พบผลลัพธ์ทั้งหมด 349 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนและการขาดอายุความในคดีมรดก: ครอบครองแทนมีผลเฉพาะช่วงมีชีวิตเจ้ามรดก
ฉ. เจ้าของที่ดินพิพาท อนุญาตให้จำเลยซึ่งเป็นมารดาทำกินในที่ดินพิพาทการครอบครองของจำเลยเหนือที่พิพาทอาจ ถือว่าเป็นการครอบครองแทน ฉ. ได้เฉพาะแต่ในระหว่าง ฉ. มีชีวิตอยู่เท่านั้น เมื่อ ฉ. ถึงแก่กรรมแล้ว จะถือว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทซึ่งกลายเป็นมรดกแทนโจทก์ซึ่งเป็นสามี ฉ. ต่อไปหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องคดีเกี่ยวกับมรดกเกิน 1 ปี นับแต่ ฉ. ถึงแก่กรรมฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องคดีเกี่ยวกับมรดกเกิน 1 ปี นับแต่ ฉ. ถึงแก่กรรมฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวหาผิดวินัยสงฆ์ต่อที่ประชุมสงฆ์โดยสุจริต ไม่ถือเป็นความผิดหมิ่นประมาท หากมีมูลเชื่อได้
การที่จำเลยซึ่งเป็นพระภิกษุแสดงตนเป็นโจทก์ขึ้นในที่ประชุมสงฆ์เมื่อมีพระภิกษุต้องหาว่าประพฤติผิดพระวินัยเป็นการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยโดยมีมูลให้จำเลยเชื่อโดยสุจริตใจ ไม่ใช่กระทำเพื่อกลั่นแกล้งใส่ความ โดยไม่มีมูลแล้วจำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 329(1) ประมวลกฎหมายอาญายังไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทใส่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวหาพระสงฆ์ในที่ประชุมสงฆ์โดยสุจริตเพื่อปกป้องวินัย ไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาท
การที่จำเลยซึ่งเป็นพระภิกษุแสดงตนเป็นโจทก์ขึ้นในที่ประชุมสงฆ์เมื่อมีพระภิกษุต้องหาว่าประพฤติผิดพระวินัย เป็นการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยโดยมีมูลให้จำเลยเชื่อโดยสุจริตใจ ไม่ใช่กระทำเพื่อกลั่นแกล้งใส่ความโดยไม่มีมูลแล้วจำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 329(1) ประมวลกฎหมายอาญายังไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทใส่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1545/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงใช้ที่ดินร่วมกันเป็นถนน การจำกัดสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สินร่วม
เจ้าของรวมในที่ดินมีโฉนดแบ่งแยกที่ดินเป็นหลายแปลงเพื่อขาย ได้ตกลงกันให้ที่ดินตามเลขโฉนดเดิมที่เหลืออยู่เป็นถนนสำหรับผู้มาซื้อที่ดินออกสู่ถนนใหญ่และได้ทำเป็นถนนคอนกรีตขึ้นในที่ดินส่วนนี้ โดยตกลงกันสละสิทธิเรียกร้องใด ๆ จากผู้ใช้ถนนนี้ ข้อตกลงดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันระหว่างกันใช้บังคับกันได้ โดยมิต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนและเป็นการตกลงกันที่แสดงให้เห็นว่ามีวัตถุประสงค์จะเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทที่กลายเป็นถนนคอนกรีตไปแล้วนี้ร่วมกัน มีลักษณะเป็นการถาวรเจ้าของรวมผู้มีชื่อในโฉนดคนหนึ่งคนใดไม่มีสิทธิเรียกร้องให้แบ่งที่ดินนั้นได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1545/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงใช้ที่ดินร่วมกันเป็นถนน การจำกัดสิทธิเรียกร้องแบ่งแยกที่ดิน
เจ้าของรวมในที่ดินมีโฉนดแบ่งแยกที่ดินเป็นหลายแปลงเพื่อขายได้ตกลงกันให้ที่ดินตามเลขโฉนดเดิมที่เหลืออยู่เป็นถนนสำหรับผู้มาซื้อที่ดินออกสู่ถนนใหญ่ และได้ทำเป็นถนนคอนกรีตขึ้นในที่ดินส่วนนี้โดยตกลงกันสละสิทธิเรียกร้องใด ๆ จากผู้ใช้ถนนนี้ ข้อตกลงดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันระหว่างกัน ใช้บังคับกันได้โดยมิต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนและเป็นการตกลงกันที่แสดงให้เห็นว่ามีวัตถุที่ประสงค์จะเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทที่กลายเป็นถนนคอนกรีตไปแล้วนี้ร่วมกัน มีลักษณะเป็นการถาวร เจ้าของรวมผู้มีชื่อในโฉนดคนหนึ่งคนใดไม่มีสิทธิเรียกร้องให้แบ่งที่ดินนั้นได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่สมบูรณ์หากลงลายมือชื่อลอยๆ และผู้ทรงเช็คกรอกข้อความเองโดยไม่ได้รับมอบหมาย
จำเลยออกเช็คพิพาทโดยเพียงแต่ลงลายมือชื่อแล้วให้โจทก์ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันหนี้ที่จำเลยค้างชำระ ต่อมาโจทก์นำเช็คพิพาทไปกรอกข้อความเอาเองโดยจำเลยมิได้ยินยอมหรือมอบหมายให้กระทำเช็คพิพาท ย่อมไม่เป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย จำเลยจึงหาต้องรับผิดตามเช็คพิพาทไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่สมบูรณ์หากไม่มีรายการครบถ้วน ผู้ทรงเช็คกรอกเองไม่ได้เว้นได้รับมอบหมาย
จำเลยออกเช็คพิพาทโดยเพียงแต่ลงลายมือชื่อแล้วให้โจทก์ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันหนี้ที่จำเลยค้างชำระ ต่อมาโจทก์นำเช็คพิพาทไปกรอกข้อความเอาเอง โดยจำเลยมิได้ยินยอมหรือมอบหมายให้กระทำเช็คพิพาทย่อมไม่เป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย จำเลยจึงหาต้องรับผิดตามเช็คพิพาทไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1454/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมไม่ได้แปลงหนี้ใหม่ แม้มีการรับชำระหนี้แทนลูกหนี้เดิม
ด. ในฐานะประธานบริษัทผู้ร้อง และในฐานะส่วนตัวทำสัญญาประนีประนอม กับ ป. โดย ป. ยอมใช้หนี้แก่ ธ. แทน ด.แม้จะพออนุมานได้ว่าเป็นการรับใช้หนี้แทนบริษัทผู้ร้องกับหนี้ ด. ในฐานะส่วนตัวก็ตาม สัญญานี้ก็เป็นสัญญาระหว่างผู้ร้อง ด. กับ ป. เท่านั้น ส่วนเจ้าหนี้คือ ธ. หาได้ทำสัญญากับ ป. ด้วยไม่จึงไม่ใช่แปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1454/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันเจ้าหนี้เดิม สัญญาใหม่ต้องมีเจ้าหนี้ร่วมด้วย จึงเป็นการแปลงหนี้
ด. ในฐานะประธานบริษัทผู้ร้องและในฐานะส่วนตัวทำสัญญาประนีประนอมกับ ป. โดย ป. ยอมใช้หนี้แก่ ธ. แทน ด. แม้จะพออนุมานได้ว่าเป็นการรับใช้หนี้แทนบริษัทผู้ร้องกับหนี้ ด. ในฐานะส่วนตัวก็ตามสัญญานี้ก็เป็นสัญญาระหว่างผู้ร้อง ด. กับ ป. เท่านั้น สวนเจ้าหนี้คือ ธ. หาได้ทำสัญญากับ ป. ด้วยไม่ จึงไม่ใช่แปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเพื่อความสะดวกในการกระทำผิด
จำเลยสามคนสมคบกันมาปล้นทรัพย์ทุกคนมีอาวุธปืนติดตัวมาคนละกระบอก เมื่อขู่บังคับพวกเจ้าทรัพย์ด้วยอาวุธปืนและเก็บทรัพย์ได้แล้ว พวกเจ้าทรัพย์ขัดขืนจึงเกิดต่อสู้กันกับพวกของจำเลย จำเลยที่ 2 ได้ใช้ปืนยิงพวกของเจ้าทรัพย์คนหนึ่งทางข้างหลังถึงแก่ความตาย ดังนี้ เมื่อพวกของเจ้าทรัพย์เข้าต่อสู้กับพวกจำเลยจำเลยทั้งสามได้ใช้ปืนยิงแล้วทุกคน เป็นแต่กระสุนปืนของจำเลยคนอื่นไม่ถูกใคร คงมีแต่จำเลยที่ 2 ยิงถูกพวกเจ้าทรัพย์คนเดียวพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามจึงเป็นการตั้งใจที่จะใช้อาวุธปืนที่เตรียมมานั้นประหัตประหารผู้ที่ต่อสู้ขัดขืน เพื่อความสะดวกในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์หรือเพื่อเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การปล้นทรัพย์ หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญา จำเลยทุกคนจึงต้องมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 วรรค 6 และ 7 นอกเหนือจากความผิดฐานปล้นทรัพย์ตาม มาตรา 340 วรรคสุดท้ายด้วย