พบผลลัพธ์ทั้งหมด 349 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณา ต้องรอคำพิพากษาคดีหลักก่อน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่ดินและตึกพิพาทจากโจทก์ จำเลยไม่ชำระค่าเช่าค่าภาษีโรงเรือนให้โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร ให้จำเลยชำระค่าเช่าค่าเสียหาย และค่าภาษีโรงเรือน จำเลยฟ้องแย่งว่าให้โจทก์ไปจัดการจดทะเบียนการเช่าให้แก่จำเลยมีกำหนด 10 ปี ดังนี้ เมื่อสัญญาเช่านั้นมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จำเลยจะมาฟ้องบังคับโจทก์ให้จดทะเบียนหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 1538/2509) แม้ศาลจะรับฟ้องแย้งจำเลยไว้ จำเลยก็ไม่มีทางชนะคดี
ส่วนข้อที่จำเลยฟ้องแย้งว่า ให้โจทก์ไปจัดการเก็บค่าเช่าเป็นรายเดือนตามประเพณีผู้ให้เช่าเดิมปฏิบัติให้โจทก์จัดการให้มีกระแสไฟฟ้า และน้ำประปาใช้ในตึกแถวรายพิพาท เมื่อโจทก์ปฏิบัติการดังกล่าวแล้ว จึงให้โจทก์ไปจัดการเก็บค่าเช่าและค่าภาษีโรงเรือนที่จำเลยยังไม่ได้ชำระให้ ดังนี้ ล้วนแต่เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม ทั้งเป็นฟ้องล่วงหน้าที่มีเงื่อนไขซึ่งหมายความว่า หากจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี มีสิทธิอยู่ในตึกพิพาท จึงจะมีสิทธิขอให้ศาลบังคับให้โจทก์ปฏิบัติการตามฟ้องแย้งได้ เมื่อเป็นฟ้องแย้งที่จะรวมพิจารณาร่วมกับฟ้องเดิมไม่ได้ ก็ยังไม่เป็นฟ้องแย้งที่ควรจะพึงรับไว้พิจารณา
ส่วนข้อที่จำเลยฟ้องแย้งว่า ให้โจทก์ไปจัดการเก็บค่าเช่าเป็นรายเดือนตามประเพณีผู้ให้เช่าเดิมปฏิบัติให้โจทก์จัดการให้มีกระแสไฟฟ้า และน้ำประปาใช้ในตึกแถวรายพิพาท เมื่อโจทก์ปฏิบัติการดังกล่าวแล้ว จึงให้โจทก์ไปจัดการเก็บค่าเช่าและค่าภาษีโรงเรือนที่จำเลยยังไม่ได้ชำระให้ ดังนี้ ล้วนแต่เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม ทั้งเป็นฟ้องล่วงหน้าที่มีเงื่อนไขซึ่งหมายความว่า หากจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี มีสิทธิอยู่ในตึกพิพาท จึงจะมีสิทธิขอให้ศาลบังคับให้โจทก์ปฏิบัติการตามฟ้องแย้งได้ เมื่อเป็นฟ้องแย้งที่จะรวมพิจารณาร่วมกับฟ้องเดิมไม่ได้ ก็ยังไม่เป็นฟ้องแย้งที่ควรจะพึงรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลต้องตั้งประเด็นตามคำฟ้องและคำให้การเท่านั้น การสอบถามเพื่อขยายประเด็นนอกเหนือจากที่คู่ความยกขึ้นมาไม่ชอบ
การที่ศาลจะกำหนดประเด็นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 183 นั้น ย่อมจะต้องกำหนดตามประเด็นที่คู่ความยกขึ้นกล่าวอ้างมาในคำฟ้องและคำให้การเท่านั้น การสอบถามของศาลตามมาตรานี้ก็เพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นที่โต้เถียงกันจะสอบถามแล้วตั้งประเด็นขึ้นใหม่หาได้ไม่
ประเด็นที่ว่าจำเลยออกคำสั่งมิชอบ เพราะไม่ได้จัดที่อยู่อาศัยให้โจทก์มิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ประเด็นที่ว่าจำเลยออกคำสั่งมิชอบ เพราะไม่ได้จัดที่อยู่อาศัยให้โจทก์มิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลต้องกำหนดประเด็นตามที่คู่ความยกขึ้นเท่านั้น การสอบถามเพื่อความชัดเจน ไม่ใช่ตั้งประเด็นใหม่
การที่ศาลจะกำหนดประเด็นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 183 นั้น ย่อมจะต้องกำหนดตามประเด็นที่คู่ความยกขึ้นกล่าวอ้างมาในคำฟ้องและคำให้การเท่านั้น การสอบถามของศาลตามมาตรานี้ก็เพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นที่โต้เถียงกัน จะสอบถามแล้วตั้งประเด็นขึ้นใหม่หาได้ไม่
ประเด็นที่ว่าจำเลยออกคำสั่งมิชอบ เพราะไม่ได้จัดที่อยู่อาศัยให้โจทก์ มิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ประเด็นที่ว่าจำเลยออกคำสั่งมิชอบ เพราะไม่ได้จัดที่อยู่อาศัยให้โจทก์ มิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คพิพาทโดยไม่สุจริต ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
โจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทไว้โดยคบคิดกันฉ้อฉลกับจำเลยที่ 2 เป็นการได้เช็คพิพาทไว้โดยไม่สุจริต จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายย่อมปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 905, 916 ประกอบด้วยมาตรา 989
จำเลยที่ 1 ให้การว่าโจทก์ได้เช็คพิพาทโดยคบคิดกันฉ้อฉลกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นการได้มาโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นโจทก์ได้เช็คพิพาทมาด้วยการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ข้อต่อสู้ดังกล่าวนี้เป็นประเด็นพิพาทซึ่งจำเลยที่ 1 ย่อมจะนำสืบต่อสู้ได้
จำเลยที่ 1 ให้การว่าโจทก์ได้เช็คพิพาทโดยคบคิดกันฉ้อฉลกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นการได้มาโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นโจทก์ได้เช็คพิพาทมาด้วยการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ข้อต่อสู้ดังกล่าวนี้เป็นประเด็นพิพาทซึ่งจำเลยที่ 1 ย่อมจะนำสืบต่อสู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท - การได้มาโดยทุจริต/ประมาทเลินเล่อของผู้รับโอน ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
โจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทไว้โดยคบคิดกันฉ้อฉลกับจำเลยที่ 2 เป็นการได้เช็คพิพาทไว้โดยไม่สุจริต จำเลยที่1 ผู้สั่งจ่ายย่อมปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 905, 916 ประกอบด้วยมาตรา 989
จำเลยที่ 1 ให้การว่าโจทก์ได้เช็คพิพาทโดยคบคิดกันฉ้อฉลกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นการได้มาโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นโจทก์ได้เช็คพิพาทมาด้วยการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ข้อต่อสู้ดังกล่าวนี้เป็นประเด็นพิพาทซึ่งจำเลยที่ 1 ย่อมจะนำสืบต่อสู้ได้
จำเลยที่ 1 ให้การว่าโจทก์ได้เช็คพิพาทโดยคบคิดกันฉ้อฉลกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นการได้มาโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นโจทก์ได้เช็คพิพาทมาด้วยการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ข้อต่อสู้ดังกล่าวนี้เป็นประเด็นพิพาทซึ่งจำเลยที่ 1 ย่อมจะนำสืบต่อสู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 825/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจำหน่ายคดีตามมาตรา 132 ไม่ใช่หน้าที่ ศาลต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาตามพฤติการณ์
อำนาจสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 นั้น กฎหมายให้อำนาจศาลไว้เพื่อใช้ตามสมควรแก่กรณี ไม่ใช่บังคับว่าจะต้องจำหน่ายคดีเสมอไป ถ้าศาลใช้ดุลพินิจไม่สั่งจำหน่ายก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 133
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งประทับฟ้องให้โจทก์นำส่งหมายเรียกให้จำเลยหากขัดข้องให้แถลงศาลภายใน 3 วัน โจทก์ไม่ได้รายงานเหตุขัดข้องตามที่ศาลสั่ง ศาลชั้นต้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยให้
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งประทับฟ้องให้โจทก์นำส่งหมายเรียกให้จำเลยหากขัดข้องให้แถลงศาลภายใน 3 วัน โจทก์ไม่ได้รายงานเหตุขัดข้องตามที่ศาลสั่ง ศาลชั้นต้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 825/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งจำหน่ายคดีและการใช้ดุลยพินิจของศาลในการพิจารณาเหตุทิ้งฟ้อง
อำนาจสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา132 นั้น กฎหมายให้อำนาจศาลไว้เพื่อใช้ตามสมควรแก่กรณี ไม่ใช่บังคับว่าจะต้องจำหน่ายคดีเสมอไป ถ้าศาลใช้ดุลยพินิจไม่สั่งจำหน่ายก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 133 หมายเหตุ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งประทับฟ้องให้โจทก์นำส่งหมายเรียกให้จำเลยหากขัดข้องให้แถลงศาลภายใน 3 วัน โจทก์ไม่ได้รายงานเหตุข้อข้องตามที่ศาลสั่ง ศาลชั้นต้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาศาลฎีการับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งจำหน่ายคดีเนื่องจากทิ้งฟ้อง ศาลต้องใช้ดุลพินิจตามควรแก่กรณี ไม่ใช่บังคับจำหน่ายเสมอไป
อำนาจสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา132 นั้น กฎหมายให้อำนาจศาลไว้เพื่อใช้ตามสมควรแก่กรณี ไม่ใช่บังคับว่าจะต้องจำหน่ายคดีเสมอไป ถ้าศาลใช้ดุลยพินิจไม่สั่งจำหน่ายก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามประมวลกฎหมายวิพิจารณาความแพ่งมาตรา 133 หมายเหตุ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สังประทับฟ้องให้โจทก์นำส่งหมายเรียกให้จำเลยหากขัดข้องให้แถลงศาลภายใน 3 วัน โจทก์ไม่ได้รายงานเหตุขัอข้องตามที่ศาลสั่ง ศาลชั้นต้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาศาลฎีการับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายร่างกายและการแย่งอาวุธ
ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุ จะเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยยิงปืนลงพื้นดิน 1 นัด เพื่อขู่ให้ผู้ตายกลัว แต่ผู้ตายก็หาหยุดยั้งไม่ เข้ากอดปล้ำ ใช้แขนรัดคอและแย่งปืนจำเลย จำเลยจึงยิงผู้ตายไป ขณะนั้นเป็นเวลาชุลมุน ย่อมไม่สามารถรู้ได้ว่า ยิงนัดแรกถูกผู้ตายตรงไหนจึงยิงซ้ำอีก 1 นัด มิฉะนั้นจำเลยอาจถูกผู้ตายรัดคอจนหายใจไม่ออก จำเลยตัวเล็กกว่าทั้งอายุมากกว่าผู้ตาย ๆ อาจแย่งปืนของจำเลยแล้วใช้ปืนนั้นยิงจำเลยก็ได้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันภยันตรายพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการถูกทำร้าย: การยิงเพื่อป้องกันภยันตรายที่พอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุ จะเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยยิงปืนลงพื้นดิน 1 นัดเพื่อขู่ให้ผู้ตายกลัว แต่ผู้ตายก็หาหยุดยั้งไม่ เข้ากอดปล้ำ ใช้แขนรัดคอและแย่งปืนจำเลยจำเลยจึงยิงผู้ตายไป ขณะนั้นเป็นเวลาชุลมุน ย่อมไม่สามารถรู้ได้ว่า ยิงนัดแรกถูกผู้ตายตรงไหนจึงยิงซ้ำอีก 1 นัด มิฉะนั้นจำเลยอาจถูกผู้ตายรัดคอจนหายใจไม่ออก จำเลยตัวเล็กกว่าทั้งอายุมากกว่าผู้ตาย ผู้ตายอาจแย่งปืนของจำเลยแล้วใช้ปืนนั้นยิงจำเลยก็ได้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันภยันตรายพอสมควรแก่เหตุ