พบผลลัพธ์ทั้งหมด 148 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วม สินสมรส และการบังคับคดี: การยึดทรัพย์สินเดิมที่เปลี่ยนสภาพเป็นสินสมรส
กรณีร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดนั้นเมื่อฟังว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่ภรรยาก่อขึ้นเป็นหนี้ร่วมแล้ว ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีจะอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดนั้นเป็นสินเดิมและขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดนั้น ย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสินสมรส: เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์สินเดิมที่นำมาใช้หนี้ แม้ผู้ร้องไม่ได้ยินยอม
กรณีร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดนั้น เมื่อฟังว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่ภรรยาก่อขึ้นเป็นหนี้ร่วมแล้ว ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีจะอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดนั้นเป็นสินเดิมและขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดนั้น ย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินบริคณห์: การบังคับยึดทรัพย์สินเดิมของภริยาเพื่อชำระหนี้สามีที่มิใช่หนี้ร่วม
แม้ผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นภริยาของจำเลยมาตั้งแต่ก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 หนี้ที่จำเลยหรือผู้ร้องก่อขึ้นเป็นส่วนตัวฝ่ายเดียวก็ไม่อาจเอาใช้จากสินบริคณห์ที่เป็นส่วนของอีกฝ่ายหนึ่งได้(ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1479) จะเอาใช้จากสินบริคณห์ของทั้งสองฝ่ายได้ก็ต่อเมื่อเป็นหนี้ที่ต้องรับผิดร่วมกัน (มาตรา 1480)
จะถือว่าเป็นสินบริคณห์แล้ว เจ้าหนี้ของจำเลยจะนำยึดเพื่อขายทอดตลาดใช้หนี้ได้เสมอไปหาได้ไม่ ถ้าเป็นสินเดิมของผู้ร้องแล้วโจทก์จะนำยึดมาขายทอดตลาดได้ต่อเมื่อหนี้ตามคำพิพากษานั้นเป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482
จำเลยกับผู้ร้องขัดทรัพย์เกิดแตกร้าวกันอย่างรุนแรงจนแยกกันต่างคนต่างอยู่กันมาหลายปีแล้ว แยกกันแล้วผู้ร้องได้สามีใหม่โดยจดทะเบียนสมรส จำเลยได้ฟ้องเพิกถอนการสมรสนั้นและในระหว่างนั้นผู้ร้องได้โอนขายที่พิพาทซึ่งเป็นสินเดิมของผู้ร้องให้แก่ผู้อื่นจำเลยก็จ้างโจทก์เป็นทนายฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์แก่จำเลยแต่ฝ่ายเดียว เพราะจำเลยพยายามอ้างและหวังอยู่ว่าที่พิพาทนี้เป็นสินสมรสซึ่งจำเลยอาจมีส่วนแบ่งด้วย นอกจากนี้จำเลยกับผู้ร้องยังเป็นความฟ้องร้องกันเรื่องอื่นอีก ดังนี้ ค่าจ้างโจทก์ว่าความคดีขอเพิกถอนการโอนนั้น กับเงินที่จำเลยกู้โจทก์มาใช้จ่ายในการเป็นความกับผู้ร้องย่อมไม่มีลักษณะเป็นหนี้ร่วมตามมาตรา 1482
หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินบริคณห์ตามความหมายในมาตรา 1482(2) หมายถึงหนี้ที่เกี่ยวพันอยู่กับตัวทรัพย์ที่เป็นสินบริคณห์นั้นเอง เช่น ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตัวทรัพย์นั้นเป็นต้น
จะถือว่าเป็นสินบริคณห์แล้ว เจ้าหนี้ของจำเลยจะนำยึดเพื่อขายทอดตลาดใช้หนี้ได้เสมอไปหาได้ไม่ ถ้าเป็นสินเดิมของผู้ร้องแล้วโจทก์จะนำยึดมาขายทอดตลาดได้ต่อเมื่อหนี้ตามคำพิพากษานั้นเป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482
จำเลยกับผู้ร้องขัดทรัพย์เกิดแตกร้าวกันอย่างรุนแรงจนแยกกันต่างคนต่างอยู่กันมาหลายปีแล้ว แยกกันแล้วผู้ร้องได้สามีใหม่โดยจดทะเบียนสมรส จำเลยได้ฟ้องเพิกถอนการสมรสนั้นและในระหว่างนั้นผู้ร้องได้โอนขายที่พิพาทซึ่งเป็นสินเดิมของผู้ร้องให้แก่ผู้อื่นจำเลยก็จ้างโจทก์เป็นทนายฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์แก่จำเลยแต่ฝ่ายเดียว เพราะจำเลยพยายามอ้างและหวังอยู่ว่าที่พิพาทนี้เป็นสินสมรสซึ่งจำเลยอาจมีส่วนแบ่งด้วย นอกจากนี้จำเลยกับผู้ร้องยังเป็นความฟ้องร้องกันเรื่องอื่นอีก ดังนี้ ค่าจ้างโจทก์ว่าความคดีขอเพิกถอนการโอนนั้น กับเงินที่จำเลยกู้โจทก์มาใช้จ่ายในการเป็นความกับผู้ร้องย่อมไม่มีลักษณะเป็นหนี้ร่วมตามมาตรา 1482
หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินบริคณห์ตามความหมายในมาตรา 1482(2) หมายถึงหนี้ที่เกี่ยวพันอยู่กับตัวทรัพย์ที่เป็นสินบริคณห์นั้นเอง เช่น ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตัวทรัพย์นั้นเป็นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสและการบังคับชำระหนี้ส่วนตัว: สิทธิในเงินจากการขายทอดตลาด
สามีไปกู้เงินโจทก์โดยภรรยามิได้รู้เห็นยินยอมหรือรับประโยชน์ เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดทรัพย์ที่เป็นสินสมรสระหว่างสามีภรรยานั้นมาขายทอดตลาดได้เงินสุทธิเท่าใด ภรรยาก็มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งจากเงินสุทธิที่ได้จากการขายทอดตลาดนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386-387/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยา: การบังคับชำระหนี้จากสินส่วนตัวและสินบริคณห์ และความรับผิดส่วนตัว
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 ที่บัญญัติว่า ถ้าสามีภริยาต้องรับผิดใช้หนี้ร่วมกัน ให้ใช้จากสินบริคหณ์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายนั้น มิได้หมายความว่า สามีหรือภริยาไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวนอกเหนือไปจากทรัพย์สินที่ระบุไว้นั้น แต่บัญญัติไว้เพื่อให้เห็นว่า ในระหว่างที่เป็นสามีภริยากันอยู่ การชำระหนี้ย่อมบังคับเอาได้จากทรัพย์ทั้งสองประเภท ผิดกับมาตรา 1479 ซึ่งหนี้ส่วนตัวจะเอาได้จากสินส่วนตัว ต่อไม่พอจึงให้ใช้จากสินบริคณห์ที่เป็นส่วนของลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386-387/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยา: การบังคับชำระหนี้จากสินส่วนตัวและสินบริคณห์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 ที่บัญญัติว่า ถ้าสามีภริยาต้องรับผิดใช้หนี้ร่วมกัน ให้ใช้จากสินบริคณฑ์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายนั้นมิได้หมายความว่า สามีหรือภริยาไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวนอกเหนือไปจากทรัพย์สินที่ระบุไว้นั้นแต่บัญญัติไว้เพื่อให้เห็นว่าในระหว่างที่เป็นสามีภริยากันอยู่ การชำระหนี้ย่อมบังคับเอาได้จากทรัพย์ทั้งสองประเภท ผิดกับมาตรา 1479 ซึ่งหนี้ส่วนตัวจะเอาได้จากสินส่วนตัวต่อไม่พอ จึงให้ใช้จากสินบริคณห์ที่เป็นส่วนของลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภริยาไม่ต้องรับผิดร่วมในหนี้สินของสามีที่ก่อขึ้นระหว่างสมรส เว้นแต่เป็นหนี้ร่วม
หนี้สินที่จำเลยผู้เป็นสามีก่อขึ้นในระหว่างที่จำเลยกับผู้ร้องยังเป็นสามีภริยากันอยู่เมื่อใช้ ป.ม.แพ่งฯ บรรพ 5 แล้วนั้นผู้ซึ่งเป็นภริยาจะต้องรับผิดร่วมด้วยหรือไม่นั้นได้มีคำพิพากษาฎีกาที่ 1045/1484 วินิจฉัยไว้เป็นแบบอย่างไว้แล้วว่าภริยาไม่ต้องรับผิดร่วมด้วยเว้นแต่หนี้นั้นจะเป็นหนี้ร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภริยาไม่ต้องรับผิดในหนี้สินสามีที่ก่อขึ้นระหว่างสมรส เว้นแต่เป็นหนี้ร่วม
หนี้สินที่จำเลยผู้เป็นสามีก่อขึ้นในระหว่างที่จำเลยกับผู้ร้องยังเป็นสามีภริยากันอยู่เมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้วนั้นผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาจะต้องรับผิดร่วมด้วยหรือไม่นั้น ได้มีคำพิพากษาฎีกาที่ 1045/2484 วินิจฉัยไว้เป็นแบบอย่างไว้แล้วว่า ภริยาไม่ต้องรับผิดร่วมด้วยเว้นแต่หนี้นั้นจะเป็นหนี้ร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินส่วนตัวของภริยาจากการทำสัญญา และการยึดทรัพย์สินของบุคคลนอกคดี
ก่อนมีการสมรส สามีภริยาได้ทำหนังสือสัญญากันถูกต้องตามกฎหมายไว้ต่อกันว่า ทรัพย์สินต่างๆ อันเป็นกรรมสิทธิ์ของภริยา ซึ่งมีอยู่ก่อนทำการสมรสรวมทั้งดอกผลที่จะเกิดขึ้นใหม่ภายหลัง สามียอมรับว่าเป็นสินส่วนตัวของภริยาตลอดไป ฉะนั้น ทรัพย์ที่ภริยาซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนสมรส จึงเป็นสินส่วนตัวของภริยา ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1464
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271,278,280เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะยึดทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ร้อง ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีไม่ได้ แม้จะปรากฏว่าผู้ร้องเป็นภริยาจำเลยซึ่งต้องรับผิดในฐานลูกหนี้ร่วมด้วยก็ตาม
ทรัพย์สินส่วนตัวของภริยาซึ่งเป็นคนนอกคดี แต่เป็นลูกหนี้ร่วมกับสามีซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ไม่ใช่เป็นทรัพย์สินตามนัยแห่งมาตรา 282 วรรคท้ายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีอาจยึดหรืออายัดและเอาออกขายได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271,278,280เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะยึดทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ร้อง ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีไม่ได้ แม้จะปรากฏว่าผู้ร้องเป็นภริยาจำเลยซึ่งต้องรับผิดในฐานลูกหนี้ร่วมด้วยก็ตาม
ทรัพย์สินส่วนตัวของภริยาซึ่งเป็นคนนอกคดี แต่เป็นลูกหนี้ร่วมกับสามีซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ไม่ใช่เป็นทรัพย์สินตามนัยแห่งมาตรา 282 วรรคท้ายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีอาจยึดหรืออายัดและเอาออกขายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละละทิ้งภรรยาและการจำหน่ายสินสมรสเพื่ออุปการะเลี้ยงดูบุตร ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
การที่สามีทุบตีขับไล่ภรรยาจนถึงภรรยาต้องหนีไปอยู่ที่อื่นนั้นถือได้ว่าสามีได้สละละทิ้งภรรยา
ภรรยาหนีสามีไปอยู่ที่อื่นเพราะเหตุที่สามีสละละทิ้งและได้พาเอาสินสมรสไปด้วยนั้น ภรรยาย่อมมีสิทธิ์เอาทรัพย์สินนั้นจำหน่ายใช้สอยเพื่อการอุปการะเลี้ยงดู และการศึกษาของบุตรได้ตามที่จำเป็น ในกรณีเช่นนี้ ถือว่าเป็นหนี้ร่วมกันในระหว่างสามีภริยานั้นสามีจะฟ้องร้องเรียกสินสมรสคืนไม่ได้
ภรรยาหนีสามีไปอยู่ที่อื่นเพราะเหตุที่สามีสละละทิ้งและได้พาเอาสินสมรสไปด้วยนั้น ภรรยาย่อมมีสิทธิ์เอาทรัพย์สินนั้นจำหน่ายใช้สอยเพื่อการอุปการะเลี้ยงดู และการศึกษาของบุตรได้ตามที่จำเป็น ในกรณีเช่นนี้ ถือว่าเป็นหนี้ร่วมกันในระหว่างสามีภริยานั้นสามีจะฟ้องร้องเรียกสินสมรสคืนไม่ได้