พบผลลัพธ์ทั้งหมด 349 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ของผู้เช่าที่ดินเมื่อจำเลยครอบครองพื้นที่ก่อนทำสัญญาเช่า
โจทก์เช่าที่ดินทั้งแปลง แต่บางส่วนในที่ดินแปลงที่โจทก์เช่านั้น จำเลยได้ปลูกบ้านอาศัยอยู่ก่อนที่โจทก์จะทำสัญญาเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน และจำเลยได้อาศัยอยู่เรื่อยมา เมื่อโจทก์ยังไม่เคยครอบครองที่ดินที่จำเลยใช้ปลูกบ้านนั้น จำเลยคงมีนิติสัมพันธ์กับเจ้าของที่ดินเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่: ผู้เช่าไม่มีสิทธิขับไล่ผู้ครอบครองก่อนทำสัญญาเช่า แม้จะเช่าที่ดินแปลงเดียวกัน
โจทก์เช่าที่ดินทั้งแปลงแต่บางส่วนในที่ดินแปลงที่โจทก์เช่านั้นจำเลยได้ปลูกบ้านอาศัยอยู่ก่อนที่โจทก์จะทำสัญญาเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน และจำเลยได้อาศัยอยู่เรื่อยมาเมื่อโจทก์ยังไม่เคยครอบครองที่ดินที่จำเลยใช้ปลูกบ้านนั้น จำเลยคงมีนิติสัมพันธ์กับเจ้าของที่ดินเท่านั้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 354/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และสิทธิในที่ดินร่วม: ศาลต้องสืบพยานเพื่อพิสูจน์การครอบครองเป็นสัดส่วน
จำเลยยอมรับว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท 1 ใน 3 จำเลย 2 คนมีอยู่คนละ 1 ใน 3 แต่จำเลยเถียงว่าได้ครอบครองที่พิพาทเป็นสัดส่วนกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ในวันนัดพร้อม จำเลยก็ยังยืนยันที่จะขอส่วนแบ่งตรงที่ที่จำเลยครอบครองอยู่ เมื่อจำเลยอ้างว่าได้ครอบครองที่พิพาทเป็นสัดส่วนมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ถ้าเป็นความจริงจำเลยก็ชอบที่จะได้กรรมสิทธิ์ตรงที่ที่จำเลยครอบครองตามความในมาตรา 1382 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงเป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องฟังกันต่อไป
(อ้างฎีกาที่ 1424/2497)
(อ้างฎีกาที่ 1424/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 354/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมและการครอบครองปรปักษ์: จำเป็นต้องสืบพยานเพื่อพิสูจน์สิทธิ
จำเลยยอมรับว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท 1 ใน 3จำเลย 2 คนมีอยู่คนละ 1 ใน 3 แต่จำเลยเถียงว่าได้ครอบครองที่พิพาทเป็นสัดส่วนกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปี แล้ว ในวันนัดพร้อม จำเลยก็ยังยืนยันที่จะขอส่วนแบ่งตรงที่ที่จำเลยครอบครองอยู่เมื่อจำเลยอ้างว่าได้ครอบครองที่พิพาทเป็นสัดส่วนมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วถ้าเป็นความจริงจำเลยก็ชอบที่จะได้กรรมสิทธิ์ตรงที่ที่จำเลยครอบครองตามความในมาตรา 1382 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงเป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องฟังกันต่อไป (อ้างฎีกาที่1424/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบต่อการซื้อขายที่ดินร่วมกัน แม้ไม่ได้ยินยอมโดยตรง
การที่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันซื้อที่ดินมาจัดสรรแบ่งขายเป็นแปลง ๆ ด้วยความประสงค์ที่จะหากำไรมาแบ่งปันกัน เป็นการกระทำที่เป็นหุ้นส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012
การที่หุ้นส่วนของจำเลยยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินและยอมรับเงินนั้นไว้ เมื่อได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาของการค้าของห้างหุ้นส่วน จำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050
การที่หุ้นส่วนของจำเลยยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินและยอมรับเงินนั้นไว้ เมื่อได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาของการค้าของห้างหุ้นส่วน จำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบในสัญญาซื้อขายที่ดินช่วง และผลผูกพันตามกฎหมาย
การที่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันซื้อที่ดินมาจัดสรรแบ่งขายเป็นแปลง ๆ ด้วยความประสงค์ที่จะหากำไรมาแบ่งปันกันเป็นการกระทำที่เป็นหุ้นส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012
การที่หุ้นส่วนของจำเลยยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินและยอมรับเงินนั้นไว้เมื่อได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาของการค้าของห้างหุ้นส่วนจำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050
การที่หุ้นส่วนของจำเลยยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินและยอมรับเงินนั้นไว้เมื่อได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาของการค้าของห้างหุ้นส่วนจำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์: การกระทำไม่สำเร็จเนื่องจากมีผู้ขัดขวาง และเหตุผลในการลดโทษ
คนร้ายปลดโคออกจากเกวียนแล้วปล่อยโคไว้แถวบริเวณที่เกวียนจอดนั้นเองเอาโคไปไม่ได้ เพราะผู้เสียหายกับชาวบ้านพากันมายังที่เกิดเหตุเกือบจะในทันที และตามบริเวณทุ่งนาใกล้ ๆ ก็ยังมีคนเกี่ยวข้าวอยู่เป็นอันมาก คนพวกนี้ได้คอยสกัดกั้นจำเลยไว้จนไม่สามารถจะนำโคไปได้ ต้องทิ้งไว้แล้วหนีเอาตัวรอด ความผิดของจำเลยจึงเป็นเพียงชั้นพยายามเท่านั้น
จำเลย (อายุ 19 ปี) กับพวกรวม 3 คนปล้นทรัพย์ในเวลากลางวัน อันน่าจะทำไปด้วยความคนองตามประสาเด็กหนุ่ม ไม่ได้คิดและตระเตรียมการให้รอบคอบอย่างคนธรรมดาที่คิดจะทำการใหญ่เช่นนี้ ผลที่ได้รับก็คือ พวกของตนถูกยิงตายไป 1 คน ตัวเองก็ถูกยิงบาดเจ็บ ดังนี้ ศาลลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 76 เป็นการสมควรแล้ว
จำเลย (อายุ 19 ปี) กับพวกรวม 3 คนปล้นทรัพย์ในเวลากลางวัน อันน่าจะทำไปด้วยความคนองตามประสาเด็กหนุ่ม ไม่ได้คิดและตระเตรียมการให้รอบคอบอย่างคนธรรมดาที่คิดจะทำการใหญ่เช่นนี้ ผลที่ได้รับก็คือ พวกของตนถูกยิงตายไป 1 คน ตัวเองก็ถูกยิงบาดเจ็บ ดังนี้ ศาลลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 76 เป็นการสมควรแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามปล้นทรัพย์: การกระทำไม่สำเร็จเนื่องจากถูกขัดขวาง และการลดโทษจากความผิดพลาดเยาว์วัย
คนร้ายปลดโคออกจากเกวียนแล้วปล่อยโคไว้แถวบริเวณที่เกวียนจอดนั้นเองเอาโคไปไม่ได้ เพราะผู้เสียหายกับชาวบ้านพากันมายังที่เกิดเหตุเกือบจะในทันที และตามบริเวณทุ่งนาใกล้ ๆ ก็ยังมีคนเกี่ยวข้าวอยู่เป็นอันมาก คนพวกนี้ได้คอยสกัดกั้นจำเลยไว้จนไม่สามารถจะนำโคไปได้ ต้องทิ้งไว้แล้วหนีเอาตัวรอด ความผิดของจำเลยจึงเป็นเพียงขั้นพยายามเท่านั้น
จำเลย (อายุ 19 ปี) กับพวกรวม 3 คนปล้นทรัพย์ในเวลากลางวันอันน่าจะทำไปด้วยความคนองตามประสาเด็กหนุ่ม ไม่ได้คิดและตระเตรียมการให้รอบคอบอย่างคนธรรมดาที่คิดจะทำการใหญ่เช่นนี้ผลที่ได้รับก็คือพวกของตนถูกยิงตายไป 1 คน ตัวเองก็ถูกยิงบาดเจ็บดังนี้ ศาลลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 76 เป็นการสมควรแล้ว
จำเลย (อายุ 19 ปี) กับพวกรวม 3 คนปล้นทรัพย์ในเวลากลางวันอันน่าจะทำไปด้วยความคนองตามประสาเด็กหนุ่ม ไม่ได้คิดและตระเตรียมการให้รอบคอบอย่างคนธรรมดาที่คิดจะทำการใหญ่เช่นนี้ผลที่ได้รับก็คือพวกของตนถูกยิงตายไป 1 คน ตัวเองก็ถูกยิงบาดเจ็บดังนี้ ศาลลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 76 เป็นการสมควรแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องพิจารณาความต่อเนื่องของการกระทำ
คนร้าย ตี ถีบ เตะ เจ้าทรัพย์และยิงปืนขณะทำการปล้นทรัพย์ แล้วคุมตัวเจ้าทรัพย์ให้ไปส่ง เมื่อถึงไร่ห่างบ้านเจ้าทรัพย์ประมาณ 40 เส้น คนร้ายยิงเจ้าทรัพย์ถึงแก่ความตาย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเจ้าทรัพย์มิได้ถูกจำเลยซึ่งเป็นคนร้ายกับพวกยิงตายในขณะปล้น แต่เพิ่งจะไปถูกยิงตายต่างตำบลต่างอำเภอกับที่เกิดเหตุ ห่างไกลถึง 40 เส้นเช่นนี้ การที่เจ้าทรัพย์ถูกยิงตายนั้น มิใช่เป็นการต่อเนื่องกับการปล้น หรือเป็นผลซึ่งเปิดขึ้นตามธรรมดาจากการปล้นทรัพย์ การปล้นทรัพย์ได้ขาดตอนไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 ไม่ใช่วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล้นทรัพย์และการตายของเหยื่อ การพิสูจน์ความต่อเนื่องของการกระทำผิดเพื่อลงโทษตามมาตรา 340 วรรคท้าย
คนร้าย ตี ถีบ เตะ เจ้าทรัพย์และยิงปืนขณะทำการปล้นทรัพย์ แล้วคุมตัวเจ้าทรัพย์ให้ไปส่งเมื่อถึงไร่ห่างบ้านเจ้าทรัพย์ประมาณ 40 เส้น คนร้ายยิงเจ้าทรัพย์ถึงแก่ความตายเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเจ้าทรัพย์ มิได้ถูกจำเลยซึ่งเป็นคนร้ายกับพวกยิงตายในขณะปล้นแต่เพิ่งจะไป ถูกยิงตายต่างตำบลต่างอำเภอกับที่เกิดเหตุ ห่างไกลถึง 40 เส้น เช่นนี้ การที่เจ้าทรัพย์ถูกยิงตายนั้นมิใช่เป็นการต่อเนื่องกับการปล้น หรือเป็นผลซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมดาจากการปล้นทรัพย์การปล้นทรัพย์ ได้ขาดตอนไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่ ไม่ใช่วรรคท้าย