พบผลลัพธ์ทั้งหมด 349 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมแปลงพินัยกรรมและการฟ้องคดีอาญา ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้อง แม้พินัยกรรมจะไม่ใช่เอกสารฝ่ายเมือง
การที่จำเลยสมคบกันปลอมพินัยกรรมขึ้นแล้วนำพินัยกรรมปลอมไปใช้ย่อมทำให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมฉบับที่แท้จริงได้รับความเสียหาย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
ในชั้นแรก แม้จะได้ฟ้องบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยอื่นไว้ แต่โจทก์ได้ถอนฟ้องคนเหล่านี้ไปก่อนที่จะลงมือสืบพยานโจทก์ ขณะที่เบิกความเป็นพยานโจทก์บุคคลดังกล่าวไม่ได้อยู่ในฐานะเป็นจำเลย กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 232
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยร่วมกันปลอมแปลงพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองแต่ทางพิจารณาปรากฏว่าพินัยกรรมฉบับแท้จริงไม่ได้กระทำโดยกรมการอำเภอตามกฎหมายพินัยกรรมนั้น จึงไม่ใช่เป็นเอกสารฝ่ายเมืองก็เป็นข้อแตกต่างที่ไม่ใช่สารสำคัญ ศาลจะยกฟ้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง หาได้ไม่
ในชั้นแรก แม้จะได้ฟ้องบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยอื่นไว้ แต่โจทก์ได้ถอนฟ้องคนเหล่านี้ไปก่อนที่จะลงมือสืบพยานโจทก์ ขณะที่เบิกความเป็นพยานโจทก์บุคคลดังกล่าวไม่ได้อยู่ในฐานะเป็นจำเลย กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 232
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยร่วมกันปลอมแปลงพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองแต่ทางพิจารณาปรากฏว่าพินัยกรรมฉบับแท้จริงไม่ได้กระทำโดยกรมการอำเภอตามกฎหมายพินัยกรรมนั้น จึงไม่ใช่เป็นเอกสารฝ่ายเมืองก็เป็นข้อแตกต่างที่ไม่ใช่สารสำคัญ ศาลจะยกฟ้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีปลอมแปลงพินัยกรรม การถอนฟ้องจำเลย และการพิพากษาคดีอาญา
การที่จำเลยสมคบกันปลอมพินัยกรรมขึ้น แล้วนำพินัยกรรมปลอมไปใช้ ย่อมทำให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมฉบับที่แท้จริงได้รับความเสียหาย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
ในชั้นแรก แม้จะได้ฟ้องบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยอื่นไว้ แต่โจทก์ได้ถอนฟ้องคนเหล่านี้ไปก่อนที่จะลงมือสืบพยานโจทก์ ขณะที่เบิกความเป็นพยานโจทก์ บุคคลดังกล่าวไม่ได้อยู่ในฐานะเป็นจำเลย กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 232
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยร่วมกันปลอมแปลงพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง แต่ทางพิจารณาปรากฏว่าพินัยกรรมฉบับแท้จริงไม่ได้กระทำโดยกรมการอำเภอ ตามกฎหมายพินัยกรรมนั้น จึงไม่ใช่เป็นเอกสารฝ่ายเมือง ก็เป็นข้อแตกต่างที่ไม่ใช่สารสำคัญ ศาลจะยกฟ้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2 หาได้ไม่
ในชั้นแรก แม้จะได้ฟ้องบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยอื่นไว้ แต่โจทก์ได้ถอนฟ้องคนเหล่านี้ไปก่อนที่จะลงมือสืบพยานโจทก์ ขณะที่เบิกความเป็นพยานโจทก์ บุคคลดังกล่าวไม่ได้อยู่ในฐานะเป็นจำเลย กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 232
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยร่วมกันปลอมแปลงพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง แต่ทางพิจารณาปรากฏว่าพินัยกรรมฉบับแท้จริงไม่ได้กระทำโดยกรมการอำเภอ ตามกฎหมายพินัยกรรมนั้น จึงไม่ใช่เป็นเอกสารฝ่ายเมือง ก็เป็นข้อแตกต่างที่ไม่ใช่สารสำคัญ ศาลจะยกฟ้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขาดไร้อุปการะจากบุตรเสียชีวิต: สิทธิบิดาแม้ฐานะดี ไม่ต้องพิสูจน์ความยากไร้
ในกรณีบุตรถูกทำละเมิดถึงตาย บิดาย่อมมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนสำหรับค่าขาดไร้อุปการะได้ ทั้งนี้มิพักต้องคำนึงถึงฐานะทางการเงินว่าเป็นอยู่อย่างไรและได้รับอุปการะอยู่ขณะบุตรตายหรือไม่ เพราะค่าสินไหมทดแทนส่วนนี้หมายรวมถึงการสูญสิ้นซึ่งความคาดหวังในอุปการะจากบุตรหากตนมีอันต้องยากไร้ลงในเวลาภายหน้าด้วย ฉะนั้นจะนำหลักเกณฑ์การเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างผู้มีความสัมพันธ์ทางครอบครัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 มาใช้มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขาดไร้อุปการะจากบุตรเสียชีวิต: สิทธิบิดาแม้มีฐานะดี ไม่จำกัดเฉพาะผู้ยากไร้
ในกรณีบุตรถูกทำละเมิดถึงตาย บิดาย่อมมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนสำหรับค่าขาดไร้อุปการะได้ ทั้งนี้มิพักต้องคำนึงถึงฐานะทางการเงินว่าเป็นอยู่อย่างไรและได้รับอุปการะอยู่ขณะบุตรตายหรือไม่ เพราะค่าสินไหมทดแทนส่วนนี้หมายรวมถึงการสูญสิ้นซึ่งความคาดหวังในอุปการะจากบุตรหากตนมีอันต้องยากไร้ลงในเวลาภายหน้าด้วย ฉะนั้นจะนำหลักเกณฑ์การเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างผู้มีความสัมพันธ์ทางครอบครัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 มาใช้มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าตึกสร้างยังไม่เสร็จ: จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบหากผู้รับเหมาไม่สร้างเสร็จ
จำเลยทำสัญญากับ ว.และท. ให้คนทั้งสองออกทุนทำการก่อสร้างตึกแถวลงบนที่ดินของจำเลย จำเลยยอมให้ผู้ก่อสร้างนำอาคารออกเรียกเงินกินเปล่า และจำเลยจะทำสัญญาให้เช่าแก่บุคคลที่ผู้รับก่อสร้างนำมา ต่อมาด้วยความยินยอมของ ว.และท. จำเลยนำอาคารที่กำลังก่อสร้างมาให้โจทก์เช่า เนื่องจาก ว.และท.ขาดเงินที่จะใช้ทำการก่อสร้างต่อไป ว.และท.จึงกู้เงินโจทก์ 200,000 บาท โจทก์เกี่ยงจะได้หลักประกัน ในที่สุดได้มีการโอนสิทธิการเช่าตึก 10 ห้องที่ยังสร้างไม่เสร็จให้โจทก์ โดยวิธีให้โจทก์ทำสัญญาเช่ากับจำเลยโดยตรง การที่จำเลยยอมทำสัญญาเช่ากับโจทก์โดยสัญญาระบุไว้ว่า เช่าตึกแถวที่กำลังก่อสร้าง เป็นการยืนยันให้เห็นว่าจำเลยไม่รับรู้ในเรื่องที่ว่าจะได้มีการก่อสร้างตึกให้แล้วเสร็จหรือไม่ ทั้งในสัญญาเช่าก็ไม่ได้ระบุว่าถ้าตึกสร้างไม่เสร็จจะมีผลประการใด การที่ตึกแถวสร้างไม่แล้วเสร็จ ไม่ใช่ความผิดของจำเลย โจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดชอบในการก่อสร้างตึกเมื่อสัญญาเช่าระบุสถานะ 'กำลังก่อสร้าง' และการขาดเงินทุนของผู้รับเหมา
จำเลยทำสัญญากับ ว.และท. ให้คนทั้งสองออกทุนทำการก่อสร้างตึกแถวลงบนที่ดินของจำเลย. จำเลยยอมให้ผู้ก่อสร้างนำอาคารออกเรียกเงินกินเปล่า. และจำเลยจะทำสัญญาให้เช่าแก่บุคคลที่ผู้รับก่อสร้างนำมา. ต่อมาด้วยความยินยอมของ ว.และท.. จำเลยนำอาคารที่กำลังก่อสร้างมาให้โจทก์เช่า เนื่องจาก ว.และท.ขาดเงินที่จะใช้ทำการก่อสร้างต่อไป. ว.และท.จึงกู้เงินโจทก์ 200,000บาท. โจทก์เกี่ยงจะได้หลักประกัน. ในที่สุดได้มีการโอนสิทธิการเช่าตึก 10 ห้องที่ยังสร้างไม่เสร็จให้โจทก์. โดยวิธีให้โจทก์ทำสัญญาเช่ากับจำเลยโดยตรง. การที่จำเลยยอมทำสัญญาเช่ากับโจทก์โดยสัญญาระบุไว้ว่า เช่าตึกแถวที่กำลังก่อสร้าง. เป็นการยืนยันให้เห็นว่าจำเลยไม่รับรู้ในเรื่องที่ว่าจะได้มีการก่อสร้างตึกให้แล้วเสร็จหรือไม่. ทั้งในสัญญาเช่าก็ไม่ได้ระบุว่าถ้าตึกสร้างไม่เสร็จจะมีผลประการใด. การที่ตึกแถวสร้างไม่แล้วเสร็จ. ไม่ใช่ความผิดของจำเลย. โจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าตึกสร้างไม่เสร็จ: จำเลยไม่ต้องรับผิดค่าเสียหายหากความผิดเกิดจากผู้รับเหมา
จำเลยทำสัญญากับ ว. และ ท. ให้คนทั้งสองออกทุนทำการก่อสร้างตึกแถวลงบนที่ดินของจำเลย จำเลยยอมให้ผู้ก่อสร้างนำอาคารออกเรียกเงินกินเปล่า และจำเลยจะทำสัญญาให้เช่าแก่บุคคลที่ผู้รับก่อสร้างนำมา ต่อมาด้วยความยินยอมของ ว. และ ท. จำเลยนำอาคารที่กำลังก่อสร้างมาให้โจทก์เช่า เนื่องจาก ว. และ ท. ขาดเงินที่จะใช้ทำการต่อสร้าง ว. และ ท. จึงกู้เงินโจทก์ 200,000 บาท โจทก์เกี่ยงจะได้หลักประกัน ในที่สุดได้มีการโอนสิทธิการเช่าตึก 10 ห้องที่ยังสร้างไม่เสร็จให้โจทก์ โดยวิธีให้โจทก์ทำสัญญาเช่ากับจำเลยโดยตรง การที่จำเลยยอมทำสัญญาเช่ากับโจทก์โดยสัญญาระบุไว้ว่า เช่าตึกแถวที่กำลังก่อสร้าง เป็นการยืนยันให้เห็นว่าจำเลยไม่รับรู้ในเรื่องที่ว่า จะได้มีการก่อสร้างตึกให้แล้วเสร็จหรือไม่ ทั้งในสัญญาเช่าก็ไม่ได้ระบุว่าถ้าตึกสร้างไม่เสร็จจะมามีผลประการใด การที่ตึกแถวสร้างไม่เสร็จ ไม่ใช่ความผิดของจำเลย โจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างนอกเหนือการปฏิบัติงานตามหน้าที่
ลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถยนต์ เมื่องานเลิกแล้วได้ขับรถยนต์ของนายจ้าง (กรมโยธาเทศบาล) บรรทุกเครื่องครัวของคนงานอีกคนหนึ่งเอาไปส่งยังบ้านพี่สาวของคนงานนั้นอันเป็นกิจธุระส่วนตัว.โดยไม่ได้รับอนุญาต.จากผู้มีหน้าที่ควบคุมดูแลรถยนต์ แล้วไปชนบุตรของโจทก์ตาย.การละเมิดนี้.ไม่ใช่การกระทำในทางการที่จ้าง. นายจ้างไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างนอกเหนือหน้าที่ - การกระทำนอกอำนาจ
ลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถยนต์ เมื่องานเลิกแล้วได้ขับรถยนต์ของนายจ้าง (กรมโยธาเทศบาล) บรรทุกเครื่องครัวของคนงานอีกคนหนึ่งเอาไปส่งยังบ้านพี่สาวของคนงานนั้นอันเป็นกิจธุระส่วนตัว โดยไม่ได้รับอนุญาต จากผู้มีหน้าที่ควบคุมดูแลรถยนต์ แล้วไปชนบุตรของโจทก์ตาย การละเมิดนี้ไม่ใช่การกระทำในทางการที่จ้าง นายจ้างไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดนายจ้าง: การใช้รถยนต์ของนายจ้างเพื่อกิจส่วนตัวหลังเลิกงาน
ลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถยนต์ เมื่องานเลิกแล้วได้ขับรถยนต์ของนายจ้าง (กรมโยธาเทศบาล) บรรทุกเครื่องครัวของคนงานอีกคนหนึ่งเอาไปส่งยังบ้านพี่สาวของคนงานนั้น อันเป็นกิจธุระส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้มีหน้าที่ควบคุมดูแลรถยนต์ แล้วไปชนบุตร ของโจทก์ตาย การละเมิดนี้ไม่ใช่การกระทำในทางการที่จ้าง นายจ้างไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดด้วย