พบผลลัพธ์ทั้งหมด 452 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับอุทธรณ์ฐานะคนอนาถา และสิทธิร้องขอพิจารณาคำขอใหม่
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ผู้ขออาจอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ได้ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น
แม้ผู้ขอจะไม่อุทธรณ์คำสั่งนั้น ก็ยังอาจยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนได้ (อ้างฎีกาที่ 1416/2506)
หากศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องดังกล่าวโดยไม่อนุญาตให้นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม ย่อมอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติว่า คำสั่งศาลชั้นต้นเช่นว่านี้ให้เป็นที่สุด
การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นในกรณีนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการที่ผู้ขอร้องว่าเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียม จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
แม้ผู้ขอจะไม่อุทธรณ์คำสั่งนั้น ก็ยังอาจยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนได้ (อ้างฎีกาที่ 1416/2506)
หากศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องดังกล่าวโดยไม่อนุญาตให้นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม ย่อมอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติว่า คำสั่งศาลชั้นต้นเช่นว่านี้ให้เป็นที่สุด
การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นในกรณีนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการที่ผู้ขอร้องว่าเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียม จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587-588/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน การหลอกลวงผ่านการโฆษณาและการกระทำที่เชื่อมโยงถึงการดำเนินการในอนาคต
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 โดยระบุชื่อผู้เสียหายมาในฟ้อง และราษฎรผู้มีชื่ออีกหลายคนถือว่าเข้าองค์ประกอบเป็นฟ้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 แล้ว
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยานเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้าแต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ ซึ่งเชื่อมโยงต่อขั้นที่จะดำเนินการต่อไปดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยานเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้าแต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ ซึ่งเชื่อมโยงต่อขั้นที่จะดำเนินการต่อไปดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587-588/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฉ้อโกงประชาชน: โฆษณาหลอกลวงถือเป็นความผิดแม้ยังไม่เกิดผล
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343. โดยระบุชื่อผู้เสียหายมาในฟ้อง และราษฎรผู้มีชื่ออีกหลายคน.ถือว่าเข้าองค์ประกอบเป็นฟ้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 แล้ว.
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยานเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้าแต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ. ซึ่งเชื่อมโยงต่อขั้นที่จะดำเนินการต่อไป. ดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว.
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยานเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้าแต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ. ซึ่งเชื่อมโยงต่อขั้นที่จะดำเนินการต่อไป. ดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587-588/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฉ้อโกงประชาชน: การหลอกลวงผ่านการโฆษณาและการกระทำที่เชื่อมโยงถึงอนาคต
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 โดยระบุชื่อผู้เสียหายมาในฟ้อง และราษฎรผู้มีชื่ออีกหลายคน ถือว่าเข้าองค์ประกอบเป็นฟ้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 แล้ว
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้า แต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ ซึ่งเชื่อมโยงต่อชั้นที่จะดำเนินการต่อไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้า แต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ ซึ่งเชื่อมโยงต่อชั้นที่จะดำเนินการต่อไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่าขาดจากกัน, เหตุหย่าตามกฎหมาย, การระงับสิทธิฟ้องร้อง, และค่าอุปการะเลี้ยงดู
สามีภริยาได้ทำหนังสือลงลายมือชื่อสามีภริยาและพยาน 2คน มีข้อความว่าได้พร้อมใจกันเลิกสภาพการเป็นสามีภริยากันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เช่นนี้ เป็นการเลิกสภาพการเป็นสามีภริยาโดยพฤตินัย แต่โดยทางนิตินัยยังมิได้หย่าขาดกันตามกฎหมาย หรือมีความประสงค์จะไปจดทะเบียนในภายหลังและต่อมาอีก 5 วัน สามีโทรเลขให้ภริยากลับบ้านบอกว่าฉีกหนังสือนั้นแล้ว ต่อมาได้คืนดีกันและประพฤติต่อกันฉันสามีภริยาอีกดังนี้ จะถือว่าหย่าขาดจากกันตามหนังสือดังกล่าวไม่ได้
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีมีใจความว่า สามีเป็นสัตว์ป่าในร่างมนุษย์เป็นการหมิ่นประมาทสามีอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(2)
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีมีข้อความว่า ภริยาจะจ้างด้วยเงิน ด้วยตัวกับผู้ที่หลงรักภริยา ให้เอาน้ำกรดสาดหน้าสามี ย่อมถือได้ว่าภริยาทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงจนสามีไม่อาจจะอยู่กินกันได้เพราะอาจได้รับอันตรายจากภริยาเมื่อใดก็ได้อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(3)
ภริยามีที่ดินและอาคารราคาสองแสนบาทเศษ ใช้อาคารนั้นเป็นหอพักเก็บผลประโยชน์ได้เดือนละ 1,000 บาทเศษ และทำงานได้เงินเดือนเดือนละ 1,975 บาทถือว่าภริยามีรายได้พอจากทรัพย์สินและการงานที่ทำเมื่อหย่ากันโดยสามีภริยาเป็นผู้ต้องรับผิดทั้งสองฝ่าย สามีไม่ต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1506
แม้โจทก์ฟ้องขอหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(2)(3) เมื่อพ้นกำหนด 3 เดือนนับแต่วันรู้เหตุหย่าก็ตามแต่จำเลยไม่ได้ยกเอาเหตุแห่งการระงับของสิทธิฟ้องร้องตามมาตรา 1509 ขึ้นต่อสู้ไว้ ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีมีใจความว่า สามีเป็นสัตว์ป่าในร่างมนุษย์เป็นการหมิ่นประมาทสามีอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(2)
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีมีข้อความว่า ภริยาจะจ้างด้วยเงิน ด้วยตัวกับผู้ที่หลงรักภริยา ให้เอาน้ำกรดสาดหน้าสามี ย่อมถือได้ว่าภริยาทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงจนสามีไม่อาจจะอยู่กินกันได้เพราะอาจได้รับอันตรายจากภริยาเมื่อใดก็ได้อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(3)
ภริยามีที่ดินและอาคารราคาสองแสนบาทเศษ ใช้อาคารนั้นเป็นหอพักเก็บผลประโยชน์ได้เดือนละ 1,000 บาทเศษ และทำงานได้เงินเดือนเดือนละ 1,975 บาทถือว่าภริยามีรายได้พอจากทรัพย์สินและการงานที่ทำเมื่อหย่ากันโดยสามีภริยาเป็นผู้ต้องรับผิดทั้งสองฝ่าย สามีไม่ต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1506
แม้โจทก์ฟ้องขอหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(2)(3) เมื่อพ้นกำหนด 3 เดือนนับแต่วันรู้เหตุหย่าก็ตามแต่จำเลยไม่ได้ยกเอาเหตุแห่งการระงับของสิทธิฟ้องร้องตามมาตรา 1509 ขึ้นต่อสู้ไว้ ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าจากเหตุหมิ่นประมาท, ทำร้ายร่างกาย, และฐานะทางการเงินของคู่สมรส
สามีภริยาได้ทำหนังสือลงลายมือชื่อสามีภริยาและพยาน 2คน มีข้อความว่าได้พร้อมใจกันเลิกสภาพการเป็นสามีภริยากันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป. เช่นนี้ เป็นการเลิกสภาพการเป็นสามีภริยาโดยพฤตินัย. แต่โดยทางนิตินัยยังมิได้หย่าขาดกันตามกฎหมาย หรือมีความประสงค์จะไปจดทะเบียนในภายหลัง. และต่อมาอีก 5 วัน สามีโทรเลขให้ภริยากลับบ้านบอกว่าฉีกหนังสือนั้นแล้ว. ต่อมาได้คืนดีกันและประพฤติต่อกันฉันสามีภริยาอีก. ดังนี้ จะถือว่าหย่าขาดจากกันตามหนังสือดังกล่าวไม่ได้.
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีมีใจความว่า สามีเป็นสัตว์ป่าในร่างมนุษย์. เป็นการหมิ่นประมาทสามีอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(2).
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีมีข้อความว่า ภริยาจะจ้างด้วยเงิน ด้วยตัวกับผู้ที่หลงรักภริยา ให้เอาน้ำกรดสาดหน้าสามี. ย่อมถือได้ว่าภริยาทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง. จนสามีไม่อาจจะอยู่กินกันได้. เพราะอาจได้รับอันตรายจากภริยาเมื่อใดก็ได้. อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(3).
ภริยามีที่ดินและอาคารราคาสองแสนบาทเศษ ใช้อาคารนั้นเป็นหอพักเก็บผลประโยชน์ได้เดือนละ 1,000 บาทเศษ และทำงานได้เงินเดือนเดือนละ 1,975 บาทถือว่าภริยามีรายได้พอจากทรัพย์สินและการงานที่ทำ. เมื่อหย่ากันโดยสามีภริยาเป็นผู้ต้องรับผิดทั้งสองฝ่าย สามีไม่ต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1506.
แม้โจทก์ฟ้องขอหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(2)(3). เมื่อพ้นกำหนด 3 เดือนนับแต่วันรู้เหตุหย่าก็ตาม. แต่จำเลยไม่ได้ยกเอาเหตุแห่งการระงับของสิทธิฟ้องร้องตามมาตรา 1509 ขึ้นต่อสู้ไว้. ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้.
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีมีใจความว่า สามีเป็นสัตว์ป่าในร่างมนุษย์. เป็นการหมิ่นประมาทสามีอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(2).
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีมีข้อความว่า ภริยาจะจ้างด้วยเงิน ด้วยตัวกับผู้ที่หลงรักภริยา ให้เอาน้ำกรดสาดหน้าสามี. ย่อมถือได้ว่าภริยาทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง. จนสามีไม่อาจจะอยู่กินกันได้. เพราะอาจได้รับอันตรายจากภริยาเมื่อใดก็ได้. อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(3).
ภริยามีที่ดินและอาคารราคาสองแสนบาทเศษ ใช้อาคารนั้นเป็นหอพักเก็บผลประโยชน์ได้เดือนละ 1,000 บาทเศษ และทำงานได้เงินเดือนเดือนละ 1,975 บาทถือว่าภริยามีรายได้พอจากทรัพย์สินและการงานที่ทำ. เมื่อหย่ากันโดยสามีภริยาเป็นผู้ต้องรับผิดทั้งสองฝ่าย สามีไม่ต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1506.
แม้โจทก์ฟ้องขอหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(2)(3). เมื่อพ้นกำหนด 3 เดือนนับแต่วันรู้เหตุหย่าก็ตาม. แต่จำเลยไม่ได้ยกเอาเหตุแห่งการระงับของสิทธิฟ้องร้องตามมาตรา 1509 ขึ้นต่อสู้ไว้. ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือเลิกสภาพสมรส, พฤติกรรมชู้สาว, ข่มขู่ทำร้าย และสิทธิค่าอุปการะเลี้ยงดูในคดีหย่า
สามีภริยาได้ทำหนังสือลงลายมือชื่อสามีภริยาและพยาน 2 คน มีข้อความว่าได้พร้อมใจกันเลิกสภาพการเป็นสามีภริยากันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เช่นนี้ เป็นการเลิกสภาพการเป็นสามีภริยาโดยพฤตินัย แต่โดยทางนิตินัยยังมิได้หย่าขาดกันตามกฎหมาย หรือมีความประสงค์จะไปจดทะเบียนในภายหลัง และต่อมาอีก 5 วัน สามีโทรเลขให้ภริยากลับบ้านบอกว่าฉีกหนังสือนั้นแล้ว ต่อมาได้คืนดีกันและประพฤติต่อกันฉันสามีภริยาอีก ดังนี้ จะถือว่าหย่าขาดจากกันตามหนังสือดังกล่าวไม่ได้
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีมีใจความว่า สามีเป็นสัตว์ป่าในร่างมนุษย์ เป็นการหมิ่นประมาทสามีอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500 (2)
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีข้อความว่า ภริยาจะจ้างด้วยเงิน ด้วยตัวกับผู้ที่หลงรักภริยา ให้เอาน้ำกรดสาดหน้าสามี ย่อมถือได้ว่าภริยาทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง จนสามีไม่อาจจะอยู่กินกันได้ เพราะอาจได้รับอันตรายจากภริยาเมื่อใดก็ได้ อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500 (3)
ภริยามีที่ดินและอาคารราคาสองแสนบาทเศษ ใช้อาคารนั้นเป็นหอพักเก็บผลประโยชน์ได้เดือนละ 1,000 บาทเศษ และทำงานได้เงินเดือน ๆ ละ 1,975 บาท ถือว่าภริยามีรายได้พอจากทรัพย์สินและการงานที่ทำ เมื่อหย่ากันโดยสามีภริยาเป็นผู้ต้องรับผิดทั้งสองฝ่าย สามีไม่ต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1506
แม้โจทก์ฟ้องขอหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ราคา 1500 (2) (3) เมื่อพ้นกำหนด 3 เดือนนับแต่วันรู้เหตุหย่าก็ตาม แต่จำเลยไม่ได้ยกเอาเหตุแห่งการระงับของสิทธิฟ้องร้องตามมาตรา 1509 ขึ้นต่อสู้ไว้ ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีมีใจความว่า สามีเป็นสัตว์ป่าในร่างมนุษย์ เป็นการหมิ่นประมาทสามีอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500 (2)
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีข้อความว่า ภริยาจะจ้างด้วยเงิน ด้วยตัวกับผู้ที่หลงรักภริยา ให้เอาน้ำกรดสาดหน้าสามี ย่อมถือได้ว่าภริยาทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง จนสามีไม่อาจจะอยู่กินกันได้ เพราะอาจได้รับอันตรายจากภริยาเมื่อใดก็ได้ อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500 (3)
ภริยามีที่ดินและอาคารราคาสองแสนบาทเศษ ใช้อาคารนั้นเป็นหอพักเก็บผลประโยชน์ได้เดือนละ 1,000 บาทเศษ และทำงานได้เงินเดือน ๆ ละ 1,975 บาท ถือว่าภริยามีรายได้พอจากทรัพย์สินและการงานที่ทำ เมื่อหย่ากันโดยสามีภริยาเป็นผู้ต้องรับผิดทั้งสองฝ่าย สามีไม่ต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1506
แม้โจทก์ฟ้องขอหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ราคา 1500 (2) (3) เมื่อพ้นกำหนด 3 เดือนนับแต่วันรู้เหตุหย่าก็ตาม แต่จำเลยไม่ได้ยกเอาเหตุแห่งการระงับของสิทธิฟ้องร้องตามมาตรา 1509 ขึ้นต่อสู้ไว้ ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการยุยงให้หลบหนี ทำให้ผู้อื่นเสียค่าปรับประกัน
จำเลยได้ยุยงให้นายสมนึกจำเลยในคดีอาญาหลบหนี โดยให้เงินและฝากให้ทำงานในที่ห่างไกล ทั้งนี้ เพื่อให้โจทก์ซึ่งเป็นนายประกัน นายสมนึกถูกศาลปรับฐานผิดสัญญาประกัน นายสมนึกได้หลบหนีไป และโจทก์ได้ถูกศาลปรับฐานผิดสัญญาประกัน การกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการยุยงให้หลบหนีเพื่อทำให้คู่กรณีเสียค่าปรับประกัน
จำเลยได้ยุยงให้นายสมนึกจำเลยในคดีอาญาหลบหนี โดยให้เงินและฝากให้ทำงานในที่ห่างไกลทั้งนี้ เพื่อให้โจทก์ซึ่งเป็นนายประกันนายสมนึกถูกศาลปรับฐานผิดสัญญาประกันนายสมนึกได้หลบหนีไป และโจทก์ได้ถูกศาลปรับฐานผิดสัญญาประกัน การกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการยุยงให้หลบหนี ทำให้เกิดความเสียหายจากค่าปรับและค่าติดตามตัว
จำเลยได้ยุยงให้นายสมนึกจำเลยในคดีอาญาหลบหนี โดยให้เงินและฝากให้ทำงานในที่ห่างไกล. ทั้งนี้ เพื่อให้โจทก์ซึ่งเป็นนายประกันนายสมนึกถูกศาลปรับฐานผิดสัญญาประกัน.นายสมนึกได้หลบหนีไป และโจทก์ได้ถูกศาลปรับฐานผิดสัญญาประกัน. การกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นละเมิดต่อโจทก์.