พบผลลัพธ์ทั้งหมด 349 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายยาอันตรายโดยผู้ไม่มีใบอนุญาตและการริบยาของกลาง
จำเลยได้รับใบอนุญาตให้ขายยาประเภท ค. ซึ่งตามกฎหมายจะขายยาอันตรายมิได้ การที่จำเลยฝ่าฝืนเท่ากับจำเลยขายยาอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ยาของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำผิด จะริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายยาอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้มีใบอนุญาตขายยาประเภทอื่น ยาของกลางไม่เข้าข่ายทรัพย์สินที่ต้องริบ
จำเลยได้รับใบอนุญาตให้ขายยาประเภทค. ซึ่งตามกฎหมายจะขายยาอันตรายมิได้ การที่จำเลยฝ่าฝืนเท่ากับจำเลยขายยาอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ยาของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดจะริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนในกรณีถูกทำร้ายขณะปฏิบัติหน้าที่จับกุมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
จำเลยกับพวกซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงนายสิบและพลตำรวจเข้าไปในบ้านของ ฉ. ในเวลากลางคืน เพื่อจับกุมผู้ตายซึ่งเป็นคนร้ายสำคัญตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องการจับการค้น ถ้าผู้ตายขัดขืนก็เพียงแต่ไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเท่านั้นไม่มีสิทธิหรืออำนาจชอบธรรมอันใดที่จะใช้อาวุธทำร้ายจำเลยเพราะจำเลยพูดกับผู้ตายขอจับกุมยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรลงไป แต่ผู้ตายใช้มีดแทงจำเลยจำเลยจึงกระทำการป้องกันชีวิตตนเมื่อเป็นการพอสมควรแก่เหตุจำเลยย่อมไม่ต้องรับโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนทางอาญา: การกระทำเพื่อป้องกันชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ
จำเลยกับพวกซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงนายสิบและพลตำรวจ เข้าไปในบ้านของ ฉ.ในเวลากลางคืน เพื่อจับกุมผู้ตายซึ่งเป็นคนร้ายสำคัญตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องการจับการค้น ถ้าผู้ตายขัดขืนก็เพียงแต่ไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเท่านั้น ไม่มีสิทธิหรืออำนาจชอบธรรมอันใดที่จะใช้อาวุธทำร้ายจำเลย เพราะจำเลยพูดกับผู้ตายขอจับกุม ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรลงไป แต่ผู้ตายใช้มีดแทงจำเลย จำเลยจึงกระทำการป้องกันชีวิตตน เมื่อเป็นการพอสมควรแก่เหตุ จำเลยย่อมไม่ต้องรับโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนตามกฎหมายอาญา: การใช้กำลังเพื่อป้องกันชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ
จำเลยกับพวกซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงนายสิบและพลตำรวจ. เข้าไปในบ้านของ ฉ.ในเวลากลางคืน เพื่อจับกุมผู้ตายซึ่งเป็นคนร้ายสำคัญตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา. โดยมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องการจับการค้น. ถ้าผู้ตายขัดขืนก็เพียงแต่ไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเท่านั้น. ไม่มีสิทธิหรืออำนาจชอบธรรมอันใดที่จะใช้อาวุธทำร้ายจำเลย.เพราะจำเลยพูดกับผู้ตายขอจับกุม. ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรลงไป. แต่ผู้ตายใช้มีดแทงจำเลย. จำเลยจึงกระทำการป้องกันชีวิตตน. เมื่อเป็นการพอสมควรแก่เหตุ. จำเลยย่อมไม่ต้องรับโทษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการขายที่ดินรวม: ศาลต้องตรวจสอบการแบ่งแยกทรัพย์สินก่อนขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นสั่งให้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลย โดยยังไม่รู้ว่าที่ดินส่วนของจำเลยเป็นดังผู้ร้องอ้างหรือเป็นดังโจทก์และจำเลยอ้างจึงยังไม่ถูกต้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขายที่ดินทั้งแปลงโดยไม่วินิจฉัยว่าที่ดินแปลงนี้เจ้าของรวมได้แบ่งทรัพย์สินกันแล้วหรือยัง จึงไม่ถูกต้องเพราะถ้าได้แบ่งที่ดินส่วนใดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องเด็ดขาดไปแล้วจะขายที่ดินรวมถึงส่วนของผู้ร้องไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขายที่ดินทั้งแปลงโดยไม่วินิจฉัยว่าที่ดินแปลงนี้เจ้าของรวมได้แบ่งทรัพย์สินกันแล้วหรือยัง จึงไม่ถูกต้องเพราะถ้าได้แบ่งที่ดินส่วนใดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องเด็ดขาดไปแล้วจะขายที่ดินรวมถึงส่วนของผู้ร้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีที่ดินร่วม: ศาลต้องพิสูจน์การแบ่งแยกการครอบครองก่อนขายทอดตลาดเฉพาะส่วน
ศาลชั้นต้นสั่งให้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลย โดยยังไม่รู้ว่าที่ดินส่วนของจำเลยเป็นดังผู้ร้องอ้างหรือเป็นดังโจทก์และจำเลยอ้าง จึงยังไม่ถูกต้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขายที่ดินทั้งแปลงโดยไม่วินิจฉัยว่าที่ดินแปลงนี้เจ้าของรวมได้แบ่งทรัพย์สินกันแล้วหรือยัง จึงไม่ถูกต้องเพราะถ้าได้แบ่งที่ดินส่วนใดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องเด็ดขาดไปแล้ว จะขายที่ดินรวมถึงส่วนของผู้ร้องไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขายที่ดินทั้งแปลงโดยไม่วินิจฉัยว่าที่ดินแปลงนี้เจ้าของรวมได้แบ่งทรัพย์สินกันแล้วหรือยัง จึงไม่ถูกต้องเพราะถ้าได้แบ่งที่ดินส่วนใดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องเด็ดขาดไปแล้ว จะขายที่ดินรวมถึงส่วนของผู้ร้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีมรดกตามพินัยกรรม: ประเด็นการครอบครองและการวินิจฉัยนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกมรดกตามพินัยกรรม จำเลยสู้ว่าจำเลยครอบครองมรดกนั้นอยู่โจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 10 ปี นับแต่เจ้ามรดกตาย และเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมฉบับสุดท้ายยกที่พิพาทให้แก่จำเลยแล้ว เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมโดยตรง การที่ศาลอุทธรณ์ไปวินิจฉัยเรื่องสิทธิฟ้องร้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374 จึงเป็นเรื่องนอกประเด็น
ที่พิพาทเป็นที่ยังไม่มีโฉนด โจทก์อ้างว่าที่พิพาทรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว แต่โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทมาเพียงใดหรือไม่ ยังไม่ปรากฏฝ่ายจำเลยก็โต้เถียงว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทมาเป็นเวลากว่า 40ปี แล้ว จึงมีประเด็นว่าที่พิพาทรายนี้ฝ่ายโจทก์หรือฝ่ายจำเลยเป็นผู้ครอบครองหลังจากเจ้ามรดกตายแล้ว จึงมีข้อเท็จจริงที่จะต้องฟังจากพยานหลักฐานต่อไป
ที่พิพาทเป็นที่ยังไม่มีโฉนด โจทก์อ้างว่าที่พิพาทรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว แต่โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทมาเพียงใดหรือไม่ ยังไม่ปรากฏฝ่ายจำเลยก็โต้เถียงว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทมาเป็นเวลากว่า 40ปี แล้ว จึงมีประเด็นว่าที่พิพาทรายนี้ฝ่ายโจทก์หรือฝ่ายจำเลยเป็นผู้ครอบครองหลังจากเจ้ามรดกตายแล้ว จึงมีข้อเท็จจริงที่จะต้องฟังจากพยานหลักฐานต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีมรดกตามพินัยกรรม: ประเด็นการครอบครองและการวินิจฉัยนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกมรดกตามพินัยกรรม จำเลยสู้ว่าจำเลยครอบครองมรดกนั้นอยู่โจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 10 ปี นับแต่เจ้ามรดกตาย และเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมฉบับสุดท้ายยกที่พิพาทให้แก่จำเลยแล้ว เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมโดยตรง การที่ศาลอุทธรณ์ไปวินิจฉัยเรื่องสิทธิฟ้องร้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374 จึงเป็นเรื่องนอกประเด็น
ที่พิพาทเป็นที่ยังไม่มีโฉนด โจทก์อ้างว่าที่พิพาทรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว แต่โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทมาเพียงใดหรือไม่ ยังไม่ปรากฏฝ่ายจำเลยก็โต้เถียงว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทมาเป็นเวลากว่า 40 ปี แล้วจึงมีประเด็นว่าที่พิพาทรายนี้ฝ่ายโจทก์หรือฝ่ายจำเลยเป็นผู้ครอบครองหลังจากเจ้ามรดกตายแล้ว จึงมีข้อเท็จจริงที่จะต้องฟังจากพยานหลักฐานต่อไป
ที่พิพาทเป็นที่ยังไม่มีโฉนด โจทก์อ้างว่าที่พิพาทรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว แต่โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทมาเพียงใดหรือไม่ ยังไม่ปรากฏฝ่ายจำเลยก็โต้เถียงว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทมาเป็นเวลากว่า 40 ปี แล้วจึงมีประเด็นว่าที่พิพาทรายนี้ฝ่ายโจทก์หรือฝ่ายจำเลยเป็นผู้ครอบครองหลังจากเจ้ามรดกตายแล้ว จึงมีข้อเท็จจริงที่จะต้องฟังจากพยานหลักฐานต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม & สัญญาเช่าไม่จดทะเบียนบังคับไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่ดินและตึกพิพาทจากโจทก์จำเลยไม่ชำระค่าเช่าค่าภาษีโรงเรือนให้โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร ให้จำเลยชำระค่าเช่าค่าเสียหาย และค่าภาษีโรงเรือน จำเลยฟ้องแย้งว่าให้โจทก์ไปจัดการจดทะเบียนการเช่าให้แก่จำเลยมีกำหนด 10 ปี ดังนี้เมื่อสัญญาเช่านั้นมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จำเลยจะมาฟ้องบังคับโจทก์ให้จดทะเบียนหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 1538/2509) แม้ศาลจะรับฟ้องแย้งจำเลยไว้ จำเลยก็ไม่มีทางชนะคดี
ส่วนข้อที่จำเลยฟ้องแย้งว่า ให้โจทก์ไปจัดการเก็บค่าเช่าเป็นรายเดือนตามประเพณีผู้ให้เช่าเดิมปฏิบัติให้โจทก์จัดการให้มีกระแสไฟฟ้า และน้ำประปาใช้ในตึกแถวรายพิพาท เมื่อโจทก์ปฏิบัติการดังกล่าวแล้ว จึงให้โจทก์ไปจัดการเก็บค่าเช่าและค่าภาษีโรงเรือนที่จำเลยยังไม่ได้ชำระให้ดังนี้ ล้วนแต่เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมทั้งเป็นฟ้องล่วงหน้าที่มีเงื่อนไขซึ่งหมายความว่า หากจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี มีสิทธิอยู่ในตึกพิพาท จึงจะมีสิทธิขอให้ศาลบังคับให้โจทก์ปฏิบัติการตามฟ้องแย้งได้เมื่อเป็นฟ้องแย้งที่จะรวมพิจารณาร่วมกับฟ้องเดิมไม่ได้ก็ยังไม่เป็นฟ้องแย้งที่ควรจะพึงรับไว้พิจารณา
ส่วนข้อที่จำเลยฟ้องแย้งว่า ให้โจทก์ไปจัดการเก็บค่าเช่าเป็นรายเดือนตามประเพณีผู้ให้เช่าเดิมปฏิบัติให้โจทก์จัดการให้มีกระแสไฟฟ้า และน้ำประปาใช้ในตึกแถวรายพิพาท เมื่อโจทก์ปฏิบัติการดังกล่าวแล้ว จึงให้โจทก์ไปจัดการเก็บค่าเช่าและค่าภาษีโรงเรือนที่จำเลยยังไม่ได้ชำระให้ดังนี้ ล้วนแต่เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมทั้งเป็นฟ้องล่วงหน้าที่มีเงื่อนไขซึ่งหมายความว่า หากจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี มีสิทธิอยู่ในตึกพิพาท จึงจะมีสิทธิขอให้ศาลบังคับให้โจทก์ปฏิบัติการตามฟ้องแย้งได้เมื่อเป็นฟ้องแย้งที่จะรวมพิจารณาร่วมกับฟ้องเดิมไม่ได้ก็ยังไม่เป็นฟ้องแย้งที่ควรจะพึงรับไว้พิจารณา