พบผลลัพธ์ทั้งหมด 349 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินโดยบริษัทที่มีกรรมการเป็นชาวต่างชาติ และผลกระทบของประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 96 และ 97
โจทก์เป็นผู้ออกเงินซื้อที่พิพาทและทำการก่อสร้างโกดังขึ้นบนที่แปลงนี้เพื่อใช้ในกิจการของบริษัทโจทก์ เหตุที่โจทก์ไม่ลงชื่อเป็นผู้ซื้อในโฉนดเป็นเพราะกรรมการคนหนึ่งในบริษัทโจทก์เป็นบุคคลต่างด้าว ซึ่งตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 97 บัญญัติให้โจทก์มีฐานะเสมือนคนต่างด้าวในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน กรรมการบริษัทโจทก์จึงตกลงให้โอนโฉนดจากผู้ขายมาเป็นชื่อ ส. ต้องถือว่า ส. ได้มาซึ่งที่ดินในฐานะเป็นเจ้าของแทนนิติบุคคล ซึ่งกฎหมายให้ถือเสมือนคนต่างด้าว โจทก์จะเรียกร้องเอาที่ดินมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนไม่ได้ ที่พิพาทรายนี้ตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 96 แม้ต่อมามีคำสั่งของคณะปฏิวัติฉบับที่ 49 ยกเลิกประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 97 (5) เสียก็ตามคำสั่งของคณะปฏิวัติดังกล่าวก็หามีผลย้อนหลังไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาที่ดินได้แต่อย่างใด ผลต่อไปต้องบังคับตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 96 ซึ่งเป็นบทบัญญัติในเรื่องนี้โดยเฉพาะจะต้องให้อธิบดีกรมที่ดินจำหน่ายที่พิพาทเสีย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2513)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินกรณีมีบุคคลต่างด้าวเป็นกรรมการบริษัท: การโอนชื่อและผลกระทบจากคำสั่งคณะปฏิวัติ
โจทก์เป็นผู้ออกเงินซื้อที่พิพาทและทำการก่อสร้างโกดังขึ้นบนที่แปลงนี้เพื่อใช้ในกิจการของบริษัทโจทก์ เหตุที่โจทก์ไม่ลงชื่อเป็นผู้ซื้อในโฉนดเป็นเพราะกรรมการคนหนึ่งในบริษัทโจทก์เป็นบุคคลต่างด้าว ซึ่งตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 97 บัญญัติให้โจทก์มีฐานะเสมือนคนต่างด้าวในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน กรรมการบริษัทโจทก์จึงตกลงให้โอนโฉนดจากผู้ขายมาเป็นชื่อ ส. ต้องถือว่า ส. ได้มาซึ่งที่ดินในฐานะเป็นเจ้าของแทนนิติบุคคลซึ่งกฎหมายให้ถือเสมือนคนต่างด้าว โจทก์จะเรียกร้องเอาที่ดินมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนไม่ได้ ที่พิพาทรายนี้ตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 96 แม้ต่อมามีคำสั่งของคณะปฏิวัติฉบับที่ 49 ยกเลิกประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 97(5) เสียก็ตามคำสั่งของคณะปฏิวัติดังกล่าวก็หามีผลย้อนหลังไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาที่ดินได้แต่อย่างใด ผลต่อไปต้องบังคับตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 96 ซึ่งเป็นบทบัญญัติในเรื่องนี้โดยเฉพาะจะต้องให้อธิบดีกรมที่ดินจำหน่ายที่พิพาทเสีย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 715/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปิดเผยข้อมูลสุขภาพของผู้เอาประกันภัย สัญญาประกันชีวิตไม่เป็นโมฆียะหากข้อมูลที่ไม่เปิดเผยไม่กระทบต่อการรับประกัน
การละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 จะต้องพิจารณาถึงความสำคัญของข้อความที่ละเว้นไม่เปิดเผยด้วยมิใช่ว่าถ้ามีการปกปิดความจริงแล้วจะทำให้สัญญาประกันภัยเป็นโมฆียะไปเสียทั้งหมด
โรคไส้เลื่อนมิใช่เป็นโรคอันตรายร้ายแรง เมื่อผ่าตัดแล้วอาจหายไปได้การที่ผู้เอาประกันมิได้แจ้งเรื่องเคยเป็นโรคนี้ และได้รับการผ่าตัดมาก่อนให้ทราบ ยังไม่ถึงขนาดที่จะอนุมานเอาได้ว่าถ้าได้แจ้งเช่นนั้นผู้รับประกันภัยจะบอกปัดไม่รับประกัน หรือเรียกเบี้ยประกันให้สูงขึ้น จึงไม่ทำให้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ
โรคไส้เลื่อนมิใช่เป็นโรคอันตรายร้ายแรง เมื่อผ่าตัดแล้วอาจหายไปได้การที่ผู้เอาประกันมิได้แจ้งเรื่องเคยเป็นโรคนี้ และได้รับการผ่าตัดมาก่อนให้ทราบ ยังไม่ถึงขนาดที่จะอนุมานเอาได้ว่าถ้าได้แจ้งเช่นนั้นผู้รับประกันภัยจะบอกปัดไม่รับประกัน หรือเรียกเบี้ยประกันให้สูงขึ้น จึงไม่ทำให้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 715/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปิดเผยข้อมูลสุขภาพในการทำประกันชีวิต: การปกปิดโรคไส้เลื่อนไม่ถึงขนาดทำให้สัญญาเป็นโมฆียะ
การละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 จะต้องพิจารณาถึงความสำคัญของข้อความที่ละเว้นไม่เปิดเผยด้วยมิใช่ว่าถ้ามีการปกปิดความจริงแล้วจะทำให้สัญญาประกันภัยเป็นโมฆียะไปเสียทั้งหมด
โรคไส้เลื่อนมิใช่เป็นโรคอันตรายร้ายแรง เมื่อผ่าตัดแล้วอาจหายไปได้การที่ผู้เอาประกันมิได้แจ้งเรื่องเคยเป็นโรคนี้ และได้รับการผ่าตัดมาก่อนให้ทราบ ยังไม่ถึงขนาดที่จะอนุมานเอาได้ว่า ถ้าได้แจ้งเช่นนั้นผู้รับประกันภัยจะบอกปัดไม่รับประกันหรือเรียกเบี้ยประกันให้สูงขึ้น จึงไม่ทำให้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ
โรคไส้เลื่อนมิใช่เป็นโรคอันตรายร้ายแรง เมื่อผ่าตัดแล้วอาจหายไปได้การที่ผู้เอาประกันมิได้แจ้งเรื่องเคยเป็นโรคนี้ และได้รับการผ่าตัดมาก่อนให้ทราบ ยังไม่ถึงขนาดที่จะอนุมานเอาได้ว่า ถ้าได้แจ้งเช่นนั้นผู้รับประกันภัยจะบอกปัดไม่รับประกันหรือเรียกเบี้ยประกันให้สูงขึ้น จึงไม่ทำให้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของเจ้าหนี้ในการฟ้องทายาท และขอบเขตความรับผิดของทายาทในหนี้สินของกองมรดก
ทายาทอาจถูกเจ้าหนี้กองมรดกฟ้องได้เสมอ แต่ทายาทนั้นไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตนได้รับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของทายาทต่อหนี้สินของกองมรดก
ทายาทอาจถูกเจ้าหนี้กองมรดกฟ้องได้เสมอ แต่ทายาทนั้นไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตนได้รับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดและการสืบสิทธิในที่ดินมือเปล่า ผู้ซื้อสืบสิทธิได้ตามมาตรา 1330 แม้การซื้อขายต่อมาไม่เป็นไปตามแบบ
ว. เป็นผู้ซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต สิทธิของ ว. ย่อมเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 จำเลยจะกล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยมิใช่ของ ท. ลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ได้ที่พิพาทต้องตกเป็นของ ว. โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่พิพาทจาก ว. อีกต่อหนึ่งแม้การซื้อขายระหว่างโจทก์กับ ว. ไม่ได้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้โจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้ ถือว่าโจทก์ได้สืบสิทธิของ ว. ซึ่งมีอยู่ตามมาตรา 1330
(เกี่ยวกับอำนาจฟ้องวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2513)
(เกี่ยวกับอำนาจฟ้องวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิที่ได้จากการซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดและการสืบสิทธิของผู้ซื้อต่อ
ว. เป็นผู้ซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต สิทธิของ ว. ย่อมเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 จำเลยจะกล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยมิใช่ของ ท. ลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ได้ที่พิพาทต้องตกเป็นของ ว. โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่พิพาทจาก ว. อีกต่อหนึ่งแม้การซื้อขายระหว่างโจทก์กับ ว. ไม่ได้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้โจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้ ถือว่าโจทก์ได้สืบสิทธิของ ว. ซึ่งมีอยู่ตามมาตรา 1330 (เกี่ยวกับอำนาจฟ้องวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันคู่ความ ห้ามเถียงรื้อฟื้นประเด็นเดิม
เดิมจำเลยฟ้องขอให้ถอนชื่อโจทก์จากโฉนดโดยอ้างว่าที่ดินเป็นของจำเลย โจทก์ต่อสู้ว่าบุคคลภายนอกยกที่ดินให้แก่โจทก์ ศาลคดีเดิมพิพากษาคดีถึงที่สุดว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย คำพิพากษาของศาลคดีเดิมย่อมผูกพันโจทก์จำเลย ดังนั้น การที่โจทก์กลับมาฟ้องกล่าวอ้างว่า จำเลยแบ่งขายที่พิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่งจึงเท่ากับเป็นการเถียงรื้อฟื้นคดีเดิมว่าที่พิพาทไม่ใช่เป็นของจำเลยทั้งหมด แต่เป็นของโจทก์ครึ่งหนึ่ง กรณีจึงเป็นการฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คำพิพากษาคดีเดิมผูกพันคู่ความ การฟ้องกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ใหม่จึงเป็นการเถียงรื้อฟื้นคดี
เดิมจำเลยฟ้องขอให้ถอนชื่อโจทก์จากโฉนดโดยอ้างว่าที่ดินเป็นของจำเลย โจทก์ต่อสู้ว่าบุคคลภายนอกยกที่ดินให้แก่โจทก์ ศาลคดีเดิมพิพากษา คดีถึงที่สุดว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย คำพิพากษาของศาลคดีเดิมย่อมผูกพันโจทก์จำเลย ดังนั้น การที่โจทก์กลับมาฟ้องกล่าวอ้างว่า จำเลยแบ่งขายที่พิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่งจึงเท่ากับเป็นการเถียงรื้อฟื้นคดีเดิมว่า ที่พิพาทไม่ใช่เป็นของจำเลยทั้งหมด แต่เป็นของโจทก์ครึ่งหนึ่ง กรณีจึงเป็นการฟ้องซ้ำ