คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ทองคำ จารุเหติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 349 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1140/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจถอนคำร้องทุกข์ของผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหายในคดีอาญา
ก่อนสืบพยานโจทก์ บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์แทนผู้เสียหาย ศาลชั้นต้นสอบโจทก์ โจทก์แถลงรับว่าผู้ร้องเป็นบิดาของผู้เสียหาย ทั้งเป็นผู้ร้องทุกข์คดีนี้ในชั้นสอบสวนจริงศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายคดี เช่นนี้โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาโต้แย้งว่า คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นไม่ชอบ เพราะผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ด้วยตัวเองโดยตรงด้วย บิดาผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจถอนคำร้องทุกข์โดยลำพังนั้น หาได้ไม่ เพราะเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่
ผู้ร้องทุกข์ย่อมมีอำนาจถอนคำร้องทุกข์ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายเองหรือร้องทุกข์ในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 126 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของสามีเมื่อภริยามีชู้หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ แม้จดทะเบียนหย่าแล้ว และประเด็นอายุความฟ้องร้อง
กรณีที่ภริยามีชู้หรือมีผู้ล่วงเกินภริยาในทำนองชู้สาว อันเป็นการกระทบกระเทือนไปถึงสิทธิของสามีนั้น มีมาตรา 1505 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นบทที่บัญญัติไว้เป็นพิเศษโดยเฉพาะให้สามีมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากภริยาและชู้หรือผู้ที่ล่วงเกินนั้นได้สามีจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินภริยาของตนในทางชู้สาว โดยอ้างว่าเป็นการละเมิดสิทธิของสามีตามมาตรา 420 ไม่ได้
ฟ้องหาว่าจำเลยล่วงเกินภริยาของโจทก์ในทางชู้สาวโดยกอดจูบและร่วมประเวณีแต่ได้ความว่าต่อมาโจทก์กับภริยาได้สมัครใจจดทะเบียนหย่ากันเองเสียแล้ว กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 1505 วรรคแรก แม้กระนั้นก็ยังเป็นเรื่องการล่วงเกินไปในทำนองชู้สาวตามวรรคสองและถึงแม้ว่าภริยาจะได้สมัครใจหรือยินยอมให้ล่วงเกิน สามีก็ยังมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินได้
แม้จะได้จดทะเบียนหย่ากันแล้ว สามีก็ยังมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวตามมาตรา 1505 วรรคสองได้
โจทก์รู้หรือควรรู้ว่าจำเลยล่วงเกินภริยาของโจทก์ในทำนองชู้สาวจนพ้นกำหนด 3 เดือนแล้ว จึงฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลย คดีโจทก์ย่อมขาดอายุความตามมาตรา 1509
(ข้อกฎหมาย 3 ข้อแรก วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2514)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกค่าทดแทนกรณีภริยามีชู้/ถูกล่วงละเมิดทางเพศ แม้ภริยาสมัครใจ และอายุความฟ้องร้อง
กรณีที่ภริยามีชู้หรือมีผู้ล่วงเกินภริยาในทำนองชู้สาว อันเป็นการกระทบกระเทือนไปถึงสิทธิของสามีนั้น มีมาตรา 1505 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นบทที่บัญญัติไว้เป็นพิเศษโดยเฉพาะให้สามีมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากภริยาและชู้หรือผู้ที่ล่วงเกินนั้นได้สามีจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินภริยาของตนในทางชู้สาวโดยอ้างว่าเป็นการละเมิดสิทธิของสามีตามมาตรา 420 ไม่ได้
ฟ้องหาว่าจำเลยล่วงเกินภริยาของโจทก์ในทางชู้สาวโดยกอดจูบและร่วมประเวณีแต่ได้ความว่าต่อมาโจทก์กับภริยาได้สมัครใจจดทะเบียนหย่ากันเองเสียแล้ว กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 1505 วรรคแรกแม้กระนั้นก็ยังเป็นเรื่องการล่วงเกินไปในทำนองชู้สาวตามวรรคสองและถึงแม้ว่าภริยาจะได้สมัครใจหรือยินยอมให้ล่วงเกิน สามีก็ยังมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินได้
แม้จะได้จดทะเบียนหย่ากันแล้ว สามีก็ยังมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวตามมาตรา 1505 วรรคสองได้
โจทก์รู้หรือควรรู้ว่าจำเลยล่วงเกินภริยาของโจทก์ในทำนองชู้สาวจนพ้นกำหนด 3 เดือนแล้ว จึงฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลย คดีโจทก์ย่อมขาดอายุความตามมาตรา 1509 (ข้อกฎหมาย 3 ข้อแรก วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2514)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของบุตรโดยผู้แทนตามกฎหมาย และผลผูกพันของสัญญาระงับข้อพิพาทที่ทำโดยผู้แทนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล
มารดาโจทก์ผู้เยาว์ได้เสียเป็นสามีภรรยากับจำเลยผู้เป็นบิดาโจทก์โดยมิได้จดทะเบียนสมรส และมารดาโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยว่าได้รับเงินจากจำเลยแล้ว จะไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยและจะไม่ใช้สิทธิเรียกร้องแทนโจทก์ต่อจำเลยอีก ดังนี้ เมื่อมารดาโจทก์ทำสัญญานั้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล สัญญานั้นย่อมไม่มีผลผูกพันถึงโจทก์ด้วยโจทก์โดยมารดาซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมจึงมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นบุตรของจำเลย และให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูกับค่าใช้จ่ายในการศึกษาได้ และการฟ้องเช่นนี้เป็นเรื่องมารดาของโจทก์ฟ้องแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ตามนัยมาตรา 1529 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงมีอำนาจฟ้องได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 1534

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของบุตรผู้เยาว์ที่มารดาทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทน คดีบุตรไม่ผูกพันสัญญา
มารดาโจทก์ผู้เยาว์ได้เสียเป็นสามีภรรยากับจำเลยผู้เป็นบิดาโจทก์โดยมิได้จดทะเบียนสมรส และมารดาโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยว่าได้รับเงินจากจำเลยแล้ว จะไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยและจะไม่ใช้สิทธิเรียกร้องแทนโจทก์ต่อจำเลยอีก ดังนี้ เมื่อมารดาโจทก์ทำสัญญานั้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล สัญญานั้นย่อมไม่มีผลผูกพันถึงโจทก์ด้วยโจทก์โดยมารดาซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมจึงมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นบุตรของจำเลย และให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูกับค่าใช้จ่ายในการศึกษาได้ และการฟ้องเช่นนี้เป็นเรื่องมารดาของโจทก์ฟ้องแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ตามนัยมาตรา 1529 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จึงมีอำนาจฟ้องได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 1534

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ: การแจ้งข้อกล่าวหาตามคำเล่าลือ ไม่ถือเป็นความเท็จ หากไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริง
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยแจ้งหรือร้องเรียนเท็จ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยวินิจฉัยว่าคำร้องเรียนที่โจทก์กล่าวหาไม่ใช่ความเท็จดังโจทก์ฟ้อง โจทก์ฎีกาว่าข้อความที่จำเลยร้องเรียนเป็นเท็จ ดังนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำร้องเรียนที่มีข้อความว่า "อนึ่ง ได้ทราบจากคำเล่าลือและคำบอกเล่าว่าพระภิกษุ สุวรรณ์จารุโภ มีอาวุธปืนเถื่อนและลูกระเบิดมือไว้ในความครอบครองเมื่อเจ้าหน้าที่จะไปดำเนินการตามหน้าที่ขอได้โปรดระวังอันตรายในสิ่งเหล่านี้ด้วย" คำกล่าวเช่นนี้ มิได้กล่าวยืนยันว่าโจทก์กระทำผิดมีอาวุธปืนเถื่อนหรือลูกระเบิดมือ เพียงแต่กล่าวอ้างว่าได้ทราบมาเช่นนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังอันตราย จึงไม่ใช่คำแจ้งความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ: การแจ้งข้อความตามคำเล่าลือโดยมิได้ยืนยันข้อเท็จจริง ไม่ถือเป็นความเท็จตามกฎหมาย
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยแจ้งหรือร้องเรียนเท็จ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยวินิจฉัยว่า คำร้องเรียนที่โจทก์กล่าวหา ไม่ใช่ความเท็จดังโจทก์ฟ้อง โจทก์ฎีกาว่าข้อความที่จำเลยร้องเรียนเป็นเท็จ ดังนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำร้องเรียนที่มีข้อความว่า 'อนึ่ง ได้ทราบจากคำเล่าลือและคำบอกเล่าว่าพระภิกษุ สุวรรณ์จารุโภ มีอาวุธปืนเถื่อนและลูกระเบิดมือไว้ในความครอบครองเมื่อเจ้าหน้าที่จะไปดำเนินการตามหน้าที่ขอได้โปรดระวังอันตรายในสิ่งเหล่านี้ด้วย' คำกล่าวเช่นนี้ มิได้กล่าวยืนยันว่าโจทก์กระทำผิดมีอาวุธปืนเถื่อนหรือลูกระเบิดมือ เพียงแต่กล่าวอ้างว่าได้ทราบมาเช่นนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังอันตราย จึงไม่ใช่คำแจ้งความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องร้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ย: การแสดงสภาพแห่งข้อหาในคำฟ้อง และการพิสูจน์ข้อตกลง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2507 จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์ไป 3,000 บาท อัตราชั่งละ 1 บาทต่อเดือน โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยทั้งสองทำหนังสือสัญญาให้โจทก์ไว้ตามสำเนาท้ายฟ้องจำเลยผิดนัดค้างส่งดอกเบี้ยตลอดมา โจทก์ทวงถามก็ไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินต้นและดอกเบี้ย 4,440 บาทพร้อมกับดอกเบี้ยชั่งละ 1 บาทต่อเดือนคิดจากเงินต้น 3,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเงินเสร็จหากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ใช้แทน และยังปรากฏตามสัญญาข้อ 4 และข้อ 6 ด้วยว่า "ข้าพเจ้ายอมให้ดอกเบี้ยชั่งละบาทต่อเดือนแก่ท่านทุกเดือนไปจนกว่าจะนำเงินต้นส่งให้แก่ท่านจนครบจำนวน แม้ข้าพเจ้าประพฤติผิดสัญญานี้แต่ข้อหนึ่งข้อใดก็ดีข้าพเจ้ายอมให้ท่านฟ้องเรียกเงินต้นและดอกเบี้ยแก่ข้าพเจ้าตามกฎหมาย" ดังนี้ ฟังได้ว่าฟ้องโจทก์แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่า จำเลยผิดนัดตามสัญญากู้ที่โจทก์อ้างเป็นหลักแห่งข้อหานั้นแล้ว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่เคลือบคลุม สัญญาที่ไม่ชัดเจน การแสดงเจตนาทำสัญญา และการพิสูจน์สภาพแห่งข้อหา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2507 จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์ไป 3,000 บาท อัตราชั่งละ 1 บาทต่อเดือน โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยทั้งสองทำหนังสือสัญญาให้โจทก์ไว้ตามสำเนาท้ายฟ้องจำเลยผิดนัดค้างส่งดอกเบี้ยตลอดมา โจทก์ทวงถามก็ไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินต้นและดอกเบี้ย 4,440 บาทพร้อมกับดอกเบี้ยชั่งละ 1 บาทต่อเดือนคิดจากเงินต้น 3,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเงินเสร็จหากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ใช้แทน และยังปรากฏตามสัญญาข้อ 4 และข้อ 6 ด้วยว่า 'ข้าพเจ้ายอมให้ดอกเบี้ยชั่งละบาทต่อเดือนแก่ท่านทุกเดือนไปจนกว่าจะนำเงินต้นส่งให้แก่ท่านจนครบจำนวน แม้ข้าพเจ้าประพฤติผิดสัญญานี้แต่ข้อหนึ่งข้อใดก็ดี ข้าพเจ้ายอมให้ท่านฟ้องเรียกเงินต้นและดอกเบี้ยแก่ข้าพเจ้าตามกฎหมาย' ดังนี้ ฟังได้ว่าฟ้องโจทก์แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่า จำเลยผิดนัดตามสัญญากู้ที่โจทก์อ้างเป็นหลักแห่งข้อหานั้นแล้ว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้างขณะขับรถประจำตำแหน่ง แม้เลยเวลาราชการ
คำฟ้องของโจทก์ระบุเลขทะเบียนรถยนต์ของจำเลยคันที่ชนโจทก์ผิดพลาด จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธว่ารถยนต์นั้นมิใช่ของจำเลยแต่ต่อสู้ว่าคนขับรถมิใช่ลูกจ้างของจำเลย หลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว โจทก์มาขอแก้ไขฟ้องให้ถูกต้อง ดังนี้ เป็นเรื่องแก้ไขความผิดพลาดเล็กน้อย แม้จะขอภายหลังกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ศาลก็มีอำนาจสั่ง อนุญาตได้
เทศบาลนครกรุงเทพจัดรถยนต์ประจำตำแหน่งให้พนักงานเทศบาลชั้นผู้ใหญ่ใช้พร้อมกับจ้างคนขับรถให้ด้วยโดยผู้ใช้รถนำรถไปเก็บไว้ที่บ้าน คนขับรถได้ขับรถโดยประมาทชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสในขณะที่ผู้ใช้รถนั่งมาในรถนั้นด้วยแม้ขณะเกิดเหตุจะเป็นเวลา 20 นาฬิกานอกเวลาราชการ ก็ยังถือได้ว่าคนขับรถซึ่งเป็นลูกจ้างของเทศบาลได้กระทำไปในทางการที่จ้างเทศบาลจะปฏิเสธความรับผิดมิได้
of 35