภอเพื่อขาดทอดตลาดตามพระราชบัญญัติรักษาช้างป่า พ.ศ. 2464 อายุความต้องเริ่มนับแต่ พ.ศ. 2494 อันเป็นวันที่สั่งให้จำเลยส่งมอบ เพราะตั้งแต่วันที่สั่งให้ส่งนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับจำเลยได้แล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยร่วมกันส่งมอบช้างคืน มูลแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกจากกันมิได้ การที่จำเลยคนอื่นยื่นคำให้การต่อสู้เรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59(1) ให้ถือว่าจำเลยทำแทนซึ่งกันและกัน จำเลยอื่นจึงได้รับผลแห่งอายุความด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องชำระหนี้แทนกัน: สัญญาตัวแทนไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลย เป็นฟ้องในมูลหนี้ตามสัญญาตัวแทนแม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ก็ฟ้องร้องบังคับคดีได้
หมายเหตุ คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์โดยยังไม่ได้สำเนาฟ้องให้จำเลยจำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจำเลยฎีกาได้
หมายเหตุ คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์โดยยังไม่ได้สำเนาฟ้องให้จำเลยจำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจำเลยฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกเงินชำระหนี้แทนกันตามสัญญาตัวแทน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องร้องได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลย เป็นฟ้องในมูลหนี้ตามสัญญาตัวแทน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ฟ้องร้องบังคับคดีได้
หมายเหตุ คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์โดยยังไม่ได้สำเนาฟ้องให้จำเลย จำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจำเลยฎีกาได้
หมายเหตุ คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์โดยยังไม่ได้สำเนาฟ้องให้จำเลย จำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจำเลยฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมคำให้การหลังวันชี้สองสถาน: ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180(2)
จำเลยให้การว่า สัญญากู้ที่โจทก์ฟ้องนั้นเป็นสัญญาปลอม หลังวันชี้สองสถาน จำเลยขอเพิ่มเติมคำให้การเดิม แสดงความเป็นมาของสัญญาปลอมนั้น ความเป็นมาของสัญญาปลอมนั้นเป็นอย่างไร จำเลยย่อมทราบได้ดีก่อนวันชี้สองสถาน เมื่อจำเลยยื่นภายหลังวันชี้สองสถานและคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน คำร้องของจำเลยจึงต้องยกเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมคำให้การหลังวันชี้สองสถาน จำเลยต้องแสดงเหตุผลที่มิอาจยื่นก่อนได้ หากทราบข้อเท็จจริงแล้วตั้งแต่แรก
จำเลยให้การว่า สัญญากู้ที่โจทก์ฟ้องนั้นเป็นสัญญาปลอมหลังวันชี้สองสถานจำเลยขอเพิ่มเติมคำให้การเดิม แสดงความเป็นมาของสัญญาปลอมนั้น ความเป็นมาของสัญญาปลอมนั้นเป็นอย่างไร จำเลยย่อมทราบได้ดีก่อนวันชี้สองสถาน เมื่อจำเลยยื่นภายหลังวันชี้สองสถานและคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน คำร้อง ของจำเลยจึงต้องยกเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180(2)