คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จินตา บุณยอาคม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 811 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเบิกความเท็จต้องพิสูจน์ชัดเจน แม้ศาลฟังพยานฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะคดี ก็ไม่ถือว่าอีกฝ่ายมีเจตนาเบิกความเท็จเสมอไป
ในกรณีที่ศาลวินิจฉัยว่าควรฟังพยานฝ่ายใด และพิพากษาให้ชนะคดีแล้วนั้น ยังไม่เป็นเหตุพอที่จะถือว่าฝ่ายผู้แพ้คดีมีเจตนาเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีนั้นๆ เสมอไปเมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยิ่งขึ้นไปกว่าที่ปรากฏแล้วในสำนวนหรือคดีเดิม อันจะพึงแสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งปราศจากสงสัยว่าจำเลยมีเจตนาเบิกความเท็จในข้อสำคัญในการพิจารณาคดีดังกล่าวแล้ว ก็ฟังลงโทษจำเลยในฐานนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเบิกความเท็จต้องพิสูจน์ได้ชัดเจน แม้ศาลวินิจฉัยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะคดี
ในกรณีที่ศาลวินิจฉัยว่าควรฟังพยานฝ่ายใด และพิพากษาให้ชนะคดีแล้วนั้น. ยังไม่เป็นเหตุพอที่จะถือว่าฝ่ายผู้แพ้คดีมีเจตนาเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีนั้นๆ เสมอไป.เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยิ่งขึ้นไปกว่าที่ปรากฏแล้วในสำนวนหรือคดีเดิม. อันจะพึงแสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งปราศจากสงสัยว่าจำเลยมีเจตนาเบิกความเท็จในข้อสำคัญในการพิจารณาคดีดังกล่าวแล้ว. ก็ฟังลงโทษจำเลยในฐานนี้ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเบิกความเท็จต้องพิสูจน์ได้ชัดเจน แม้ศาลฟังพยานฝ่ายใดชนะคดี ก็ไม่ถือว่าอีกฝ่ายมีเจตนาเบิกความเท็จเสมอไป
ในกรณีที่ศาลวินิจฉัยว่าควรฟังพยานฝ่ายใด และพิพากษาให้ชนะคดีแล้วนั้น ยังไม่เป็นเหตุพอที่จะถือว่าฝ่ายผู้แพ้คดีมีเจตนาเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีนั้นๆ เสมอไป เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยิ่งขึ้นไปกว่าที่ปรากฏแล้วในสำนวนหรือคดีเดิม อันจะพึงแสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งปราศจากสงสัยว่าจำเลยมีเจตนาเบิกความเท็จในข้อสำคัญในการพิจารณาคดีดังกล่าวแล้ว ก็ฟังลงโทษจำเลยในฐานนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องผู้ทรงเช็คหลังโอนต่อ – เช็คผู้ถือ
เช็คผู้ถือซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย แล้วมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ โจทก์โอนเช็คนั้นต่อไป ผู้ได้รับโอนเอาไปขอรับเงินจากธนาคาร ธนาคารไม่จ่ายเงิน ผู้รับโอนนั้นจึงโอนเช็คคืนให้โจทก์ โจทก์เป็นผู้ทรง มีอำนาจฟ้องจำเลยเรียกเงินตามเช็คนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คผู้ถือ โอนต่อ - อำนาจฟ้องของผู้ทรง
เช็คผู้ถือซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย แล้วมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ โจทก์โอนเช็คนั้นต่อไป ผู้ได้รับโอนเอาไปขอรับเงินจากธนาคาร ธนาคารไม่จ่ายเงิน ผู้รับโอนนั้นจึงโอนเช็คคืนให้โจทก์ โจทก์เป็นผู้ทรง มีอำนาจฟ้องจำเลยเรียกเงินตามเช็คนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องผู้ทรงเช็ค: การโอนเช็คและการกลับมาเป็นผู้ทรง
เช็คผู้ถือซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย แล้วมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ โจทก์โอนเช็คนั้นต่อไป. ผู้ได้รับโอนเอาไปขอรับเงินจากธนาคาร. ธนาคารไม่จ่ายเงิน. ผู้รับโอนนั้นจึงโอนเช็คคืนให้โจทก์ โจทก์เป็นผู้ทรง มีอำนาจฟ้องจำเลยเรียกเงินตามเช็คนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1853/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คโดยชอบ แม้ผู้สั่งจ่ายไม่มีเงินฝาก ผู้สลักหลัง/อาวัลร่วมรับผิด แม้มีการถอนฟ้องคดีอาญา
ผู้สั่งจ่ายเช็คไม่มีเงินฝากธนาคาร แต่ออกเช็คโดยใช้แบบพิมพ์เช็คของบุคคลอื่นเมื่อทำเป็นหนังสือตราสารซึ่งมีรายการครบถ้วนบริบูรณ์ตามลักษณะที่บัญญัติไว้ในมาตรา 987, 988 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ย่อมเป็นเช็คโดยชอบหากผู้ทรงนำไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้ ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังหรือผู้รับประกันด้วยอาวัลย่อมต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ทรง
การที่ผู้ทรงเช็คเคยฟ้องผู้สั่งจ่ายเป็นคดีอาญา แล้วถอนฟ้องเสีย โดยยอมผ่อนเวลาให้ผู้สั่งจ่ายใช้เงินตามเช็คนั้น ไม่เป็นเหตุให้ผู้สลักหลังหรือรับประกันด้วยอาวัลหลุดพ้นจากความรับผิด เพราะต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ทรง
(ปัญหาตามวรรคแรกวินิจฉัยตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1017/2507 ซึ่งวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1853/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คที่ออกโดยไม่มีเงินฝากแต่มีรายการครบถ้วนสมบูรณ์ ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังต้องรับผิดร่วมกันต่อผู้ทรง
ผู้สั่งจ่ายเช็คไม่มีเงินฝากธนาคาร แต่ออกเช็คโดยใช้แบบพิมพ์เช็คของบุคคลอื่นเมื่อทำเป็นหนังสือตราสารซึ่งมีรายการครบถ้วนบริบูรณ์ตามลักษณะที่บัญญัติไว้ในมาตรา 987,988 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ย่อมเป็นเช็คโดยชอบหากผู้ทรงนำไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้ ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังหรือผู้รับประกันด้วยอาวัลย่อมต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ทรง
การที่ผู้ทรงเช็คเคยฟ้องผู้สั่งจ่ายเป็นคดีอาญา แล้วถอนฟ้องเสีย โดยยอมผ่อนเวลาให้ผู้สั่งจ่ายใช้เงินตามเช็คนั้น ไม่เป็นเหตุให้ผู้สลักหลังหรือรับประกันด้วยอาวัลหลุดพ้นจากความรับผิด เพราะต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ทรง (ปัญหาตามวรรคแรกวินิจฉัยตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1017/2507 ซึ่งวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1853/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คโดยชอบแม้ไม่มีเงินฝาก ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังร่วมรับผิดต่อผู้ทรง
ผู้สั่งจ่ายเช็คไม่มีเงินฝากธนาคาร. แต่ออกเช็คโดยใช้แบบพิมพ์เช็คของบุคคลอื่นเมื่อทำเป็นหนังสือตราสารซึ่งมีรายการครบถ้วนบริบูรณ์ตามลักษณะที่บัญญัติไว้ในมาตรา 987, 988 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ย่อมเป็นเช็คโดยชอบ.หากผู้ทรงนำไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้. ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังหรือผู้รับประกันด้วยอาวัลย่อมต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ทรง.
การที่ผู้ทรงเช็คเคยฟ้องผู้สั่งจ่ายเป็นคดีอาญา แล้วถอนฟ้องเสีย โดยยอมผ่อนเวลาให้ผู้สั่งจ่ายใช้เงินตามเช็คนั้น. ไม่เป็นเหตุให้ผู้สลักหลังหรือรับประกันด้วยอาวัลหลุดพ้นจากความรับผิด เพราะต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ทรง. (ปัญหาตามวรรคแรกวินิจฉัยตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1017/2507 ซึ่งวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายที่ดินที่ได้รับยกให้โดยเสน่หา ไม่ถือเป็นการค้าหากำไร จึงไม่ต้องเสียภาษี
โจทก์ได้รับยกให้ที่ดินโดยเสน่หาจากน้าและมารดาซึ่งซื้อที่ดินดังกล่าวมาหลายปีแล้วโดยไม่ได้มุ่งหวังหากำไรเป็นทางค้า แล้วโจทก์ขายไปโดยได้ตัดถนนซอยและแบ่งที่ดินเป็นแปลงเล็กๆ เพื่อให้ขายได้ง่ายและได้ราคาดีขึ้นนั้น เป็นการขายที่ดินอันเป็นสมบัติเก่าตามธรรมดาในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ขายที่ดินไปเป็นทางค้าหากำไร อันจะต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรแม้ต่อมาภายหลังโจทก์จะได้ตั้งบริษัทค้าที่ดินขึ้น ก็จะฟังย้อนหลังว่าการขายที่ดินของโจทก์ก่อนตั้งบริษัทค้าที่ดินเป็นทางค้าหากำไรด้วยหาได้ไม่
of 82