คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ลออง จุลกะเศียน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 301 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องบังคับตามสัญญาซื้อขายที่ดิน เริ่มนับจากวันที่จำเลยโอนกรรมสิทธิ์และมอบที่ดินให้โจทก์ครอบครอง
จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 2257 เนื้อที่ 6 ไร่ 45 วา ซึ่งแบ่งแยกจากที่ดินโฉนดที่ 13 ให้แก่บิดาโจทก์โดยใส่ชื่อโจทก์ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2491 ต่อมาโจทก์ทราบว่าที่ดินที่โจทก์ครอบครองเป็นที่ดินโฉนดที่ 13 ที่เหลือมีเนื้อที่ 5 ไร่ 78 วา ไม่ใช่ที่ดินโฉนดที่ 2257 ส่วนที่ดินโฉนดที่ 2257 จำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองแล้วโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 ไป ดังนี้ แม้ที่ดินที่โจทก์เป็นเรื่องครอบครองที่ดินสับแปลงกัน ซึ่งโจทก์มีสิทธิฟ้องขอบังคับจำเลยก็ดี แต่โจทก์จะต้องจัดการฟ้องร้องบังคับจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตามสัญญาภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์และมอบที่ดินให้โจทก์ครอบครองตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2491 ฉะนั้น อายุความฟ้องร้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2491 เป็นต้นไป เพราะโจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้แล้ว ไม่ใช่นับแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2506 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์รู้ว่าที่ดินที่โจทก์ครอบครองไม่ใช่ที่ดินโฉนดเลขที่ 2257 แต่โจทก์เพิ่งมาฟ้องขอให้บังคับจำเลยเมื่อวัน ที่ 27 พฤศจิกายน 2506 เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี แล้วคดีโจทก์ขาดอายุความตามมาตรา 163

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองเกินกว่าเหตุ: การใช้จอบป้องกันการถูกแทงและทำร้ายร่างกาย
จำเลยนั่งทุบใบจอบอยู่ในบริเวณบ้านของจำเลยดีๆผู้ตายเมาสุรามาท้าทายจำเลย เตะจำเลยและใช้เหล็กแหลมแทงจำเลยถึง 2 ครั้ง แม้จะไม่ถูก ผู้ตายยังไล่ตามแทงติดตัวอยู่ จำเลยจึงใช้จอบซึ่งถืออยู่ในมือฟันผู้ตายไป 2 ที ดังนี้ จึงถือว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของจำเลย อันเป็นการป้องกันสิทธิของจำเลยจากภยันตรายที่ผู้ตายก่อขึ้นพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงยังไม่ควรมีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวตามกฎหมายอาญา: การใช้จอบป้องกันการถูกแทงและภยันตรายที่ใกล้เข้ามา
จำเลยนั่งทุบใบจอบอยู่ในบริเวณบ้านของจำเลยดีๆ.ผู้ตายเมาสุรามาท้าทายจำเลย. เตะจำเลยและใช้เหล็กแหลมแทงจำเลยถึง 2 ครั้ง แม้จะไม่ถูก. ผู้ตายยังไล่ตามแทงติดตัวอยู่. จำเลยจึงใช้จอบซึ่งถืออยู่ในมือฟันผู้ตายไป 2 ที. ดังนี้ จึงถือว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของจำเลย. อันเป็นการป้องกันสิทธิของจำเลยจากภยันตรายที่ผู้ตายก่อขึ้นพอสมควรแก่เหตุ. จำเลยจึงยังไม่ควรมีความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวตามกฎหมายอาญา: การใช้จอบป้องกันการถูกแทงและทำร้ายต่อเนื่อง
จำเลยนั่งทุบใบจอบอยู่ในบริเวณบ้านของจำเลยดี ๆ ผู้ตายเมาสุรามาท้าทายจำเลย เตะจำเลยและใช้เหล็กแหลมแทงจำเลยถึง 2 ครั้ง แม้จะไม่ถูก ผู้ตายยังไล่ตามแทงติดตัวอยู่ จำเลยจึงใช้จอบซึ่งถืออยู่ในมือฟันผู้ตายไป 2 ที ดังนี้ จึงถือว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของจำเลย อันเป็นการป้องกันสิทธิของจำเลยจากภยันตรายที่ผู้ตายก่อขึ้นพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงยังไม่ควรมีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทขับรถกินทาง-แซงรถ: ศาลฎีกาเน้นพฤติกรรมหลักที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยประมาทโดยแซงรถจักรยานและจักรยานยนต์ข้างหน้าเป็นเหตุให้ต้องวิ่งรถเลยกึ่งกลางถนนมาแล้วเกิดชนกันขึ้น ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของฟ้องว่าประมาท และเป็นต้นเหตุใกล้ชิดของการที่รถชนกันขึ้นอยู่ที่ขับรถกินทางไปทางขวาจนเกินทางของตน มิใช่การแซงรถ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้วาจำเลยขับรถกินทางไปทางขวา เกินกว่ากึ่งกลางถนนไปชนรถที่จำเลยอีกคนหนึ่งขับสวนมา แม้จะไม่มีการแซงรถก็ตรงกับฟ้องและความประสงค์ให้ลงโทษแล้ว ไม่ถือว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง และข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องของโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
รถยนต์บรรทุกของ ถ้าไม่รับจองบรรทุกก็เป็นรถบรรทุกส่วนบุคคล ไม่ใช่รถยนต์สาธารณะ จำเลยมีใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลจึงขับรถดังกล่าวนี้ได้ ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประมาทในการขับรถ การกินทาง และการสืบพยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยประมาทโดยแซงรถจักรยานและจักรยานยนต์ข้างหน้าเป็นเหตุให้ต้องวิ่งรถเลยกึ่งกลางถนนมาแล้วเกิดชนกันขึ้นข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญของฟ้องว่าประมาท และเป็นต้นเหตุใกล้ชิดของการที่รถชนกันขึ้นอยู่ที่ขับรถกินทางไปทางขวาจนเกินทางของตนมิใช่การแซงรถ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยขับรถกินทางไปทางขวาเกินกว่ากึ่งกลางถนนไปชนรถที่จำเลยอีกคนหนึ่งขับสวนมา แม้จะไม่มีการแซงรถก็ตรงกับฟ้องและความประสงค์ให้ลงโทษแล้ว ไม่ถือว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง และข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
รถยนต์บรรทุกของ ถ้าไม่รับจ้างบรรทุกก็เป็นรถบรรทุกของส่วนบุคคลไม่ใช่รถยนต์สาธารณะจำเลยมีใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลจึงขับรถดังกล่าวนี้ได้ ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทขับรถกินทาง-การพิพากษาความผิดฐานขับรถประมาท และการพิจารณาความรับผิดชอบจากพฤติกรรมการขับรถ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยประมาทโดยแซงรถจักรยานและจักรยานยนต์ข้างหน้าเป็นเหตุให้ต้องวิ่งรถเลยกึ่งกลางถนนมาแล้วเกิดชนกันขึ้น. ข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญของฟ้องว่าประมาท และเป็นต้นเหตุใกล้ชิดของการที่รถชนกันขึ้นอยู่ที่ขับรถกินทางไปทางขวาจนเกินทางของตน. มิใช่การแซงรถ. เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยขับรถกินทางไปทางขวาเกินกว่ากึ่งกลางถนนไปชนรถที่จำเลยอีกคนหนึ่งขับสวนมา. แม้จะไม่มีการแซงรถก็ตรงกับฟ้องและความประสงค์ให้ลงโทษแล้ว. ไม่ถือว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง และข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ.
รถยนต์บรรทุกของ ถ้าไม่รับจ้างบรรทุกก็เป็นรถบรรทุกของส่วนบุคคล.ไม่ใช่รถยนต์สาธารณะ. จำเลยมีใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลจึงขับรถดังกล่าวนี้ได้ ไม่มีความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินแม้ตื้นเขินก็ยังคงเป็นของรัฐ เอกชนไม่มีสิทธิครอบครองหรือโอน
ลำคลองอันเป็นทางน้ำที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาร่วมกัน.เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304. แม้ลำคลองนั้นได้ตื้นเขินขึ้นโดยธรรมชาติ. ไม่มีสภาพเป็นลำคลองมาประมาณ 30 ปีเศษ. และไม่มีราษฎรได้ใช้ประโยชน์ก็ตาม. แต่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพลำคลองนั้นจากการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรคสอง และทางราชการยังถือเป็นที่หลวงหวงห้ามลำคลองนั้นจึงยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน. จะโอนแก่กันมิได้. และจะยกอายุความขึ้นต่อสู้แผ่นดินก็ไม่ได้. ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305,1306.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้ตื้นเขินก็ยังไม่อาจโอนกรรมสิทธิ์ได้ จนกว่าจะมีกฤษฎีกาถอนสภาพ
ลำคลองอันเป็นทางน้ำที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาร่วมกันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 แม้ลำคลองนั้นได้ตื้นเขินขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่มีสภาพเป็นลำคลองมาประมาณ 30 ปีเศษ และไม่มีราษฎรได้ใช้ประโยชน์ก็ตามแต่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพลำคลองนั้นจากการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรคสอง และทางราชการยังถือเป็นที่หลวงหวงห้ามลำคลองนั้นจึงยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จะโอนแก่กันมิได้ และจะยกอายุความขึ้นต่อสู้แผ่นดินก็ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305,1306

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำคลองตื้นเขินยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้ไม่มีผู้ใช้ประโยชน์และไม่ได้ถอนสภาพ
ลำคลองอันเป็นทางน้ำที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาร่วมกัน เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 แม้ลำคลองนั้นได้ตื้นเขินขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่มีสภาพเป็นลำคลองมาประมาณ 30 ปีเศษ และไม่มีราษฎรได้ใช้ประโยชน์ก็ตาม แต่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพลำคลองนั้นจากการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรค 2 และทางราชการยังถือเป็นที่หลวงหวงห้าม ลำคลองนั้นจึงยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จะโอนแก่กันมิได้ และจะยกอายุความขึ้นต่อสู้แผ่นดินก็ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305, 1306
of 31