พบผลลัพธ์ทั้งหมด 301 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแขวงในการพิจารณาคำร้องขัดทรัพย์ แม้ทุนทรัพย์เกิน 5,000 บาท
การพิจารณาชั้นร้องขัดทรัพย์ถือเป็นการพิจารณาในเรื่องเดิมที่โจทก์ฟ้องจำเลย ฉะนั้น แม้คดีร้องขัดทรัพย์ ผู้ร้องได้ตั้งจำนวนทุนทรัพย์มา 5,000 บาท ก็หาเกินอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินมือเปล่า - สาธารณสมบัติ - อายุความ: การพิสูจน์กรรมสิทธิ์และการยกอายุความในที่ดิน
ใบเหยียบย่ำเป็นเพียงพยานว่าผู้รับใบเหยียบย่ำได้จับจองที่พิพาทตั้งแต่วันดังกล่าวในใบเหยียบย่ำ และมีกำหนดอายุเพียง 2 ปีเท่านั้นผู้รับใบเหยียบย่ำไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินรายพิพาทส่วนการขึ้นทะเบียนราชพัสดุ ก็ไม่เป็นหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์เช่นกันเมื่อที่ดินรายพิพาทไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ จึงเป็นที่ดินมือเปล่า
จำเลยที่ 1(กรมทางหลวงแผ่นดิน) ขอจับจองที่พิพาทและได้รับใบเหยียบย่ำเช่นเดียวกับเอกชนที่จับจองที่ดินธรรมดาไม่ปรากฏว่าได้ใช้ประโยชน์อะไรนอกจากปลูกอาคารรับรองไว้หลังเดียวในเนื้อที่อันกว้างขวางเฉพาะที่พิพาทมิได้เกี่ยวข้องในการก่อสร้างอาคารรับรองอยู่เหนือที่พิพาทประมาณ40 เมตร มีบ้านเรือนราษฏรถึง 35 หลังปลูกในเขตที่จำเลยอ้างว่าเป็นของจำเลยไม่ได้ความว่ามีการสงวนไว้หรือมีการใช้ที่แปลงนี้เพื่อสาธารณประโยชน์ดังนี้ ที่พิพาทหาใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่เพราะมิใช่เป็นที่ซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันโจทก์ย่อมยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1306
จำเลยที่ 1(กรมทางหลวงแผ่นดิน) ขอจับจองที่พิพาทและได้รับใบเหยียบย่ำเช่นเดียวกับเอกชนที่จับจองที่ดินธรรมดาไม่ปรากฏว่าได้ใช้ประโยชน์อะไรนอกจากปลูกอาคารรับรองไว้หลังเดียวในเนื้อที่อันกว้างขวางเฉพาะที่พิพาทมิได้เกี่ยวข้องในการก่อสร้างอาคารรับรองอยู่เหนือที่พิพาทประมาณ40 เมตร มีบ้านเรือนราษฏรถึง 35 หลังปลูกในเขตที่จำเลยอ้างว่าเป็นของจำเลยไม่ได้ความว่ามีการสงวนไว้หรือมีการใช้ที่แปลงนี้เพื่อสาธารณประโยชน์ดังนี้ ที่พิพาทหาใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่เพราะมิใช่เป็นที่ซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันโจทก์ย่อมยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1306
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินมือเปล่าและสาธารณสมบัติ: การพิสูจน์กรรมสิทธิ์และการใช้ประโยชน์
ใบเหยียบย่ำเป็นเพียงพยานว่าผู้รับใบเหยียบย่ำได้จับจองที่พิพาทตั้งแต่วันดังกล่าวในใบเหยียบย่ำ และมีกำหนดอายุเพียง 2 ปีเท่านั้น. ผู้รับใบเหยียบย่ำไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินรายพิพาท. ส่วนการขึ้นทะเบียนราชพัสดุ ก็ไม่เป็นหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์เช่นกัน. เมื่อที่ดินรายพิพาทไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ. จึงเป็นที่ดินมือเปล่า.
จำเลยที่ 1(กรมทางหลวงแผ่นดิน) ขอจับจองที่พิพาทและได้รับใบเหยียบย่ำเช่นเดียวกับเอกชนที่จับจองที่ดินธรรมดาไม่ปรากฏว่าได้ใช้ประโยชน์อะไรนอกจากปลูกอาคารรับรองไว้หลังเดียวในเนื้อที่อันกว้างขวาง. เฉพาะที่พิพาทมิได้เกี่ยวข้องในการก่อสร้างอาคารรับรองอยู่เหนือที่พิพาทประมาณ40 เมตร. มีบ้านเรือนราษฏรถึง 35 หลังปลูกในเขตที่จำเลยอ้างว่าเป็นของจำเลย. ไม่ได้ความว่ามีการสงวนไว้หรือมีการใช้ที่แปลงนี้เพื่อสาธารณประโยชน์. ดังนี้ ที่พิพาทหาใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่. เพราะมิใช่เป็นที่ซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน. โจทก์ย่อมยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้. ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1306.
จำเลยที่ 1(กรมทางหลวงแผ่นดิน) ขอจับจองที่พิพาทและได้รับใบเหยียบย่ำเช่นเดียวกับเอกชนที่จับจองที่ดินธรรมดาไม่ปรากฏว่าได้ใช้ประโยชน์อะไรนอกจากปลูกอาคารรับรองไว้หลังเดียวในเนื้อที่อันกว้างขวาง. เฉพาะที่พิพาทมิได้เกี่ยวข้องในการก่อสร้างอาคารรับรองอยู่เหนือที่พิพาทประมาณ40 เมตร. มีบ้านเรือนราษฏรถึง 35 หลังปลูกในเขตที่จำเลยอ้างว่าเป็นของจำเลย. ไม่ได้ความว่ามีการสงวนไว้หรือมีการใช้ที่แปลงนี้เพื่อสาธารณประโยชน์. ดังนี้ ที่พิพาทหาใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่. เพราะมิใช่เป็นที่ซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน. โจทก์ย่อมยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้. ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1306.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินมือเปล่าและสาธารณสมบัติ: การพิสูจน์กรรมสิทธิ์และการยกอายุความ
ใบเหยียบย่ำเป็นเพียงพยานว่า ผู้รับใบเหยียบย่ำได้จับจองที่พิพาทตั้งแต่วันดังกล่าวในใบเหยียบย่ำ และมีกำหนดอายุเพียง 2 ปีเท่านั้น ผู้รับใบเหยียบย่ำไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินรายพิพาท ส่วนการขึ้นทะเบียนราชพัสดุ ก็ไม่เป็นหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์เช่นกัน เมื่อที่ดินรายพิพาทไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ จึงเป็นที่ดินมือเปล่า
จำเลยที่ 1 (กรมทางหลวงแผ่นดิน) ขอจับจองที่พิพาทและได้รับใบเหยียบย่ำเช่นเดียวกับเอกชนที่จับจองที่ดินธรรมดาไม่ปรากฏว่าได้ใช้ประโยชน์อะไรนอกจากปลูกอาคารรับรองไว้หลังเดียวในเนื้อที่อันกว้างขวาง เฉพาะที่พิพาทมิได้เกี่ยวข้องในการก่อสร้างอาคารรับรองอยู่เหนือที่พิพาทประมาณ 40 เมตร มีบ้านเรือนราษฎรถึง 35 หลังปลูกในเขตที่จำเลยอ้างว่าเป็นของจำเลย ไม่ได้ความว่ามีการสงวนไว้หรือมีการใช้ที่แปลงนี้เพื่อสาธารณประโยชน์ ดังนี้ ที่พิพาทหาใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่ เพราะมิใช่เป็นที่ซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน โจทก์ย่อมยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1306
จำเลยที่ 1 (กรมทางหลวงแผ่นดิน) ขอจับจองที่พิพาทและได้รับใบเหยียบย่ำเช่นเดียวกับเอกชนที่จับจองที่ดินธรรมดาไม่ปรากฏว่าได้ใช้ประโยชน์อะไรนอกจากปลูกอาคารรับรองไว้หลังเดียวในเนื้อที่อันกว้างขวาง เฉพาะที่พิพาทมิได้เกี่ยวข้องในการก่อสร้างอาคารรับรองอยู่เหนือที่พิพาทประมาณ 40 เมตร มีบ้านเรือนราษฎรถึง 35 หลังปลูกในเขตที่จำเลยอ้างว่าเป็นของจำเลย ไม่ได้ความว่ามีการสงวนไว้หรือมีการใช้ที่แปลงนี้เพื่อสาธารณประโยชน์ ดังนี้ ที่พิพาทหาใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่ เพราะมิใช่เป็นที่ซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน โจทก์ย่อมยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1306
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการรับค่าทดแทนเวนคืน อสังหาริมทรัพย์ ขึ้นอยู่กับผู้ได้รับความเสียหายจริง ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สิน
โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวซึ่งได้ใช้ประกอบการค้าโดยบริษัทชาญสิริเทรดดิ้งจำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้ถือหุ้นทั้งหลายของบริษัทโจทก์เป็นเพียงผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการผู้หนึ่งอยู่ในบริษัทฯ จึงเรียกไม่ได้ว่าโจทก์ประกอบการค้าในตึกแถวดังกล่าวแต่บริษัทดังกล่าวเป็นผู้ประกอบการค้าภายในตึกแถวนั้น เมื่อมีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ ให้เวนคืนตึกแถวของโจทก์ดังกล่าว บริษัทฯจึงได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่ประกอบการค้าภายในตึกแถวนั้นและต้องออกไปจากตึก จึงเป็นผู้เสียหายมิใช่โจทก์ ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอรับค่าทดแทนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ.2497 มาตรา 14 วรรคสาม โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการรับค่าทดแทนเวนคืน: เจ้าของทรัพย์สิน vs. ผู้ประกอบการค้าในฐานะนิติบุคคล
โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวซึ่งได้ใช้ประกอบการค้าโดยบริษัทชาญสิริเทรดดิ้งจำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้ถือหุ้นทั้งหลายของบริษัท. โจทก์เป็นเพียงผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการผู้หนึ่งอยู่ในบริษัทฯ จึงเรียกไม่ได้ว่าโจทก์ประกอบการค้าในตึกแถวดังกล่าว. แต่บริษัทดังกล่าวเป็นผู้ประกอบการค้าภายในตึกแถวนั้น. เมื่อมีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ ให้เวนคืนตึกแถวของโจทก์ดังกล่าว. บริษัทฯจึงได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่ประกอบการค้าภายในตึกแถวนั้นและต้องออกไปจากตึก. จึงเป็นผู้เสียหายมิใช่โจทก์ ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอรับค่าทดแทนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ.2497 มาตรา 14 วรรคสาม. โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับค่าทดแทนเวนคืน: เจ้าของที่ดินที่ให้เช่าพื้นที่แก่บริษัท ไม่มีสิทธิรับค่าทดแทนโดยตรง
โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวซึ่งได้ใช้ประกอบการค้าโดยบริษัทชาญสิริเทรดดิ้งจำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้ถือหุ้นทั้งหลายของบริษัท โจทก์เป็นเพียงผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการผู้หนึ่งอยู่ในบริษัทฯ จึงเรียกไม่ได้ว่าโจทก์ประกอบการค้าในตึกแถวดังกล่าว แต่บริษัทดังกล่าวเป็นผู้ประกอบการค้าภายในตึกแถวนั้น เมื่อมีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ ให้เวนคืนตึกแถวของโจทก์ดังกล่าว บริษัท ฯ จึงได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่ประกอบการค้าภายในตึกแถวนั้นและต้องออกไปจากตึก จึงเป็นผู้เสียหายมิใช่โจทก์ ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอรับค่าทดแทนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ.2497 มาตรา 14 วรรคสาม โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีภารจำยอม: เวลาปิดกั้นทางเดินไม่ใช่ข้อสาระสำคัญในคำฟ้อง
รายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่จำเลยทำรั้วลวดหนามปิดกั้นทางเดินซึ่งเป็นภารจำยอม. ไม่ใช่ข้อสารสำคัญที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่ง. เป็นแต่เพียงข้อที่อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณาเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดในการระบุเวลาในคำฟ้องคดีภารจำยอม ไม่ถือเป็นฟ้องเคลือบคลุม หากบรรยายสภาพแห่งข้อหาชัดเจน
รายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่จำเลยทำรั้วลวดหนามปิดกั้นทางเดินซึ่งเป็นภารจำยอมไม่ใช่ข้อสารสำคัญที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่งเป็นแต่เพียงข้อที่อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณาเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายละเอียดวันปิดรั้วไม่เป็นข้อสำคัญในคำฟ้องภารจำยอม ศาลพิจารณาจากสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ
รายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่จำเลยทำรั้วลวดหนามปิดกั้นทางเดินซึ่งเป็นภารจำยอม ไม่ใช่ข้อสารสำคัญที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่ง เป็นแต่เพียงข้อที่อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณาเท่านั้น