พบผลลัพธ์ทั้งหมด 974 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาต้องระบุองค์ประกอบความผิดให้ชัดเจน การพิพากษาคดีต้องยึดข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย หากโจทก์ไม่โต้แย้ง
ความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต กับความผิดฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับไปกับสุราที่ขน องค์ความผิดต่างกัน เป็นความผิดคนละฐานกัน โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยขนสุราของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนถูกต้องแล้ว จะลงโทษจำเลยฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับการขนสุราของกลางอันเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งซึ่งโจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในคำฟ้อง ขอให้ลงโทษด้วยนั้น ย่อมไม่ได้
เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนสุราของกลางโดยชอบด้วยกฎหมายและโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงว่า จำเลยไม่มีใบอนุญาตขนสุรา หรือว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างนั้นไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลาง ความผิดฐานขนสุราของกลางโดยไม่มีใบอนุญาตจึงยุติ โจทก์จะมาฎีกาโต้เถียงว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลางหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249
(ประชุมใหญ่ ครั้ง 10/2509)
เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนสุราของกลางโดยชอบด้วยกฎหมายและโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงว่า จำเลยไม่มีใบอนุญาตขนสุรา หรือว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างนั้นไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลาง ความผิดฐานขนสุราของกลางโดยไม่มีใบอนุญาตจึงยุติ โจทก์จะมาฎีกาโต้เถียงว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลางหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249
(ประชุมใหญ่ ครั้ง 10/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่น การซื้อขาย และการโอนกรรมสิทธิ์โดยไม่ต้องจดทะเบียน
ผู้ร้องปลูกตึกพิพาทอยู่ในที่ดินของจำเลย และไม่ปรากฏว่าผู้ร้องปลูกตึกพิพาทเป็นการชั่วคราว ตึกพิพาทจึงเป็นส่วนควบของที่ดินของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 ต่อมาผู้ร้องได้ขายตึกพิพาทให้จำเลยจำเลยชำระค่าตึกบางส่วนแล้วก็ไม่ชำระอีก ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระ ดังนี้ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าผู้ร้องได้ขายตึกพิพาทให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเสร็จเด็ดขาดแล้ว ตึกพิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยไม่จำเป็นต้องไปทำการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อีก (อ้างฎีกาที่ 561/2488,1124/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ตึกบนที่ดินของผู้อื่น: การซื้อขายตึกเป็นส่วนควบของที่ดิน ทำให้กรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อ
ผู้ร้องปลูกตึกพิพาทอยู่ในที่ดินของจำเลย และไม่ปรากฏว่าผู้ร้องปลูกตึกพิพาทเป็นการชั่วคราว ตึกพิพาทจึงเป็นส่วนควบของที่ดินของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 ต่อมาผู้ร้องได้ขายตึกพิพาทให้จำเลย จำเลยชำระค่าตึกบางส่วนแล้วก็ไม่ชำระอีก ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระ ดังนี้ ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าผู้ร้องได้ขายตึกพิพาทให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเสร็จเด็ดขาดแล้ว ตึกพิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยไม่จำเป็นต้องไปทำการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อีก.
(อ้างฎีกาที่ 561/2488, 1124/2502)
(อ้างฎีกาที่ 561/2488, 1124/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผ่อนชำระหนี้และการเปลี่ยนแปลงข้อตกลง ศาลอนุญาตให้สืบพยานบุคคลได้หากข้อตกลงผ่อนผันมีผลผูกมัด
จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้แล้ว ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันใหม่ว่า โจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เดือนละ 500 บาท นับแต่เดือนมกราคม 2507 เป็นต้นไปแต่ทั้งนี้จะไม่ค้างให้เกิน 6 เดือน ส่วนเงิน 5,000 บาทที่จำเลยจะต้องชำระให้ในเดือนพฤศจิกายน 2506 โจทก์ตกลงให้จำเลยผ่อนระยะเวลาไปไม่เกิน 6 เดือน ดังนี้ มิใช่แปลงหนี้ใหม่
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้ต่อไป ถ้าเป็นจริงย่อมมีผลผูกมัดโจทก์ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือ จำเลยย่อมนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ (อ้างฎีกาที่ 782/2503)
จำเลยได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงในการต่อสู้คดีไว้ชัดแจ้งแล้ว การจะปรับเข้าบทกฎหมายใด ย่อมตกเป็นหน้าที่ของศาลที่จะยกมาใช้เอง (อ้างฎีกาที่ 183/2486)
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้ต่อไป ถ้าเป็นจริงย่อมมีผลผูกมัดโจทก์ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือ จำเลยย่อมนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ (อ้างฎีกาที่ 782/2503)
จำเลยได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงในการต่อสู้คดีไว้ชัดแจ้งแล้ว การจะปรับเข้าบทกฎหมายใด ย่อมตกเป็นหน้าที่ของศาลที่จะยกมาใช้เอง (อ้างฎีกาที่ 183/2486)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผ่อนชำระหนี้และการนำสืบพยานข้อตกลงนอกเอกสาร ศาลต้องเปิดโอกาสให้จำเลยสืบพยานได้
จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้แล้ว ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันใหม่ว่า โจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เดือนละ 500 บาท นับแต่เดือนมกราคม 2507 เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้จะไม่ค้างให้เกิน 6 เดือน ส่วนเงิน 5,000 บาทที่จำเลยจะต้องชำระให้ในเดือนพฤศจิกายน 2506 โจทก์ตกลงให้จำเลยผ่อนระยะเวลาไปไม่เกิน 6 เดือน ดังนี้ มิใช่แปลงหนี้ใหม่
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้ต่อไป ถ้าเป็นจริงย่อมมีผลผูกมัดโจทก์ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือ จำเลยย่อมนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ (อ้างฎีกาที่ 782/2503)
จำเลยได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงในการต่อสู้คดีไว้ชัดแจ้งแล้ว การจะปรับเข้าบทกฎหมายใด ย่อมตกเป็นหน้าที่ของศาลที่จะยกมาใช้เอง (อ้างฎีกาที่ 183/2486).
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้ต่อไป ถ้าเป็นจริงย่อมมีผลผูกมัดโจทก์ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือ จำเลยย่อมนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ (อ้างฎีกาที่ 782/2503)
จำเลยได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงในการต่อสู้คดีไว้ชัดแจ้งแล้ว การจะปรับเข้าบทกฎหมายใด ย่อมตกเป็นหน้าที่ของศาลที่จะยกมาใช้เอง (อ้างฎีกาที่ 183/2486).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 825/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การแก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยโดยศาลอุทธรณ์ ทำให้จำเลยไม่สามารถฎีกาในข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงสิทธิครอบครองที่ดินทุนทรัพย์ 3,100 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองเพียงครึ่งหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินทั้งหมด ดังนี้ถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248(อ้างฎีกาที่ 497/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 825/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขสิทธิครอบครองที่ดินในชั้นอุทธรณ์: ข้อจำกัดในการฎีกา
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงสิทธิครอบครองที่ดินทุนทรัพย์ 3,100 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองเพียงครึ่งหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินทั้งหมด ดังนี้ ถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248.
(อ้างฎีกาที่ 497/2500)
(อ้างฎีกาที่ 497/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การที่ทั้งสองฝ่ายยังมิได้ดำเนินการตามสัญญาซื้อขายที่ดินจนถึงวันฟ้อง ถือเป็นเหตุให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่โจทก์จำเลยยังมิได้ไปทำนิติกรรมโอนขายที่ดินต่อกันตามสัญญา ต่างปล่อยปละละเลยเรื่อยมาจนถึงวันฟ้องเพราะโจทก์กับจำเลยยังมิได้กำหนดวันไปทำนิติกรรมโอนขายที่ดินรายนี้แก่กัน จะถือว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ผิดนัดผิดสัญญายังไม่ได้ เมื่อยังไม่มีฝ่ายใดผิดนัดผิดสัญญา อำนาจฟ้องร้องจึงยังไม่เกิดขึ้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การที่คู่สัญญายังมิได้ทำนิติกรรมโอนขาย และต่างปล่อยปละละเลยจนถึงวันฟ้อง ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องร้อง
การที่โจทก์จำเลยยังมิได้ไปทำนิติกรรมโอนขายที่ดินต่อกันตามสัญญา ต่างปล่อยปละละเลยเรื่อยมาจนถึงวันฟ้องเพราะโจทก์กับจำเลยยังมิได้กำหนดวันไปทำนิติกรรมโอนขายที่ดินรายนี้แก่กันจะถือว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ผิดนัดผิดสัญญายังไม่ได้เมื่อยังไม่มีฝ่ายใดผิดนัดผิดสัญญา อำนาจฟ้องร้องจึงยังไม่เกิดขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 748/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลเกี่ยวกับการไถ่ถอนการขายฝาก และการเกิดหนี้ตามคำพิพากษา
คดีที่ศาลพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิไถ่ถอนการขายฝากได้นั้น ศาลบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วัน ย่อมเป็นการบังคับทั้งโจทก์และจำเลย แต่เมื่อพ้นระยะเวลา 15 วันตามคำบังคับจะถือว่าเป็นอันหมดสิทธิไถ่ถอนยังไม่ได้ เพราะคำพิพากษามิได้กล่าวไว้เช่นนั้น เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะขอให้ดำเนินการบังคับคดีให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271
เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาแล้วย่อมเกิดเป็นหนี้ตามคำพิพากษาขึ้น โจทก์จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษานั้น โดยโจทก์จำเลยต่างก็กลายสภาพเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา อันจะบังคับกันได้ภายในกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 หาใช่เป็นการขยายระยะเวลาไถ่ถอนไม่.
เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาแล้วย่อมเกิดเป็นหนี้ตามคำพิพากษาขึ้น โจทก์จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษานั้น โดยโจทก์จำเลยต่างก็กลายสภาพเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา อันจะบังคับกันได้ภายในกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 หาใช่เป็นการขยายระยะเวลาไถ่ถอนไม่.