พบผลลัพธ์ทั้งหมด 301 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงต่อเนื่องและเจตนาทารุณโหดร้าย ศาลพิจารณาพฤติการณ์เพื่อกำหนดโทษประหารชีวิต
จำเลยยิงผู้ตายแล้วยังย้อนกลับมายิงอีก 2 นัด ก็เพื่อให้ตายแน่ จะฟังว่าเป็นการแสดงความทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (5) ยังไม่ถนัด
จำเลยยิงคนตายไปถึง 2 คน ชั้นแรกยิงคนละ 2 นัด และยังไล่ยิง จ. อีก ยิงในร้านกาแฟในตลาดข้างทางซึ่งมีคนสัญจรไปมาในเวลาเช้า แล้วยังกลับมายิงผู้ตายซ้ำอีก 2 นัด แม้จำเลยจะไม่หลบหนี แต่ยอมมอบตัวต่อตำรวจโดยดี และรับว่ายิงผู้ตายจริง แต่จำเลยโยนมีดของจำเลยลงไปที่ผู้ตายแกลังทำหลักฐานว่าผู้ตายแทงจำเลย แต่เมื่อพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานหนาแน่นมั่นคง ไม่มีทางต่อสู้คดีได้สำเร็จ จำเลยจึงต้องจำนนและรับสารภาพต่อศาล แต่ก็ยังบ่ายเบี่ยงว่าผู้ตายทั้ง 2 คนหาเรื่องยั่วเย้าจำเลยก่อน มิได้ยิงซ้ำอีก 2 นัด ซึ่งไม่เป็นความจริง ดังนี้ ไม่มีเหตุบรรเทาโทษจำเลย (ปัญหาตามวรรค 2 วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 31/2509)
จำเลยยิงคนตายไปถึง 2 คน ชั้นแรกยิงคนละ 2 นัด และยังไล่ยิง จ. อีก ยิงในร้านกาแฟในตลาดข้างทางซึ่งมีคนสัญจรไปมาในเวลาเช้า แล้วยังกลับมายิงผู้ตายซ้ำอีก 2 นัด แม้จำเลยจะไม่หลบหนี แต่ยอมมอบตัวต่อตำรวจโดยดี และรับว่ายิงผู้ตายจริง แต่จำเลยโยนมีดของจำเลยลงไปที่ผู้ตายแกลังทำหลักฐานว่าผู้ตายแทงจำเลย แต่เมื่อพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานหนาแน่นมั่นคง ไม่มีทางต่อสู้คดีได้สำเร็จ จำเลยจึงต้องจำนนและรับสารภาพต่อศาล แต่ก็ยังบ่ายเบี่ยงว่าผู้ตายทั้ง 2 คนหาเรื่องยั่วเย้าจำเลยก่อน มิได้ยิงซ้ำอีก 2 นัด ซึ่งไม่เป็นความจริง ดังนี้ ไม่มีเหตุบรรเทาโทษจำเลย (ปัญหาตามวรรค 2 วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 31/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน และการพิจารณาความทารุณโหดร้ายในการลงโทษ
เพียงแต่จำเลยกับพวกร่วมกันฆ่าผู้ตาย โดยไม่ปรากฏว่า ร่วมคบคิดตระเตรียมการฆ่ามาก่อนแต่อย่างใดจะถือเอาเป็นการฆ่า โดยไตร่ตรองไว้ก่อนไม่ได้
การที่จำเลยกับพวกไล่ยิงผู้ตายหลายนัดจนผู้ตายล้มลง ยังจ่อยิงศีรษะผู้ตายใช้ขวานฟันอีกหลายที และร้องว่าเอาให้ตาย นั้น ก็ยังไม่ถึงขนาดที่จะถือว่าเป็นการทารุณโหดร้ายยิ่งไปกว่าการกระทำโดยเจตนาให้ตายในทันที
การที่จำเลยกับพวกไล่ยิงผู้ตายหลายนัดจนผู้ตายล้มลง ยังจ่อยิงศีรษะผู้ตายใช้ขวานฟันอีกหลายที และร้องว่าเอาให้ตาย นั้น ก็ยังไม่ถึงขนาดที่จะถือว่าเป็นการทารุณโหดร้ายยิ่งไปกว่าการกระทำโดยเจตนาให้ตายในทันที
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองและไม่เข้าข่ายทารุณโหดร้าย ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษา
เพียงแต่จำเลยกับพวกร่วมกันฆ่าผู้ตาย โดยไม่ปรากฏว่าร่วมคบคิดตระเตรียมการฆ่ามาก่อนแต่อย่างใด จะถือเอาเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนไม่ได้
การที่จำเลยกับพวกไล่ยิงผู้ตายหลายนัดจนผู้ตายล้มลง ยังจ่อยิงศีรษะผู้ตายใช้ขวานฟันอีกหลายที และร้องว่า เอาให้ตาย นั้น ก็ยังไม่ถึงขนาดที่จะถือว่าเป็นการทารุณโหดร้าย ยิ่งไปกว่าการกระทำโดยเจตนาให้ตายในทันที
การที่จำเลยกับพวกไล่ยิงผู้ตายหลายนัดจนผู้ตายล้มลง ยังจ่อยิงศีรษะผู้ตายใช้ขวานฟันอีกหลายที และร้องว่า เอาให้ตาย นั้น ก็ยังไม่ถึงขนาดที่จะถือว่าเป็นการทารุณโหดร้าย ยิ่งไปกว่าการกระทำโดยเจตนาให้ตายในทันที
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องเขตควบคุมการแปรรูปไม้ เพื่อเอาผิดฐานครอบครองไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์มิได้นำสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าท้องที่ที่จำเลยมีไม้แปรรูป ไว้ ในครอบครองเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ จึงลงโทษจำเลย ฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตไม่ได้ และ ริบไม้ของกลางไม่ได้ (อ้างนัยฎีกาที่ 1384/2494 และที่ 825/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เขตควบคุมการแปรรูปไม้: จำเลยปฏิเสธ, โจทก์มิได้นำสืบประกาศ, ศาลยกฟ้อง
โจทก์มิได้นำสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าท้องที่ที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ จึงลงโทษจำเลยฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตไม่ได้ และริบไม้ของกลางไม่ได้ (อ้างนัยฎีกาที่ 1384/2494 และที่ 825/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ธนาคารในการคืนเงินฝากให้ทายาทหลังผู้ฝากเสียชีวิต และขอบเขตผลของคำสั่งศาลที่ผูกพันบุคคลภายนอก
ผู้ฝากเงินไว้กับธนาคารมีนิติสัมพันธ์กันตามลักษณะฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 673 ผู้ฝากเงินจะถอนเงินคืนก่อนถึงเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ไม่ได้และธนาคารผู้รับฝากจะส่งคืนเงินก่อนถึงเวลานั้นก็ไม่ได้ดุจกันแต่เมื่อผู้ฝากเงินตายธนาคาร มีหน้าที่ต้องคืนเงินนั้นให้แก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 665 วรรค 2
ธนาคารมีหน้าที่จำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการอาชีวะของธนาคารตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659
ผู้จัดการมรดกของผู้ฝากเงินตามคำพิพากษาของศาลขอถอนเงินของผู้ฝากคืนจากธนาคารธนาคารขอผัดคืนเงินนั้นใน 1 เดือนเพื่อให้คดีขอตั้งผู้จัดการมรดกขาดอายุอุทธรณ์ โดยธนาคารมีเงินพร้อมที่จะคืนให้ถือได้ว่าธนาคารได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 เป็นการใช้ความระมัดระวังตามหน้าที่สมควรแก่กรณีโดยสุจริตไม่ได้โต้แย้งสิทธิของผู้จัดการมรดกจึงไม่เป็นการผิดสัญญาหรือเป็นการกระทำละเมิดแก่ผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกตามคำพิพากษาของศาลมีอำนาจจัดการมรดกได้ตามกฎหมายคำพิพากษาตั้งผู้จัดการมรดกมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้นไม่ใช่คำพิพากษาเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคลไม่เข้าอยู่ในข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(1)(2)และไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1), 245, 274 จึงไม่ผูกพันธนาคารผู้รับฝากเงินของเจ้ามรดกซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ธนาคารมีหน้าที่จำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการอาชีวะของธนาคารตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659
ผู้จัดการมรดกของผู้ฝากเงินตามคำพิพากษาของศาลขอถอนเงินของผู้ฝากคืนจากธนาคารธนาคารขอผัดคืนเงินนั้นใน 1 เดือนเพื่อให้คดีขอตั้งผู้จัดการมรดกขาดอายุอุทธรณ์ โดยธนาคารมีเงินพร้อมที่จะคืนให้ถือได้ว่าธนาคารได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 เป็นการใช้ความระมัดระวังตามหน้าที่สมควรแก่กรณีโดยสุจริตไม่ได้โต้แย้งสิทธิของผู้จัดการมรดกจึงไม่เป็นการผิดสัญญาหรือเป็นการกระทำละเมิดแก่ผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกตามคำพิพากษาของศาลมีอำนาจจัดการมรดกได้ตามกฎหมายคำพิพากษาตั้งผู้จัดการมรดกมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้นไม่ใช่คำพิพากษาเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคลไม่เข้าอยู่ในข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(1)(2)และไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1), 245, 274 จึงไม่ผูกพันธนาคารผู้รับฝากเงินของเจ้ามรดกซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารมีหน้าที่คืนเงินฝากแก่ทายาทหลังผู้ฝากเสียชีวิต โดยต้องใช้ความระมัดระวังและไม่โต้แย้งสิทธิทายาท
ผู้ฝากเงินไว้กับธนาคารมีนิติสัมพันธ์กันตามลักษณะฝากทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 673 ผู้ฝากเงินจะถอนเงินคืนก่อนถึงเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ไม่ได้ และธนาคารผู้รับฝากจะส่งคืนเงินก่อนถึงเวลานั้นก็ไม่ได้ดุจกัน แต่เมื่อผู้ฝากเงินตาย ธนาคารมีหน้าที่ต้องคืนเงินนั้นให้แก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 665 วรรค 2
ธนาคารมีหน้าที่จำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการอาชีวะของธนาคารตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659
ผู้จัดการมรดกของผู้ฝากเงินตามคำพิพากษาของศาลขอถอนเงินของผู้ฝากคืนจากธนาคาร ธนาคารขอผัดคืนเงินนั้นใน 1 เดือนเพื่อให้คดีขอตั้งผู้จัดการมรดกขาดอายุอุทธรณ์ โดยธนาคารมีเงินพร้อมที่จะคืนให้ ถือได้ว่าธนาคารได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 เป็นการใช้ความระมัดระวังตามหน้าที่สมควรแก่กรณีโดยสุจริตไม่ได้โต้แย้งสิทธิของผู้จัดการมรดก จึงไม่เป็นการผิดสัญญาหรือเป็นการกระทำละเมิดแก่ผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกตามคำพิพากษาของศาลมีอำนาจจัดการมรดกได้ตามกฎหมาย คำพิพากษาตั้งผู้จัดการมรดกมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้น ไม่ใช่คำพิพากษาเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคล ไม่เข้าอยู่ในข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(1)(2) และไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1), 245, 274 จึงไม่ผูกพันธนาคารผู้รับฝากเงินของเจ้ามรดกซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ธนาคารมีหน้าที่จำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการอาชีวะของธนาคารตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659
ผู้จัดการมรดกของผู้ฝากเงินตามคำพิพากษาของศาลขอถอนเงินของผู้ฝากคืนจากธนาคาร ธนาคารขอผัดคืนเงินนั้นใน 1 เดือนเพื่อให้คดีขอตั้งผู้จัดการมรดกขาดอายุอุทธรณ์ โดยธนาคารมีเงินพร้อมที่จะคืนให้ ถือได้ว่าธนาคารได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 เป็นการใช้ความระมัดระวังตามหน้าที่สมควรแก่กรณีโดยสุจริตไม่ได้โต้แย้งสิทธิของผู้จัดการมรดก จึงไม่เป็นการผิดสัญญาหรือเป็นการกระทำละเมิดแก่ผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกตามคำพิพากษาของศาลมีอำนาจจัดการมรดกได้ตามกฎหมาย คำพิพากษาตั้งผู้จัดการมรดกมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้น ไม่ใช่คำพิพากษาเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคล ไม่เข้าอยู่ในข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(1)(2) และไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1), 245, 274 จึงไม่ผูกพันธนาคารผู้รับฝากเงินของเจ้ามรดกซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายิงผู้อื่น การกระทำไม่เข้าข้อยกเว้นป้องกันสิทธิ แม้ผู้ตายมาเคาะประตู
จำเลยรู้ตัวว่าผู้ตายจะเข้ามาหาจำเลยจำเลยห้ามและเตรียมปืนไว้เพื่อยิงผู้ตายผู้ตายมาเคาะประตูห้องนอนเรียกให้เปิดประตูจำเลยถือปืนเตรียมพร้อมแล้วเปิดประตู ผู้ตายจะก้าวเข้ามา จำเลยพูดว่าไม่ต้องเข้ามาและยิงปืนไปทันทีดังนี้ เห็นว่าผู้ตายไปหาจำเลยตามที่เคยกระทำมาแม้จำเลยจะห้ามก็ไม่ทำให้ผู้ตายเข้าใจว่าเป็นจริงจังเมื่อผู้ตายไปหาจำเลย็เคาะประตูเรียก หาใช่ใช้กำลังดึงดันจะเข้าไปให้ได้ไม่จะว่าเป็นการประทุษร้ายอันผิดกฎหมายหาได้ไม่ หากจำเลยไม่คิดฆ่านายเหรียญผู้ตายเพียงแต่ไม่เปิดประตูและแสดงความไม่ยินยอมให้เห็นอย่างจริงจังผู้ตายก็คงยังเข้าไปทำอันตรายแก่จำเลยไม่ได้แต่จำเลยกลับเปิดประตูห้อง ซึ่งเป็นธรรมดาที่ผู้ตายจะต้องเข้าไป พอผู้ตายเข้าไปจำเลยก็ยิงทันที การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงผู้อื่นตายโดยเจตนา แม้จะอ้างป้องกันสิทธิ ก็ต้องพิจารณาเหตุผลและพฤติการณ์ที่สมเหตุสมผล
จำเลยรู้ตัวว่าผู้ตายจะเข้ามาหาจำเลย จำเลยห้ามและเตรียมปืนไว้เพื่อยิงผู้ตาย ผู้ตายมาเคาะประตูห้องนอนเรียกให้เปิดประตู จำเลยถือปืนเตรียมพร้อมแล้วเปิดประตู ผู้ตายจะก้าวเข้ามา จำเลยพูดว่าไม่ต้องเข้ามาและยิงปืนไปทันที ดังนี้ เห็นว่าผู้ตายไปหาจำเลยตามที่เคยกระทำมา แม้จำเลยจะห้ามก็ไม่ทำให้ผู้ตายเข้าใจว่าเป็นจริงจัง เมื่อผู้ตายไปหาจำเลยก็เคาะประตูเรียกหาใช่ใช้กำลังดึงดันจะเข้าไปให้ได้ไม่ จะว่าเป็นการประทุษร้ายอันผิดกฎหมายหาได้ไม่ หากจำเลยไม่คิดฆ่านายเหรียญผู้ตายเพียงแต่ไม่เปิดประตู และแสดงความไม่ยินยอมให้เห็นอย่างจริงจัง ผู้ตายก็คงยังเข้าไปทำอันตรายแก่จำเลยไม่ได้ แต่จำเลยกลับเปิดประตูห้อง ซึ่งเป็นธรรมดาที่ผู้ตายจะต้องเข้าไป พอผู้ตายเข้าไปจำเลยก็ยิงทันที การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1777/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งทำลายสัญญาเช่าที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย และเรียกค่าเสียหายโดยอ้างสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับบุคคลภายนอกมาประกอบการเรียกค่าเสียหาย จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับบุคคลภายนอกทำขึ้นโดยไม่สุจริตและฟ้องแย้งขอให้ทำลายสัญญาเช่า ศาลสั่งรับเฉพาะคำให้การ ส่วนฟ้องแย้งนั้นถือว่าสัญญาเช่านั้นเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับบุคคลภายนอก จำเลยไม่มีส่วนได้เสียถึงกับจะขอให้ศาลสั่งทำลายสัญญานั้นได้ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จำเลยจะฟ้องแย้งไม่ได้