พบผลลัพธ์ทั้งหมด 452 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว แม้เป็นสามีภริยา พินัยกรรมยกสิทธิให้ผู้อื่นจึงไม่ผูกพัน
บิดาโจทก์อยู่กินกับจำเลยฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทจากเจ้าของ บิดาโจทก์ทำพินัยกรรมโอนสิทธิในที่เช่านั้นให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง พินัยกรรมนั้นไม่มีผลที่จะนำมาใช้ยันจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1377/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมฟ้องคดีอาญา: เหตุสมควรและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
ฟ้องโจทก์มิได้ระบุวันเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดก่อนสืบพยานโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดโดยอ้างว่าพิมพ์ตกไป เมื่อศาลเห็นว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ในข้อนี้ศาลย่อมอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ โดยถือว่าวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดนั้นเป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องกล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1377/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมฟ้องคดีอาญา: เหตุสมควร, ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ, ก่อนสืบพยาน
ฟ้องโจทก์มิได้ระบุวันเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด ก่อนสืบพยานโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดโดยอ้างว่าพิมพ์ตกไป เมื่อศาลเห็นว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ในข้อนี้ ศาลย่อมอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ โดยถือว่าวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดนั้นเป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องกล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเภทสัญญาจ้าง: จ้างทำของ vs. จ้างแรงงาน และอายุความผิดสัญญาขนส่ง
จำเลยตกลงรับจ้างทำการชักลากไม้ของโจทก์จำนวน 60 ท่อน จากป่าระหารไปส่งให้แก่โจทก์ผู้ว่าจ้างที่บ้านท่าพุทรา ซึ่งเป็นการขนเฉพาะไม้รายนี้ให้โจทก์ให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยโจทก์คิดค่าจ้างให้จำเลยเพื่อผลสำเร็จแห่งการงานนั้น ในจำนวนไม้ตามที่จำเลยส่งมอบให้โจทก์ ในอัตราลูกบาศก์เมตรละ 60 บาท หาใช่เป็นสัญญาที่จำเลยมีหน้าที่จะต้องทำการขนไม้รายอื่น ๆ ให้โจทก์อยู่ตลอดเวลาที่จ้างตามที่กำหนดไว้นั้นไม่ สัญญาที่จำเลยทำจึงเป็นสัญญาจ้างทำของ หาใช่เป็นสัญญาจ้างแรงงานไม่
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 การชำรุดบกพร่องจะต้องเป็นความชำรุดบกพร่องแก่ตัวทรัพย์ที่จำเลยทำการขนส่งมอบแก่โจทก์ จำเลยขนไม้ไปส่งมอบให้โจทก์ไม่ครบจำนวน จึงเป็นเรื่องที่จำเลยผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ กรณีไม่เข้ามาตรา 601 ตามสัญญาจ้างชักลากไม้ก็มีความว่า หากปรากฏว่าไม้ที่จ้างกันนี้สูญหายหรือเสียหายด้วยประการใด ๆ จำเลยผู้รับจ้างจะต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าไม้ที่ขาดหายไปนั้นจากจำเลยได้ภายในกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 การชำรุดบกพร่องจะต้องเป็นความชำรุดบกพร่องแก่ตัวทรัพย์ที่จำเลยทำการขนส่งมอบแก่โจทก์ จำเลยขนไม้ไปส่งมอบให้โจทก์ไม่ครบจำนวน จึงเป็นเรื่องที่จำเลยผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ กรณีไม่เข้ามาตรา 601 ตามสัญญาจ้างชักลากไม้ก็มีความว่า หากปรากฏว่าไม้ที่จ้างกันนี้สูญหายหรือเสียหายด้วยประการใด ๆ จำเลยผู้รับจ้างจะต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าไม้ที่ขาดหายไปนั้นจากจำเลยได้ภายในกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเภทสัญญาจ้าง (จ้างทำของ vs จ้างแรงงาน) และอายุความของค่าเสียหายจากการชำรุดบกพร่อง
จำเลยตกลงรับจ้างทำการชักลากไม้ของโจทก์จำนวน 60 ท่อนจากป่าระหารไปส่งให้แก่โจทก์ผู้ว่าจ้างที่บ้านท่าพุทราซึ่งเป็นการขนเฉพาะไม้รายนี้ให้โจทก์ให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยโจทก์คิดค่าจ้างให้จำเลยเพื่อผลสำเร็จแห่งการงานนั้น ในจำนวนไม้ตามที่จำเลยส่งมอบให้โจทก์ในอัตราลูกบาศก์เมตรละ 60 บาท หาใช่เป็นสัญญาที่จำเลยมีหน้าที่จะต้องทำการขนไม้รายอื่น ๆ ให้โจทก์อยู่ตลอดเวลาที่จ้างตามที่กำหนดไว้นั้นไม่ สัญญาที่จำเลยทำจึงเป็นสัญญาจ้างทำของ หาใช่เป็นสัญญาจ้างแรงงานไม่
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 การชำรุดบกพร่องจะต้องเป็นความชำรุดบกพร่องแก่ตัวทรัพย์ที่จำเลยทำการขนส่งมอบแก่โจทก์ จำเลยขนส่งไม้ไปส่งมอบให้โจทก์ไม่ครบจำนวน จึงเป็นเรื่องที่จำเลยผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ กรณีไม่เข้ามาตรา 601 ตามสัญญาจ้างชักลากไม้ก็มีความว่า หากปรากฏว่าไม้ที่จ้างกันนี้สูญหายหรือเสียหายด้วยประการใด ๆ จำเลยผู้รับจ้างจะต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าไม้ที่ขาดหายไปนั้นจากจำเลยได้ภายในกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 การชำรุดบกพร่องจะต้องเป็นความชำรุดบกพร่องแก่ตัวทรัพย์ที่จำเลยทำการขนส่งมอบแก่โจทก์ จำเลยขนส่งไม้ไปส่งมอบให้โจทก์ไม่ครบจำนวน จึงเป็นเรื่องที่จำเลยผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ กรณีไม่เข้ามาตรา 601 ตามสัญญาจ้างชักลากไม้ก็มีความว่า หากปรากฏว่าไม้ที่จ้างกันนี้สูญหายหรือเสียหายด้วยประการใด ๆ จำเลยผู้รับจ้างจะต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าไม้ที่ขาดหายไปนั้นจากจำเลยได้ภายในกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: ศาลต้องรับฟังพยานทั้งโจทก์จำเลยก่อนชี้ขาดความผิด
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการใส่ความทำหนังสือร้องเรียนกล่าวหาโจทก์ แล้วส่งไปโฆษณาตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์จำเลยให้การว่า จำเลยได้ร้องเรียนจริงโดยส่งคำร้องเรียนไปลงหนังสือพิมพ์ด้วยความสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับจำเลยตามคลองธรรมและเพื่อประโยชน์แก่ประชาชน ข้อความที่ร้องเรียนเป็นความจริงขอพิสูจน์ความจริง ดังนี้เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด และเพื่อมิให้จำเลยต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 329(1) และมาตรา 330 แห่งประมวลกฎหมายอาญาเป็นคำให้การปฏิเสธ
เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความผิด ศาลจะต้องฟังข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์ จำเลยเสียก่อนจึงจะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานของโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดไปทีเดียว จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความผิด ศาลจะต้องฟังข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์ จำเลยเสียก่อนจึงจะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานของโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดไปทีเดียว จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: ศาลต้องรับฟังพยานทั้งสองฝ่ายก่อนตัดสินว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการใส่ความทำหนังสือร้องเรียนกล่าวหาโจทก์ แล้วส่งไปโฆษณาตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ จำเลยให้การว่า จำเลยได้ร้องเรียนจริง โดยส่งคำร้องเรียนไปลงหนังสือพิมพ์ด้วยความสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับจำเลยตามคลองธรรมและเพื่อประโยชน์แก่ประชาชน ข้อความที่ร้องเรียนเป็นความจริง ขอพิสูจน์ความจริง ดังนี้เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด และเพื่อมิให้จำเลยต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 329 (1) และมาตรา 330 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เป็นคำให้การปฏิเสธ
เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความผิด ศาลจะต้องฟังข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์จำเลยเสียก่อนจึงจะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานของโจทก์จำลยแล้ววินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดไปทีเดียว จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความผิด ศาลจะต้องฟังข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์จำเลยเสียก่อนจึงจะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานของโจทก์จำลยแล้ววินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดไปทีเดียว จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการลดโทษ: ลดมาตราส่วนโทษก่อนกำหนดโทษตามอายุและเหตุบรรเทาโทษ
การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 นั้น หมายความว่า ลดมาตราส่วนโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำ (ก่อนกำหนดโทษจำเลย) มิใช่กำหนดโทษจำเลยเสียก่อน แล้วจึงลดมาตราส่วนโทษลง ส่วนมาตรา 54 นั้น เป็นเรื่องการคำนวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษ (จากโทษที่ได้กำหนดแล้ว)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการลดโทษ: ลดมาตราส่วนก่อนกำหนดโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 76 และความแตกต่างจากมาตรา 54
การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 นั้นหมายความว่าลดมาตราส่วนโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำ (ก่อนกำหนดโทษจำเลย) มิใช่กำหนดโทษจำเลยเสียก่อนแล้วจึงลดมาตราส่วนโทษลง ส่วนมาตรา 54 นั้น เป็นเรื่องการคำนวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษ (จากโทษที่ได้กำหนดแล้ว)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดบุกรุกเพื่อพยายามลักทรัพย์: การกระทำเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท
ผู้เสียหายสวมสร้อยคอทองคำนอนหลับอยู่ในห้องกับเด็กหญิง ส. จำเลยมีเจตนาลักสร้อยคอของผู้เสียหาย จึงเข้าไปในห้องนั้น แต่ห้องมืดจำเลยมองไม่เห็น จึงใช้มือคลำที่คอเด็กหญิง ส. โดยคิดว่าเป็นคอของผู้เสียหาย เด็กหญิง ส. ตื่นขึ้น จำเลยจึงหนีไปเช่นนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายามลักสร้อยคอผู้เสียหายแล้ว แม้จำเลยจะยังมิได้แตะต้องสร้อยคอนั้นก็ตาม
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนเพื่อเข้าไปลักทรัพย์แล้วได้กระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท คือผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 และมาตรา 335 วรรคสองประกอบมาตรา 80 ศาลต้องลงโทษจำเลยตามมาตรา 365 อันเป็นบทหนัก
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนเพื่อเข้าไปลักทรัพย์แล้วได้กระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท คือผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 และมาตรา 335 วรรคสองประกอบมาตรา 80 ศาลต้องลงโทษจำเลยตามมาตรา 365 อันเป็นบทหนัก