คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ศริ มลิลา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 974 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1584/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันอันตรายถึงชีวิตจากอาวุธดักทำร้าย
โจทก์กับจำเลยโต้เถียงทะเลาะวิวาทกันจนจำเลยถูกโจทก์ตีทำร้ายถูกแสกหน้าแตกโลหิตไหล และเหตุการณ์ยุติลงไปแล้วตอนหนึ่ง ต่อมาจำเลยเดินกลับบ้านพบโจทก์ถือไม้กระทู้เป็นไม้ไผ่โตเท่าข้อมือ ยาวประมาณ 2 ศอก มายืนคอยดักทำร้าย ขณะที่จำเลยเข้าไปยังห่างโจทก์ 1 วา โจทก์เงื้อไม้ที่ถืออยู่ขึ้นจะตีศีรษะจำเลย จำเลยจึงใช้ปืนยิงถูกมือโจทก์แล้ววิ่งหนี หากจำเลยไม่ยิง จำเลยอาจถูกโจทก์ตีศีรษะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนี้ เป็นการใช้อาวุธปืนยิงป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1584/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันอันตรายถึงชีวิตจากอาวุธ
โจทก์กับจำเลยโต้เถียงทะเลาะวิวาทกันจนจำเลยถูกโจทก์ตีทำร้ายถูกแสกหน้าแตกโลหิตไหล และเหตุการณ์ยุติลงไปแล้วตอนหนึ่งต่อมาจำเลยเดินกลับบ้านพบโจทก์ถือไม้กระทู้เป็นไม้ไผ่โตเท่าข้อมือยาวประมาณ 2 ศอก มายืนคอยดักทำร้าย ขณะที่จำเลยเข้าไปยังห่างโจทก์ 1 วา โจทก์เงื้อไม้ที่ถืออยู่ขึ้นจะตีศีรษะจำเลย จำเลยจึงใช้ปืนยิงถูกมือโจทก์แล้ววิ่งหนี หากจำเลยไม่ยิง จำเลยอาจถูกโจทก์ตีศีรษะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนี้ เป็นการใช้อาวุธปืนยิงป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาในศาลแขวง: แม้พ้นกำหนดผัดฟ้อง อธิบดีกรมอัยการยังอนุญาตฟ้องได้
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499 มาตรา 9 ได้ให้อำนาจอธิบดีกรมอัยการไว้อย่างกว้างขวางในอันที่จะพิจารณาเป็นราย ๆ ไปว่า คดีอาญาคดีใดที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาได้ เมื่อมีการจับตัวผู้ต้องหาแล้ว หากผู้ว่าคดีมิได้ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงให้ทันภายในกำหนดเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับก็ดี หรือเมื่อพ้นกำหนดเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงไปแล้วมิได้มีการขอผัดฟ้องก็ดี อธิบดีกรมอัยการจะเห็นสมควรอนุญาตให้ฟ้องคดีนั้น ๆ หรือไม่ แม้ในการสอบสวนไม่มีการขอผัดฟ้อง ทั้ง ๆ ที่ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวตลอดมานับแต่วันเวลาที่จำเลยถูกจับก็ตามเมื่ออธิบดีกรมอัยการได้พิจารณาแล้ว อนุญาตให้ฟ้องจำเลยในข้อหาดังกล่าวได้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
บทบัญญัติมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯมุ่งถึงการควบคุมตัวผู้ต้องหาเป็นสารสำคัญ ส่วนกำหนดเวลาที่พนักงานสอบสวนหรือผู้ว่าคดีจะต้องปฏิบัติในการยื่นฟ้องหรือขอผัดฟ้องผู้ต้องหา ย่อมเป็นไปตามมาตรา 7 อำนาจของอธิบดีกรมอัยการตามความในมาตรา 9หาได้ถูกลบล้างแต่ประการใดไม่ (อ้างฎีกาที่ 661/2503 และ 133/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาในศาลแขวง: อธิบดีกรมอัยการมีอำนาจอนุญาตฟ้องได้ แม้พ้นกำหนดผัดฟ้อง
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499 มาตรา 9 ได้ให้อำนาจอธิบดีกรมอัยการไว้อย่างกว้างขวางในอันที่จะพิจารณาเป็นราย ๆ ไปว่า คดีอาญาคดีใดที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาได้ เมื่อมีการจับตัวผู้ต้องหาแล้ว หากผู้ว่าคดีมิได้ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงให้ทันภายในกำหนดเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับก็ดี หรือเมื่อพ้นกำหนดเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงไปแล้วมิได้มีการขอผัดฟ้องก็ดี อธิบดีกรมอัยการจะเห็นสมควรอนุญาตให้ฟ้องคดีนั้น ๆ หรือไม่ แม้ในการสอบสวนไม่มีการขอผัดฟ้องทั้ง ๆ ที่ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวตลอดมานับแต่วันเวลาที่จำเลยถูกจับก็ตามเมื่ออธิบดีกรมอัยการได้พิจารณาแล้วอนุญาตให้ฟ้องจำเลยในข้อหาดังกล่าวได้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
บทบัญญัติมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯมุ่งถึงการควบคุมตัวผู้ต้องหาเป็นสารสำคัญ ส่วนกำหนดเวลาที่พนักงานสอบสวนหรือผู้ว่าคดีจะต้องปฏิบัติในการยื่นฟ้องหรือขอผัดฟ้องผู้ต้องหา ย่อมเป็นไปตามมาตรา 7 อำนาจของอธิบดีกรมอัยการตามความในมาตรา 9 หาได้ถูกลบล้างแต่ ประการใดไม่ (อ้างฎีกาที่ 661/2503 และ 133/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1487/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์ก่อนล้มละลายเพื่อเอื้อประโยชน์เจ้าหนี้รายหนึ่งเป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของกฎหมายล้มละลาย ศาลมีอำนาจเพิกถอนได้
ก่อนฟ้องคดีแปดวัน ลูกหนี้ได้โอนขายอาคารโรงเรียนซึ่งปลูกอยู่ในที่เช่าให้แก่เจ้าของที่ดินที่เช่า คือ ผู้คัดค้านในคดีนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ด้วยคนหนึ่งในราคา 300,000 บาท (น้อยกว่าราคาจริง)โดยไม่มีการชำระราคากัน แต่มีข้อสัญญาว่า หนี้สินต่าง ๆ ของลูกหนี้ให้ผู้คัดค้านรับเป็นลูกหนี้ชำระให้เอง ส่วนหนี้สินต่าง ๆของผู้คัดค้านที่ค้างอยู่กับลูกหนี้ ผู้คัดค้านยอมยกให้แก่ลูกหนี้ทั้งหมดลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอย่างอื่นอีก การรับโอนของผู้คัดค้านและวิธีการชำระหนี้ของลูกหนี้ดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งประสงค์ให้เจ้าหนี้ทั้งหลายได้รับชำระหนี้โดยเสมอหน้ากัน การโอนทรัพย์ของลูกหนี้ดังกล่าวเห็นได้ว่า ทำให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ซึ่งมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1487/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์ก่อนล้มละลายเพื่อเอื้อประโยชน์เจ้าหนี้รายหนึ่งขัดเจตนารมณ์กฎหมายล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิเพิกถอนได้
ก่อนฟ้องคดีแปดวัน ลูกหนี้ได้โอนขายอาคารโรงเรียนซึ่งปลูกอยู่ในที่เช่าให้แก่เจ้าของที่ดินที่เช่า คือผู้คัดค้านในคดีนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ด้วยคนหนึ่งในราคา 300,000 บาท (น้อยกว่าราคาจริง)โดยไม่มีการชำระราคากัน แต่มีข้อสัญญาว่า หนี้สินต่าง ๆ ของลูกหนี้ให้ผู้คัดค้านรับเป็นลูกหนี้ชำระให้เอง ส่วนหนี้สินต่าง ๆของผู้คัดค้านที่ค้างอยู่กับลูกหนี้ ผู้คัดค้านยอมยกให้แก่ลูกหนี้ทั้งหมดลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอย่างอื่นอีก การรับโอนของผู้คัดค้านและวิธีการชำระหนี้ของลูกหนี้ดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งประสงค์ให้เจ้าหนี้ทั้งหลายได้รับชำระหนี้โดยเสมอหน้ากัน การโอนทรัพย์ของลูกหนี้ดังกล่าวเห็นได้ว่า ทำให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ซึ่งมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามคำสั่งศาลไม่เป็นความผิดอาญา แม้ถูกยึดตามคำพิพากษาอื่น
ศาลออกคำบังคับให้จำเลยรื้อบ้านของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ปรากฏว่าบ้านนี้ถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งนำยึดไว้เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ แม้กระนั้นจำเลยก็ต้องรื้อบ้านไปตามคำบังคับ การรื้อบ้านตามคำสั่งศาลเช่นนี้ไม่เป็นความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามคำบังคับศาล ไม่ถือเป็นความผิดอาญา แม้ถูกยึดตามคำพิพากษาอื่น
ศาลออกคำบังคับให้จำเลยรื้อบ้านของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ปรากฏว่าบ้านนี้ถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งนำยึดไว้เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ แม้กระนั้นจำเลยก็ต้องรื้อบ้านไปตามคำบังคับ การรื้อบ้านตามคำสั่งศาลเช่นนี้ ไม่เป็นความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทหลังสัญญาประนีประนอมยอมความ: โจทก์ต้องดำเนินการในคดีเดิม ไม่ฟ้องใหม่
การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องเป็นการกระทำโดยมิชอบนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีของศาลแพ่งแดงที่ 1696/2512ระหว่าง ป. โจทก์ ว. จำเลย ซึ่งทำยอมความกันไว้เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2512 ซึ่งข้อ 5 มีความว่า โจทก์จำเลยตกลงให้มีกรรมการตรวจงาน 3 นาย ให้กรรมการทั้ง 3 นาย มีอำนาจชี้ขาดว่าการก่อสร้างแล้วเสร็จตามข้อตกลงหรือไม่ ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2512 กรรมการตรวจงานทั้งสามคนได้ไปตรวจงานก่อสร้างทุกรายการตามสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าโจทก์จำเลยในคดีนั้นแล้ว เห็นว่าผลงานก่อสร้างทุกรายการตามสัญญาประนีประนอมยอมความเสร็จเรียบร้อยใช้การได้ และฝีมือช่างที่ก่อสร้างอยู่ในขั้นปราณีตใช้การได้ดี ปรากฏเช่นนี้ โจทก์มาบรรยายฟ้องคดีนี้ว่า การตรวจงานของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4(หมายถึงคณะกรรมการตรวจงานในคดีแรก) ไม่ได้กระทำการโดยสุจริตฯลฯ กรณีดังที่กล่าวมาเห็นได้ชัดแจ้งว่า ข้อโต้แย้งของโจทก์ในคดีนี้เป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1696/2512 โจทก์ชอบที่จะต้องขอให้ดำเนินกระบวนการพิจารณาให้รู้ว่าคณะกรรมการผู้ตรวจงานทำถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ในคดีเดิม ไม่ชอบที่จะมาฟ้องเป็นคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเกี่ยวกับการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ต้องดำเนินการในสำนวนคดีเดิม
การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องเป็นการกระทำโดยมิชอบนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีของศาลแพ่งแดงที่ 1696/2512 ระหว่าง ป. โจทก์ ว. จำเลย ซึ่งทำยอมความกันไว้เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2512 ซึ่งข้อ 5 มีความว่า โจทก์จำเลยตกลงให้มีกรรมการตรวจงาน 3 นาย ให้กรรมการทั้ง 3 นาย มีอำนาจชี้ขาดว่าการก่อสร้างแล้วเสร็จตามข้อตกลงหรือไม่ ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2512 กรรมการตรวจงานทั้งสามคนได้ไปตรวจงานก่อสร้างทุกรายการตามสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าโจทก์ จำเลยในคดีนั้นแล้ว เห็นว่าผลงานก่อสร้างทุกรายการตามสัญญาประนีประนอมยอมความเสร็จเรียบร้อยใช้การได้ และฝีมือช่างที่ก่อสร้างอยู่ในขั้นประณีตใช้การได้ดี ปรากฏเช่นนี้ โจทก์มาบรรยายฟ้องคดีนี้ว่า การตรวจงานของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 (หมายถึงคณะกรรมการตรวจงานในคดีแรก) ไม่ได้กระทำการโดยสุจริต ฯลฯ กรณีดังที่กล่าวมาเห็นได้ชัดแจ้งว่า ข้อโต้แย้งของโจทก์ในคดีนี้เป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1696/2512 โจทก์ชอบที่จะต้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้รู้ว่าคณะกรรมการผู้ตรวจงานทำถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ในคดีเดิม ไม่ชอบที่จะมาฟ้องเป็นคดีใหม่
of 98